ฉายภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หนุนซอฟต์พาวเวอร์-ผลักดันเศรษฐกิจไทย

เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มนวัตกรรทางการเงินอย่างไม่หยุดยั้ง

ผลสำรวจล่าสุดของ SiteMinder ผู้นำแพลตฟอร์มระดับโลกที่จะเข้ามาปลดล็อกศักยภาพในการสร้างรายได้เต็มรูปแบบให้กับโรงแรม เผยให้เห็นว่าเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ส่งผลให้อัตราค่าห้องพักโดยเฉลี่ยพุ่งสูงขึ้นถึง 33% ในเดือนเมษายนเพียงเดือนเดียว

โดยอัตราเฉลี่ยรายวัน (ราคาห้องพัก) ในประเทศไทยระหว่างวันที่ 11-18 เมษายน เพิ่มขึ้นเป็น 5,421 บาท (148 เหรียญสหรัฐ) จาก 4,087 บาท (120 เหรียญสหรัฐ) เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตราเฉลี่ยรายวันดังกล่าว เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อนสงกรานต์ที่มีอัตราเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 4,949 บาท (135 เหรียญสหรัฐ) แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเทศกาลสงกรานต์ที่มีต่อโรงแรมและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศ

“ในช่วงเทศกาลสำคัญของประเทศไทยอย่างเทศกาลสงกรานต์ นับเป็นช่วงเวลาที่สร้างรายได้ให้กับโรงแรมได้อย่างดีเยี่ยม” แบรด ไฮนส์ รองประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค บริษัท SiteMinder กล่าว “โรงแรมต่าง ๆ ไม่เพียงแค่สร้างรายได้มากขึ้นกว่าที่เคย ซึ่งเห็นได้จากอัตราเฉลี่ยรายวันที่สูงขึ้น แต่ผลการดำเนินงานในปีนี้ ยังเผยให้เห็นถึงความสำคัญของการปรับเรทราคาแบบเรียลไทม์ตามแนวโน้มของตลาดในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยรายวันของช่วงสัปดาห์สงกรานต์ปีที่ผ่านมา และช่วงสัปดาห์ก่อนสงกรานต์ในปีนี้”

ข้อมูลจากผลสำรวจของ SiteMinder ยังแสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวที่วางแผนการเข้าพักช่วงสงกรานต์ในปีนี้ มีการจองล่วงหน้านานถึง 42 วัน โดยระยะเวลาการจองล่วงหน้านานกว่าเดิมถึง 56% เมื่อเทียบกับการจองล่วงหน้า 27 วันในปีที่แล้ว

การเดินทางภายในประเทศยังเพิ่มขึ้นสูงสุดในเดือนเมษายน นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2566 โดยนักเดินทางภายในประเทศคิดเป็น 23% ของการเช็คอินทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเพียง 13% ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ของปีนี้ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จองเข้าพักในช่วงเทศกาลสงกรานต์กับโรงแรมและที่พักต่าง ๆ ในเครือข่ายของ SiteMinder ส่วนใหญ่มาจากสหราชอาณาจักร เยอรมนี อินโดนีเซีย ฝรั่งเศส และออสเตรเลียตามลำดับ

“แม้ว่าอัตราค่าห้องพักจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ปริมาณนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากที่เข้ามาพักที่โรงแรมในไทยในเดือนที่ผ่านมา ตอกย้ำถึงความนิยมที่แพร่หลายของเทศกาลสงกรานต์ นอกจากนี้ยังเห็นได้จากระยะเวลาการจองล่วงหน้าที่นานกว่าเดิมถึง 15 วัน แสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นที่ผู้คนมีต่อช่วงเทศกาล และเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่วางแผนและจองการเดินทางล่วงหน้าในช่วงเทศกาลสำคัญ โรงแรมจึงจำเป็นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของนักท่องเที่ยว ซึ่งโรงแรมจะสามารถสร้างรายได้สูงสุดจากการตอบสนองและปรับกลยุทธ์ราคาห้องตามการคาดการณ์ หรือเสนอการอัปเกรดและสิทธิพิเศษให้แขกก่อนเช็คอิน” ไฮนส์ กล่าว

“พฤกษา โฮลดิ้ง” เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 ทำรายได้ 4,171 ล้านบาท ได้รับการตอบรับดีเกินคาดจากการออกหุ้นกู้  2 ชุด ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โฟกัสเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มพรีเมียม เดินหน้าตามแผนเปิดโครงการใหม่ในไตรมาสสอง  7 โครงการ มูลค่า 7,100 ล้านบาท  ธุรกิจเฮลท์แคร์เติบโตในทุกมิติ ทำรายได้สูงขึ้น 21%  สานต่อความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มด้านสุขภาพ พร้อมลงทุนเพิ่มสัดส่วนการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) อย่างต่อเนื่อง

นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกปี 2567 ว่า บริษัททำรายได้ราว 4,171 ล้านบาท  ในช่วงไตรมาสแรก ทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีขึ้นที่ 32% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 ที่ 31.5% และยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน (Net gearing ratio) ต่ำที่ 0.31 เท่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้มีการเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ แบบมีผู้ค้ำประกัน จำนวน 2 ชุด ต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งได้ออกหุ้นกู้แล้วเสร็จในวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีอายุหุ้นกู้ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.18% ต่อปี และอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.48% ต่อปี ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด อยู่ที่ระดับ A-  ซึ่งบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกรายที่ให้ความไว้วางใจ ทำให้ได้รับยอดจองสูงกว่ามูลค่าที่ทำการเสนอขายประมาณ 1.5 เท่า ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ จำนวน 4,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯ วางแผนจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และต่อยอดธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนการทำงานในองค์รวมต่อไป

ในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  บริษัทฯ ทำยอดโอนได้ 3,475 ล้านบาท และทำยอดขายได้ 3,374 ล้านบาท โดยกลุ่มสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวมียอดขาย 1,342 ล้านบาท เติบโตราว 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ในขณะที่สินค้าในกลุ่มพรีเมียมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากการเปิดการขายโครงการเดอะปาล์ม บางนา-วงแหวน 2 ในช่วงไตรมาสแรก สอดคล้องกับแผนการเปิดโครงการใหม่ที่จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าในกลุ่มพรีเมียม (มากกว่า 7 ล้านบาท) ให้มากขึ้นเป็น 50%  ในครึ่งปีแรก ยังคงแผนการเปิดโครงการใหม่ รวม 8 โครงการ มูลค่า  9,000 ล้านบาท (เปิดไปแล้ว 1 โครงการ ในไตรมาสแรก ได้แก่ โครงการเดอะปาล์ม บางนา-วงแหวน 2 ) และในครึ่งปีหลัง 22 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งยังมีโครงการไฮไลท์สำคัญที่กำลังจะเปิดใหม่เร็ว ๆ นี้ อาทิ โครงการแบรนด์ใหม่ “ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น” บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 3 ชั้น สไตล์ British Timeless Elegance และโครงการ “เดอะปาล์ม เรสซิเดนเซส วัชรพล” บ้านหรูสไตล์พูลวิลล่า ดีไซน์คลาสสิค French Hussmann พร้อมนวัตกรรมกรองอากาศและลดพลังงานภายในบ้าน (Active Air Quality, Active Air Flow) นวัตกรรมเพื่อสุขภาพและการใช้ชีวิตที่ดี พร้อมมีทีมแพทย์จาก รพ.วิมุต และ Chersery Home International ดูแลสุขภาพทุกคนในครอบครัวถึงที่บ้านเหมือนมีแพทย์ประจำครอบครัว บริการผู้ช่วยส่วนตัว (Concierge Service) และบริการจากแอปพลิเคชัน MyHaus นวัตกรรมระบบบ้านอัจฉริยะ ที่จะเป็นศูนย์กลางดูแลเรื่องความปลอดภัยในบ้าน และอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านและนิติบุคคลเข้ามาใช้ เพื่อสร้างจุดขายที่แตกต่างและโดดเด่นให้กับโครงการ  นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่า 4,429 ล้านบาท และยังมีสินค้าที่ยังเปิดขายอยู่มูลค่ารวม 61,269 ล้านบาท ซึ่งยังคงรองรับการเติบโตได้ถึง 2 ปี

ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ มีทิศทางเติบโตในทุกมิติ ทำรายได้ 499 ล้านบาท เติบโต 21% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 โดยมีรายได้สูงสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอกสูงขึ้น (แบ่งเป็นผู้ป่วยชาวไทย และชาวต่างชาติสูงขึ้น 32% และ 30% ตามลำดับ) ช่วงระหว่างปีที่ผ่านมาเดินหน้าสานต่อแผนสู่ความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มด้านสุขภาพ (Trusted Healthcare Platform) ประกาศรีแบรนด์ร.พ.เทพธารินทร์ สู่ “โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์” ชูศักยภาพความเป็นผู้ชำนาญและความเป็นเลิศด้านเบาหวานและต่อมไร้ท่อ  และวางแผนขยายบริการไปถึงกลุ่มลูกบ้านพฤกษาผ่านการมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ  นอกจากนี้ โรงพยาบาลวิมุต ยังได้ขยายบริการเพิ่มเติม ทั้งการผ่าตัดศัลยกรรมขากรรไกรและใบหน้า (Maxillofacial Surgery) เปิด “ศูนย์เลสิก โรงพยาบาลวิมุต (ViMUT LASIK Center)” ชูนวัตกรรมที่ปลอดภัย ด้วยนวัตกรรมเครื่อง “FEMTO LDV Z8” จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมอยู่ระหว่างการก่อสร้างศูนย์ฟื้นฟูและดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุและครอบครัวในย่านวัชรพล เพื่อรองรับการดูแลสุขภาพของลูกค้าในโครงการบ้านในละแวกนั้น และชุมชนใกล้เคียงทั้งหมดเพื่อเติมเต็มอีโคซิสเต็มในเครือพฤกษา ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตตามกรอบแนวคิด “อยู่ดี มีสุข”

ด้านการดำเนินงานต่อยอดธุรกิจ สร้างรายได้ประจำตามกลยุทธ์ Seed new business ล่าสุดเดินหน้าตามแผนงานการก่อสร้างเมกะโปรเจกต์ “โอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส” คลังสินค้าครบวงจรด้วยเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ที่ทันสมัยพร้อมบริการโซลูชันแบบองค์รวม มูลค่า 8,430 ล้านบาท บนพื้นที่ย่านบางบ่อรวมกว่า 200,000 ตารางเมตร ภายใต้บริษัทร่วมทุน 51:49 กับกองทุน “CapitaLand SEA Logistics Fund”  โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี เพื่อรองรับเทรนด์การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปี 2569 เป็นต้นไป โดยจะมี แอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ (Ally Logistic Property หรือ ALP) นำโซลูชันคลังสินค้าแบบอัจฉริยะและครบวงจรที่ล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมโลจิส ติกส์ของประเทศไต้หวันมาร่วมให้บริการด้วย

ผลักดันธุรกิจด้วยนวัตกรรม พร้อมรักษาสมดุลระหว่างธุรกิจหลักและการเติบโตในอนาคต  เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ

จากกรณีรถกระบะ หมายเลขทะเบียน ผห 5347 เชียงใหม่ เฉี่ยวชนรถตู้โรงพยาบาลพร้าว หมายเลขทะเบียน จง 8142 เชียงใหม่ บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 1001 เชียงใหม่-พร้าว หมู่ 6 ตำบลโหล่งขอด อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 6 ราย เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) โดยสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 1 (เชียงใหม่) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุได้ตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัย พร้อมทั้งติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จังหวัดเชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่ทันทีและจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถกระบะ หมายเลขทะเบียน ผห 5347 เชียงใหม่ จัดทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท บางกอกสหประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 7 มีนาคม 2567 ถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 กรมธรรม์ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บค่ารักษาสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน

ในส่วนของรถตู้โรงพยาบาล หมายเลขทะเบียน จง 8142 เชียงใหม่ จััดทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 15 สิงหาคม 2566 ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2567 กรมธรรม์ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บค่ารักษาสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคนและกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน นอกจากนี้มีการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 1) ไว้กับบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มความคุ้มครองวันที่ 15 สิงหาคม 2566 ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2567 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก จำนวน 1,000,000 บาทต่อคน 10,000,000 บาทต่อครั้ง ความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก 5,000,000 บาทต่อครั้ง ความเสียหายต่อรถยนต์ 980,000 บาท รถยนต์สูญหาย/ไฟไหม้ 980,000 บาท สำหรับความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร (ร.ย. 01) ผู้ขับขี่/ผู้โดยสาร 6 คน ๆ ละ  2,000,000 บาท และค่ารักษาพยาบาล (ร.ย. 02) จำนวน 500,000 บาทต่อคน ประกันตัวผู้ขับขี่ (ร.ย. 03) 200,000 บาทต่อครั้ง

สำหรับการติดตามค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ขณะนี้ผลคดีอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของพนักงานสอบสวน โดยเบื้องต้นทายาทโดยธรรมของผู้ประสบอุบัติเหตุที่เสียชีวิต จำนวน 4 ราย จะได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัย ดังนี้

  1. ผู้ขับขี่รถกระบะมีสิทธิได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นค่าปลงศพ จากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 35,000 บาท
  2. ผู้โดยสารรถกระบะที่เสียชีวิต จำนวน 2 ราย มีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) รายละ 500,000 บาท
  3. ผู้โดยสารรถตู้โรงพยาบาลที่เสียชีวิต จำนวน 1 ราย มีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 500,000 บาท และจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 1 กรณีความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ รายละ 2,000,000 บาท รวมเป็นเงินที่ทายาทจะได้รับรายละ 2,500,000 บาท
  4. ผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแม่แตง โรงพยาบาลพร้าว โรงพยาบาลสันทราย โรงพยาบาลนครพิงค์ สำนักงาน คปภ. จังหวัดเชียงใหม่ ได้ประสานกับบริษัทประกันภัยเข้าไปอำนวยความสะดวกและรับรองสิทธิค่ารักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลโดยตรง โดยผู้บาดเจ็บไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาตามสิทธิแต่อย่างใด

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 สำนักงาน คปภ. ภาค 1 (เชียงใหม่) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดเชียงใหม่ ได้ประสานงานกับบริษัท บางกอกสหประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาเชียงใหม่ และบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เพื่อรวบรวมเอกสารและอำนวยความสะดวกเพื่อดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็วแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอทายาทโดยธรรมจัดเตรียมเอกสารให้แก่บริษัทประกันภัย

นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. อยู่ระหว่างบูรณาการร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่า ผู้ประสบภัยหรือผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้มีการทำประกันภัยเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้อีกหรือไม่ หากตรวจสอบพบว่ามีการทำประกันภัยก็จะได้รับสิทธิตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้ทุกประการ

DPU มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มหาวิทยาลัยชั้นนำ ร่วมกับ TikTok Shop แพลตฟอร์มยอดฮิต จัดเวิร์คชอปให้ GEN Z สร้างความเข้าใจธุรกิจ รู้ช่องทางสร้างเงินบน TikTok เจาะลึกการเรียนรู้เทรนด์การตลาดยุคใหม่ นำความรู้โลกธุรกิจสู่การลงมือทำ คิกออฟเส้นการเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์สู่เส้นทางการสร้างรายได้

นางสาวเกล็ดทราย อินทรพล ผู้อำนวยการสายงานการตลาดและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยว่า DPU มุ่งเน้นการสร้างทักษะใหม่ ๆ ที่ก้าวทันเทรนด์โลกให้กับนักศึกษาอยู่ตลอดเวลา โดยหนึ่งในภารกิจหลัก คือ การจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมทักษะการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Skills) และพัฒนาความรู้ความสามารถที่ทันสมัยให้กับนักศึกษา ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด DPU ร่วมกับ TikTok Shop จัดกิจกรรม ภายใต้ชื่อ ‘DPU x TikTok Shop ปั้น Shoppertainment ชี้ช่องทางสร้างเงินสายคอนเทนต์ครีเอเตอร์’ โดยเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจาก TikTok Shop ร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ‘เทคนิคการทำคอนเทนต์ติดตะกร้า สร้างยอดขายให้ปังบน TikTok’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำธุรกิจและการตลาดบนโลกออนไลน์ในปัจจุบัน โดยจุดประสงค์ของการจัดกิจกรรมครั้งนี้เพื่อสร้างทักษะ และ แรงบันดาลใจให้นักศึกษา DPU ไปสู่การเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่โดดเด่น สามารถสร้างรายได้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ในอนาคต

กิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้น เนื่องจาก DPU เห็นถึงความสำคัญของแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม TikTok ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และกำลังมาแรงในกลุ่ม GEN Z เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถนำมาต่อยอดในการสร้างรายได้ โดยเฉพาะ Affiliate marketing รวมถึงการสร้างแบรนด์ผ่านคอนเทนท์บนแพลตฟอร์ม TikTok

“DPU ให้ความสำคัญกับการมอบประสบการณ์และพัฒนาทักษะนักศึกษามาอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมที่ทำร่วมกับ TikTok ในครั้งนี้ นักศึกษาจะมองเห็นภาพของธุรกิจผ่านการลงมือทำ ได้เรียนรู้เทคนิคการสร้างรายได้ และเพิ่มยอดขายให้ประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์ม TikTok ในขณะเดียวกันก็เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างนักศึกษาซึ่งเป็น User กลุ่มคนรุ่นใหม่ กับ TikTok Shop และยังถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดี ระหว่าง DPU กับ TikTok เพื่อต่อยอดและพัฒนาโครงการดี ๆ ร่วมกันในอนาคต” นางสาวเกล็ดทราย กล่าว

นางสาวกรณิการ์ นิวัติศัยวงศ์ ห้วหน้าฝ่าย เอฟเอ็มซีจี ธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ ติ๊กต็อก ช็อป ประเทศไทย กล่าวว่า TikTok Shop รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาแบ่งปันองค์ความรู้และทักษะเชิงดิจิทัลให้กับนักศึกษาซึ่งถือเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่จะกลายเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคตอันใกล้นี้ เราเล็งเห็นว่าตลาดแรงงานในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตทุกด้านรวมไปถึงการทำงาน เกิดอาชีพใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างรายได้ ทำให้เข้าถึงโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ง่ายขึ้น TikTok ในฐานะแพลตฟอร์มเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความบันเทิง เรามุ่งมั่นที่จะปลดล็อคโอกาสดังกล่าวให้กับทุกคนโดยไม่มีข้อจำกัดทั้งในเรื่องอายุ เพศ และการศึกษา เพียงแค่มีความตั้งใจในการนำเสนอเรื่องราว สินค้า หรือ บริการ ที่โดนใจผู้ชมก็สามารถได้รับการมองเห็นและสร้างรายได้บนแพลตฟอร์มเราได้ TikTok Shop หวังว่าการมาแบ่งปันความรู้ในครั้งนี้จะช่วยจุดประกายแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ดี ๆ ให้กับสังคมไทย ตลอดจนนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดความสำเร็จในอนาคต

สำหรับบรรยากาศงานเต็มไปด้วยความคึกคักจากนักศึกษากว่า 100 คนที่เข้าฟังการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์การทำคอนเทนต์ โดยวิทยากกรจาก TikTok Shop Creator ซึ่งมีเนื้อหาน่าสนใจ ได้แก่ การสร้างคอนเทนต์ Short Clip ให้โดนใจคนดู, การเล่าเรื่อง Storytelling, กฎและนโยบายการทำคอนเทนต์บน TikTok และ How to การติดตะกร้าในคอนเทนต์บน TikTok นอกจากการบรรยายเนื้อหาที่น่าสนใจแล้ว ยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปให้นักศึกษาได้นำความรู้มาต่อยอด สร้างสรรค์คอนเทนต์และโพสต์เผยแพร่คอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม TikTok

ทั้งนี้ จากเทรนด์การตลาดบนโลกออนไลน์ที่มาแรงในปัจจุบัน TikTok เป็นทั้งช่องทางการแสดงตัวตนและสร้างโอกาสให้กับหลายคนได้แจ้งเกิด หนึ่งในนั้นคือ นางสาวอัญชิการ์ กุมาร อโรร่า นักศึกษาปีที่ 3 หลักสูตรสื่อดิจิทัลและการสร้างสรรค์ (DCM) คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ คนรุ่นใหม่ที่ทำให้เห็นว่า ใคร ๆ ก็เป็นครีเอเตอร์ได้ ขอแค่มีความตั้งใจ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ก็สามารถต่อยอดเป็นช่องทางหารายได้เป็นหลักหมื่นหลักแสนต่อเดือนได้

“เริ่มต้นเปิดช่อง Jennyarora10 ใน TikTok ตั้งแต่ช่วงโควิด โดยทำคลิปคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์ตามที่ตัวเองชอบ ลงมือทำเองทั้งในส่วนของการเขียนสคริปต์ ตัดต่อ แล้วก็โพสต์บนแพลตฟอร์ม TikTok อย่างต่อเนื่อง เนื้อหาที่เรียนในคลาสและกิจกรรมที่ DPU จัด ยิ่งทำให้เราสามารถทำคอนเทนต์ได้ดี ตรงใจคนดูมากขึ้น ตอนนี้มีผู้ติดตามถึง 3.1 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นเด็กและวัยรุ่น ทำให้สามารถสร้างรายได้จากการรีวิวสินค้าและผลิตคอนเทนต์ ประมาณ 15,000-60,000 บาทต่อเดือน นับว่าเป็นโอกาสหาเงินสำหรับเป็นค่าเรียนของตัวเองโดยที่ไม่ต้องรบกวนพ่อแม่” นางสาวอัญชิการ์ กล่าว

สำหรับกิจกรรม “DPU x TikTok Shop ปั้น Shoppertainment ชี้ช่องทางสร้างเงินสายคอนเทนต์ครีเอเตอร์” ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมทักษะที่สำคัญในยุคดิจิทัลที่ DPU ให้ความสำคัญและจัดให้นักศึกษาอย่างต่อเนื่อง ติดตามกิจกรรมต่าง ๆ ของ DPU มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้ที่ Facebook : @dpu.ac.th

เอสซีจีซี ระดมทีมลงพื้นที่กลุ่มประมงเรือเล็กตากวน-อ่าวประดู่ เดินหน้ารับฟังข้อกังวลและบรรเทาปัญหาชุมชนต่อเนื่อง เบื้องต้นได้จัดบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจและให้คำปรึกษาด้านสุขภาพอย่างใกล้ชิด พร้อมมอบอุปกรณ์การแพทย์และยาที่จำเป็น ณ ที่ทำการกลุ่มประมงเรือเล็กตากวน-อ่าวประดู่ นอกจากนี้ ยังเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้น ยืนยันน้ำและโฟมจากการดับเพลิงไม่รั่วไหลและปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีเขื่อนกั้น (Bund) ความสูง 4 เมตร รองรับ ซึ่งออกแบบตามมาตรฐานความปลอดภัยตั้งแต่เริ่มสร้างโรงงาน โดยน้ำและโฟมดังกล่าวจะถูกนำไปกำจัดอย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป 

สำหรับผู้ได้รับผลกระทบ สามารถติดต่อศูนย์ช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โทร 085-650-4049

บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาที่พักอาศัยคุณภาพที่มาพร้อมกับความ    น่าอยู่ในทุกมิติ เพื่อยกระดับรูปแบบการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดมามากกว่า 35 ปี พร้อมส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัย ‘Livable Living Experience’ ให้เป็นบ้านที่ ‘น่าอยู่’ สำหรับทุกคน จัดโปรโมชั่นพิเศษ MAY DAY มี DEAL” รวม 6 โครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด พร้อมรับสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่จองภายในงานวันที่ 18-19 พ.ค.67 รับความคุ้มค่า 3 ต่อ อาทิ ต่อที่1 ส่วนลดมูลค่าสูงสุด 400,000 บาท*, ต่อที่2 ฟรี! แพ็คเกจเฟอร์นิเจอร์*, ฟรี! แพ็คเกจเครื่องใช้ไฟฟ้า* (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) สำหรับ 6 โครงการคอนโดมิเนียมที่เข้าร่วมโปรโมชั่น MAY DAY มี DEAL” ได้แก่

1.Lumpini Park Beach Cha-am 2 (ลุมพินี พาร์คบีช ชะอำ 2) : คอนโดสไตล์รีสอร์ต 4 ชั้น 4 อาคาร ติดทะเล เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงทะเล ขนาดห้องเริ่มต้น 31.50-67.50 ตร.ม. พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเหมาะแก่การพักผ่อนทั้งครอบครัว อย่างครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนพักผ่อน และห้องคุณหนู รายล้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหารทะเลแบบสดๆ เติมเต็มทุกกิจกรรมการพักผ่อนของทุกคนในครอบครัว พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ

ต่อที่ 1 ลดสูงสุด 9.9 แสน พิเศษเริ่ม 2.70 ล้าน* ปกติ 3.69 ล้าน*

ต่อที่ 2 ฟรี เฟอร์นิเจอร์แพ็กเกจ*

ต่อที่ 3 แอร์ และเครื่องทำน้ำอุ่น*

2.Lumpini Seaview Cha-Am (ลุมพินี ซีวิว ชะอำ) : คอนโดวิวทะเล พร้อมอยู่ ใกล้ถนนเลียบชายหาดชะอำ เดินเพียง 200 เมตร ถึงชายหาด ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยที่ต้องการเป็นเจ้าของโครงการคุณภาพ ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นห้อง ที่สามารถรองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ (รวม 2 เฟส) จำนวนห้องพักอาศัยรวม 989 ยูนิต มีแบบห้องให้เลือกทั้ง 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. และ 28.50 ตร.ม.

พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ

ต่อที่ 1 ลดสูงสุด 9.6 แสน พิเศษเริ่ม 1.1 ล้าน* ปกติ 2.06 ล้าน*

ต่อที่ 2 ฟรี เฟอร์นิเจอร์แพ็กเกจ*

ต่อที่ 3 แอร์ และเครื่องทำน้ำอุ่น*

3.PARK 168 ONNUT (พาร์ค 168 อ่อนนุช)  : คอนโดมิเนียม Low rise โครงการใหม่ จาก LPN ออกแบบการอยู่อาศัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบในคอนเซปท์ Let’s take a breath and give your Soul what it needs หยุดพัก...หายใจให้เต็มปอด และตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น เพื่อเปลี่ยนความเร่งรีบให้สงบ ร่มรื่น ท่ามกลาง Modern Japanese Garden ให้เมือง ธรรมชาติ เทคโนโลยี ผสานกันอย่างลงตัว มาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลาง 1.8 ไร่ มากกว่า 15 ฟังก์ชัน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ครบครันของคนรุ่นใหม่ มาพร้อมแบบห้องให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ ห้อง Convertible 24, Convertible 28, Standard 34 และ Deluxe 34 ขนาดเริ่มต้น 24 ตร.ม. – 35.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท* โดยมีพื้นที่ส่วนกลาง มากกว่า 15 ฟังก์ชัน อาทิ 1. Main Entrance : Torii Gateway 2. Juristic Person 3. Gateway Tunnel 4. J Park Indoor Living 5. J Park Outdoor Living 6. Dry Garden : Karesansui 7. Fitness Zone 8. Upper Terrace 9. Zen Pavilion 10. Swimming Pool 11. Sun Bed Deck 12. The Moon Bridge 13. The Tea Pavilion 14. J Park Living 15. The Tea Garden : Chaniwa 16. Tea Pavilion พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ

ต่อที่ 1 รับส่วนลดเพิ่ม 100,000 บาท

ต่อที่ 2 ฟรี เฟอร์นิเจอร์ แพ็คเกจ SB

ต่อที่ 3 ฟรี ของแถม 7 รายการ*

(แอร์+เครื่องทำน้ำอุ่น+เครื่องดูดควัน+เตาไฟฟ้า* + Digital Door Lock* + IOT* + Internet ฟรี 1 ปี*)

 

4.PARK 168 NOPPARAT RAMINDRA (พาร์ค 168 นพรัตน์ รามอินทรา) : คอนโด High Rise สูง 25 ชั้น 3 อาคาร โครงการใหม่จาก LPN ใกล้รถไฟฟ้าสถานีนพรัตน์ ติดถนนรามอินทรา ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิต ออกแบบทุกฟังก์ชัน ให้คุณอยู่สบายมีห้องให้เลือกหลายรูปแบบ อาทิ Studio Plus 25 ตร.ม. และ 1 Bedroom 34 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นเพียง 1.69 ล้านบาท* พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ 5 ไร่ พร้อม Facilities กว่า 19 กิจกรรม อาทิ Fitness, Half Olympic Swimming Pool, Co-Working Space, Living Lounge, Nordic Wellness Hub พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ

ต่อที่ 1 ส่วนลดสูงสุด 1 แสนบาท

ต่อที่ 2 ฟรี Gift Voucher แพ็คเกจเฟอร์นิเจอร์ครบ

ต่อที่ 3 ฟรี ชุดครัว Built-in ครบ พร้อมแอร์ 2 เครื่อง

 

5.PLACE 168 WUTTHAKAT (เพลส 168 วุฒากาศ) : คอนโดมิเนียม High Rise โครงการใหม่จาก LPN เป็นอาคารสูง 22 ชั้น รวม 357 ยูนิต ตั้งอยู่บนทำเลทองย่านวุฒากาศ ที่มาพร้อมกับส่วนกลางลอยฟ้า 3 ชั้น วิวพาโนราม่า และที่สุด… แห่งความเป็นส่วนตัว ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ครบครันของคนรุ่นใหม่ ในคอนเซปท์ Right Place, Bright Future มาพร้อมแบบห้องให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ ห้องสตูดิโอ, 1 ห้องนอน และ 1 ห้องนอน พลัส ขนาดเริ่มต้น 25 ตร.ม. – 41.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท* พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ

ต่อที่ 1 รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท

ต่อที่ 2 ฟรี เฟอร์นิเจอร์ แพ็คเกจ SB

ต่อที่ 3 ฟรี เครื่องใช้ไฟฟ้า 4 รายการ*

(แอร์ + เครื่องทำน้ำอุ่น + Hood Hob + Digital door lock)

 

6.PLACE 168 PINKLAO (เพลส 168 ปิ่นเกล้า) :  คอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ประกอบไปด้วย 4 อาคารพักอาศัย รวม 807 ยูนิต ทำเลดี ติดถนนใหญ่ ต้นปิ่นเกล้าก่อนถึงเซ็นทรัลปิ่นเกล้า 500 ม. ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีบางยี่ขัน มาพร้อมกับความส่วนตัวที่มากกว่า เพียง 8-10 ยูนิตต่อชั้น ส่วนกลางครบครัน จัดเต็ม 20 รายการ Sky lounge ทุกอาคารพักอาศัย มีรูปแบบห้องให้เลือกหลากหลาย อาทิ Studio 25-29 ตร.ม. / 1 Bedroom 33 ตร.ม. / 2 Bedroom 59 ตร.ม. / 3Bedroom 76 ตร.ม. พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ

ต่อที่ 1 ลดสูงสุด 4 แสน*  พิเศษ 2.09 ล้าน* (ปกติ 2.49 ล้าน*)

ต่อที่ 2 ฟรี เฟอร์นิเจอร์แพ็กเกจ SB

ต่อที่ 3 ฟรี เครื่องใช้ไฟฟ้า 7 รายการ

ห้ามพลาดกับโปรโมชั่นพิเศษ MAY DAY มี DEAL” ยกขบวน 6 โครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพโครงการใหม่และพร้อมอยู่ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รับความคุ้มค่า 3 ต่อ สำหรับผู้ที่จองภายในงานวันที่ 18-19 พ.ค.67 เท่านั้น! อาทิ ต่อที่1 ส่วนลดมูลค่าสูงสุด 400,000 บาท*, ต่อที่2 ฟรี! แพ็คเกจเฟอร์นิเจอร์*, ฟรี! แพ็คเกจเครื่องใช้ไฟฟ้า* (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมโครงการได้ที่สำนักงานขายทั้ง 6 โครงการ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 18.00 น. รายละเอียดเพิ่มเติมโทร LPN Call Center 02-689-6888 ช่องทางออนไลน์ www.lpn.co.th / Facebook: LPN Connect

เอไอเอ ประเทศไทย คว้ารางวัลอันดับ 1 คุณวุฒิตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ (National Agent Awards) หรือ NAA ครั้งที่ 24 ประจำปี 2567 ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน (THAIFA) ซึ่งในปีนี้มีพลังตัวแทนเอไอเอ พิชิตคุณวุฒิได้จำนวนมากถึง 204 ท่าน จากทั้งหมด 355 ท่าน ซึ่งมาจาก 15 บริษัททั่วประเทศ ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของพลังตัวแทนเอไอเอ และความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ โดยพิธีมอบรางวัลได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ผู้ได้รับรางวัล ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ ในธีมงาน “Gateway to Success”

 

ในการนี้ ผู้ได้รับรางวัล 10 อันดับสูงสุดของตัวแทนประกันชีวิตจากทั่วประเทศ เป็นพลังตัวแทนจากเอไอเอ มากถึง 7 ท่าน ซึ่งได้รับเกียรติจาก คุณชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)  เป็นประธานเปิดงานและให้เกียรติมอบถ้วยรางวัลให้แก่ 10 อันดับแรก ตลอดจนมีผู้บริหารเอไอเอ ประเทศไทย นำโดย คุณดำรงศักดิ์ ขุนทอง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารตัวแทนภูมิภาค 2 และคุณสลักจิต นิลประเสริฐศักดิ์  ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนช่องทางการขาย เข้าร่วมแสดงความยินดีกับผู้พิชิตคุณวุฒิอีกด้วย โดยผู้ได้รับรางวัลตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ ที่มีรายชื่ออยู่ใน 10 อันดับแรกมีดังต่อไปนี้

อันดับ 1 : คุณเพชรรัตน์ รงค์บัญฑิต เบี้ยประกัน 49,951,943 บาท

อันดับ 2 :  คุณวิศรุต วิโรจน์ไพศาลกุล เบี้ยประกัน 47,275,279 บาท

อันดับ 4 :  คุณรสริน โมคา เบี้ยประกัน 28,634,428 บาท

อันดับ 5 :  คุณรัญชิตา พลฤทธิ์ เบี้ยประกัน 27,623,067 บาท

อันดับ 8 :  คุณณัฐพล รุ่งเกียรติวงศ์ เบี้ยประกัน 22,184,817 บาท

อันดับ 9 : คุณตรีนพภูรี ศุภวงศ์วริศ เบี้ยประกัน 20,097,923 บาท

อันดับ 10 : คุณบดินทร์ รามศรี เบี้ยประกัน 19,350,388 บาท

 

Page 5 of 625
X

Right Click

No right click