ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน (ขวา) ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบเงินบริจาคเพื่อร่วมสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี ทดแทนอาคารเดิมที่มีสภาพทรุดโทรมและแออัด จำนวน 6,000,000 บาท โดยมี รศ.ดร.นพ.ไชยพร ยุกเซ็น (ซ้าย) กรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดี เป็นผู้แทนรับมอบ อาคารหลังใหม่นี้สามารถรองรับผู้ป่วยได้เต็มศักยภาพและมีประสิทธิภาพมากกว่า นอกจากนี้ ยังเป็นห้องเรียนและแหล่งค้นคว้าวิจัยที่ผลิตบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคที่มีความซับซ้อน และเป็นย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี (YMID) ศูนย์รวมนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจากการผนึกกำลังกับเครือข่ายการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ เพื่อร่วมพัฒนาต่อยอดในด้านสาธารณสุขของประเทศให้มีศักยภาพในระดับสากล สามารถแข่งขันได้ และเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ณ อาคารกรุงเทพประกันภัย สำนักงานใหญ่ ถนนสาทรใต้ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567

สำหรับผู้ที่สนใจร่วมบริจาคเงินให้แก่มูลนิธิรามาธิบดี สามารถบริจาคได้ที่มูลนิธิรามาธิบดี โทร. 0 2201 1111 หรือโอนเงินผ่านบัญชีมูลนิธิรามาธิบดี ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 090-3-50015-5 ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 026-3-05216-3 และธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 879-2-00448-3

มีกำไรภายหลังการปรับปรุง 802 ล้านบาท พร้อม EBITDA เพิ่มขึ้น 5 ไตรมาสติดต่อกัน

ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ “DUAL PERFORMANCE SYSTEM” ตอบโจทย์คนรักเส้นผม

ฝึกทักษะ - แนวคิดการสร้างนวัตกรรมธุรกิจใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าปั้นบัณฑิตตอบโจทย์เทรนด์โลกธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

“กองทุนพัฒนาไฟฟ้า” สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) สานต่อ โครงการเด็กตื่นไฟ เปลี่ยนพลังงานผ่านตัวเรา (เด็กตื่นไฟ ปี 3) สนับสนุนการประกวดแคมเปญการสื่อสาร ที่มีภาพยนตร์โฆษณาเป็นเครื่องมือหลัก ภายใต้หัวข้อ “The Changer เปลี่ยนพลังงานผ่านตัวเรา" ถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ เรื่องการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่การใช้พลังงานสะอาด  ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 650,000 บาท

นายธรณพงศ์ เล็กสกุลดิลก ผู้อำนวยการฝ่ายกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เปิดเผยว่า ทาง คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. เล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงด้านปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การใช้พลังงานที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ที่ส่งผลให้ประชาชน ต้องเริ่มหันมาปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมในการใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุด

จึงเป็นที่มาของการสนับสนุน โครงการ “เด็กตื่นไฟ ปี 3 ” ผ่านทางกองทุนพัฒนาไฟฟ้า โดยมีบริษัท เวิร์คลิงค์ ดา เอเจนซี่ จำกัด เป็นผู้ดำเนินโครงการ จัดการประกวดแคมเปญการสื่อสาร ที่มีภาพยนตร์โฆษณาเป็นเครื่องมือหลัก ภายใต้หัวข้อ “THE CHANGER เปลี่ยนพลังงานผ่านตัวเรา”

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความตระหนัก ปลูกจิตสำนึก ความเข้าใจ ทัศนคติที่ดี ได้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง เรื่องการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่การใช้พลังงานสะอาดให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป รวมไปถึงบทบาทหน้าที่และภารกิจของ กกพ. ในการกำกับดูแลเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานกับการป้องกันแก้ไขปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ทั้งนี้ คาดหวังว่าโครงการนี้จะสามารถส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนทั่วไป มีความรู้ที่ถูกต้อง ตลอดจนถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ความคิดและทัศนคติด้านพลังงานที่ดีขึ้น พร้อมถ่ายทอดผ่านมุมมองความเข้าใจและทัศนคติของตนเองให้แก่บุคคลรอบตัวและสื่อสารในวงกว้าง

“สำนักงาน กกพ. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับความสนใจจากเยาวชนคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศในการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความตระหนักของปัญหาในการใช้พลังงานรูปแบบเดิม หรือพลังงานฟอสซิล การช่วยกันรณรงค์ให้เกิดการปรับตัวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน จากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด รับรู้เกี่ยวกับปัญหาโลกร้อน และปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งถือเป็นกระบอกเสียงสำคัญ ในการส่งต่อพลังทางความคิดไปยังประชาชนทั่วไป

ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ นักศึกษา ที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับประสบการณ์ที่ดี และสามารถนำความรู้ แนวความคิด ต่อยอดไปสู่กระบวนการที่ก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ อันจะก่อให้เกิดคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติตลอดไป”นายธรณพงศ์ กล่าว

นายคชภพ สงวนวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเวิร์คลิงค์ ดา เอเจนซี่ จำกัด ผู้สร้างสรรค์และบริหารโครงการ “เด็กตื่นไฟปี 3 ” กล่าวว่า เวิร์คลิงค์ ดา เอเจนซี่ มีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับโอกาสจาก กองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงาน กกพ. ให้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อสังคม

โครงการเด็กตื่นไฟ เป็นโครงการที่จัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 มุ่งหวังสร้างความเข้าใจในเรื่องการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่การใช้พลังงานสะอาดให้แก่ประชาชนทั่วไป ได้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องจนไปถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ความคิดและทัศนคติด้านพลังงานที่ดีขึ้น ผ่านการประกวดแคมเปญการสื่อสาร ที่มีภาพยนตร์โฆษณาเป็นเครื่องมือหลัก ภายใต้หัวข้อ THE CHANGER เปลี่ยนพลังงานผ่านตัวเรา” เพื่อชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 650,000 บาท

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ เปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาสมัครเข้าร่วมกิจกรรม มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 มีผู้ที่สนใจส่งผลงานเข้าร่วมประกวดจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจำนวน 100 ทีม โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรอบสองจำนวน 40 ทีม ได้เข้าร่วมรับฟังข้อมูลอย่างเข้มข้น ได้เข้าร่วม กิจกรรม Camp "เด็กตื่นไฟ ปี 3"  เพื่อร่วมพูดคุย รับคำปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิ วิทยากรด้านไฟฟ้าและผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาการประกวด ที่เข้ามาให้แนวคิดและเทคนิคสำหรับการนำไปจัดทำผลงานส่งประกวด

ปัจจุบันคณะกรรมการได้คัดเลือกทีมที่ผ่านตามเกณฑ์การตัดสินจนเหลือ จำนวน 26 ทีม เพื่อเข้ารอบชิงชนะเลิศในวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 โดยผู้ได้รับรางวัลทั้งหมด 5 รางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ มูลค่า 300,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 มูลค่า 150,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 มูลค่า 100,000 บาท และ รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล มูลค่ารางวัลละ  50,000 บาท

โดยทั้ง 26 ทีม ได้นำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการการตัดสิน ผู้แทนจากสำนักงาน กกพ. ผู้แทนจากโครงการ และผู้แทนจากผู้สนับสนุนโครงการ เพื่อคัดเลือกผลงาน ที่สามารถนำผลงานไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะได้อย่างมีประสิทธิภาพ  โดยสามารถติดตามผลการประกาศรางวัลได้ที่ https://www.facebook.com/DEKWAKEUP?locale=th_TH

วันนี้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) อย่างสมบูรณ์ จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย หรือผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวน 13.64 ล้านคน คิดเป็น 19.5% หรือ 1 ใน 5 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุที่ยังคงทำงานอยู่จำนวน 5.11 ล้านคน คิดเป็น 37.5% ของผู้สูงอายุทั้งหมด การเผชิญหน้ากับ 'สังคมผู้สูงอายุ' จึงนับเป็นโจทย์ที่ท้าทายเพราะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรครั้งสำคัญ

มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ตระหนักถึงสถานการณ์ของสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยมาโดยตลอด จึงได้ขับเคลื่อน "โครงการบ้านชื่นสุข" ต.หัวง้ม อ.พาน จ.เชียงราย เพื่อสนับสนุนเสริมสร้างพลังกายและพลังใจให้กับผู้สูงวัย ควบคู่ไปกับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้สูงอายุ ให้ก้าวข้ามผ่านความกลัว ความเศร้า และความทุกข์ใจ เกิดความตระหนักและเห็นคุณค่าในตนเอง เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข

ธิดา สำราญใจ ผู้บริหารด้านพัฒนาเด็กและเยาวชน มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท กล่าวว่า ผู้สูงอายุถือเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าต่อสังคมและประเทศชาติ เพราะเป็นผู้ที่พร้อมไปด้วยความรู้ ประสบการณ์ คุณวุฒิ และภูมิปัญญา การทำให้ผู้สูงอายุอยู่อย่างมีความสุขในบั้นปลาย โดยต้องมีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ ได้รับเกียรติ ได้รับการยอมรับ การเห็นคุณค่า ทั้งจากครอบครัวและสังคม ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจ ขณะเดียวกัน "ผู้สูงอายุ" ก็ถือเป็นวัยที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่มีการเปลี่ยนแปลง เสื่อมโทรมถดถอยในด้านต่างๆ ทั้งร่างกายและจิตใจ อาจมีโรคภัยที่ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง

“โครงการบ้านชื่นสุข เกิดขึ้นเพื่อพัฒนาฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเพียงลำพัง และมีภาวะเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้า แต่ยังสามารถ ช่วยเหลือตนเองในการทำกิจวัตรประจำวันได้ ให้ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด โดยบุคลากรอาสา เพื่อให้ท่านรับรู้ได้ว่าตนเองยังมีความสำคัญ มีคนห่วงใย พร้อมช่วยดูแล สร้างความอบอุ่นใจให้พวกท่าน เพื่อที่จะต่อสู้กับชีวิตในวัยสูงอายุได้ดีขึ้น และยังถือเป็นการตอกย้ำในเรื่อง “ความกตัญญู” รวมถึงการตอบแทนบุญคุณ รู้จักให้ ที่คนรุ่นลูกรุ่นหลานพึงกระทำ” ธิดา กล่าว

ทางด้าน อาจารย์ อัญชลี ไก่งาม อดีตรองผู้อำนวยการโรงเรียนป่าแดงวิทยา ต.หัวง้ม อ.พาน จ.เชียงราย ที่ปัจจุบันได้เข้ามาเป็นบุคลากรอาสา ดูแลโครงการบ้านชื่นสุขร่วมกับมูลนิธิฯ กล่าวว่า โครงการบ้านชื่นสุข เป็นโครงการฯ ที่สร้างความสุขให้แก่ผู้สูงอายุอย่างแท้จริง ทำให้ผู้สูงวัยเข้าใจถึงคำว่า “แก่อย่างสง่า ชราอย่างมีคุณภาพ"  เพราะสามารถพึ่งพาตนเองได้ และไม่เป็นภาระของสังคม อย่างน้อยโครงการฯ ก็ได้ช่วยแบ่งเบาภาระทั้งภาครัฐ และลูกหลานที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ในการดูแลผู้สูงวัยในครอบครัว

“ถึงแม้ผู้สูงอายุบางคนจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่ก็ยังต้องการความรัก การเอาใจใส่จากครอบครัวและลูกหลาน จึงอยากเชิญชวนให้ลูกหลานกลับไปเยี่ยมผู้สูงอายุที่บ้านกันบ้าง ไม่ต้องมีเงินทองมากมายมาให้ เพียงแต่มาเยี่ยม มาพูดคุย ให้กำลังใจ อยู่เป็นเพื่อนท่านบ้าง ก็ถือเป็นการสร้างความสุขในบั้นปลายให้แก่ท่านแล้ว” อาจารย์อัญชลี กล่าว

บุญยนุช จันทร์บุญธรรม หรือ คุณยายญา ตัวแทนผู้เข้าร่วมโครงการฯ บอกนิยามของโครงการฯนี้ว่า “กินอิ่ม นอนอุ่น” เป็นคำพูดที่เข้าใจได้ง่าย และสะท้อนผลสำเร็จ ของโครงการฯ จากสุขภาพร่างกายที่อ่อนแรง และจิตใจที่อ่อนแอ การได้เข้าร่วมโครงการบ้านชื่นสุข ทำให้ได้ศึกษาธรรมะ ฝึกสมาธิ และทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆร่วมกับคนในวัยเดียวกัน คุณยายรู้สึกสนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ได้มาเจอเพื่อน ๆ โครงการฯ นี้พลิกฟื้นชีวิตให้กลับมาเป็นปกติ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง กลับมาทำกับข้าว กวาดบ้านถูบ้านได้ สรุปง่ายๆว่า “ช่วยคืนชีวิต คืนความสุขให้กับผู้สูงอายุได้ 100%”

โครงการบ้านชื่นสุข ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ตอกย้ำความเชื่อของเครือซีพี ในคุณค่า ‘ความกตัญญู’ ที่สามารถบ่มเพาะให้เติบโตในจิตใจของทุกคน ที่จะกลายเป็นการหยั่งรากสร้างพื้นฐานที่มั่นคงและยั่งยืนในสังคม ซึ่งถือเป็นคุณธรรมที่ดีงามของสังคมไทย

สยามคูโบต้า ลีสซิ่ง ลุยอัดแคมเปญสุดพิเศษแห่งปี “ซื้อใหม่ จ่ายไว ลุ้นโชคใหญ่ กับ SKL” ล่าสุดประกาศผลผู้โชคดีครั้งที่ 1 หลังชวนลูกค้าร่วมลุ้นรางวัลแจกหนักจัดเต็ม มูลค่ารวมกว่า 970,000 บาท พิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าใหม่ หรือจ่ายค่างวดตามกำหนด หรือแลกคะแนนผ่านบริการ SKL แฟมิลี่คลับ ตอกย้ำความเชื่อมั่นในการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรเป็นเจ้าของเครื่องจักรกลทางการเกษตรและเครื่องจักรกลก่อสร้างของสยามคูโบต้า สามารถร่วมลุ้นสิทธิ์จับรางวัลได้ทันที ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 31 สิงหาคม 2567

นายปิยะชาติ ศรีมารุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามคูโบต้า ลีสซิ่ง จำกัด กล่าวว่า ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาบริการด้านสินเชื่อและผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ตอบสนองความต้องการลูกค้า ตลอดจนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าและชุมชนอย่างยั่งยืนของสยามคูโบต้า ลีสซิ่ง นับตั้งแต่ปี 2549 จนปัจจุบัน เราให้การสนับสนุนลูกค้าทั่วประเทศได้มีโอกาสเป็นเจ้าของสินค้าของสยามคูโบต้าแล้วกว่า 690,000 สัญญา ซึ่งเป็นสิ่งตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นและไว้วางใจของลูกค้าเสมอมา สำหรับการจัดแคมเปญ “ซื้อใหม่ จ่ายไว ลุ้นโชคใหญ่ กับ SKL” เป็นกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่แห่งปี โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อคืนกำไรและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจเลือกใช้บริการกับสยามคูโบต้า ลีสซิ่ง โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่ามีสิทธิ์ร่วมลุ้นจับรางวัล

สำหรับแคมเปญ “ซื้อใหม่ จ่ายไว ลุ้นโชคใหญ่ กับ SKL” จะทำการจับแจกลุ้นรางวัลรวม 6 ครั้ง โดยจะจับแจกจำนวน 49 รางวัล และพิเศษสุด! ลุ้นรับรางวัลใหญ่กระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ แชมป์ รวมมูลค่าของรางวัลทั้งสิ้นกว่า 970,000 บาท ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถร่วมสนุกผ่านสิทธิ์ใดก็ได้ ดังนี้

สิทธิ์ลุ้นที่ 1 ซื้อสินค้าคูโบต้าใหม่ที่ร่วมรายการ ได้แก่ แทรกเตอร์ รถเกี่ยวนวดข้าว รถดำนา รถขุด และ
โดรนการเกษตร ผ่านบริษัท สยามคูโบต้า ลีสซิ่ง จำกัด (รับสูงสุด 10 สิทธิ์ต่อสัญญา)

สิทธิ์ลุ้นที่ 2 จ่ายค่างวดครบก่อนหรือตรงตามกำหนด ทุก 5,000 บาท (รับ 1 สิทธิ์ สูงสุด 10 สิทธิ์/สัญญา/รอบจับรางวัล)

สิทธิ์ลุ้นที่ 3 แลกคะแนนผ่านบริการเอสเคแอล แฟมิลี่คลับ ทุก 10 คะแนน รับ 1 สิทธิ์ (สูงสุด 1 สิทธิ์ต่อรอบจับรางวัล)

สามารถร่วมลุ้นรางวัลและติดตามรับชมงานจับรางวัลในแคมเปญ “ซื้อใหม่ จ่ายไว ลุ้นโชคใหญ่ กับ SKL” ครั้งต่อไป ผ่านการถ่ายทอดสดบนเฟซบุ๊กไลฟ์สยามคูโบต้า ลีสซิ่ง แฟนเพจ www.facebook.com/SiamKubotaLeasingThailand และตรวจสอบรายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลผ่านเว็บไซต์ www.skl.co.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์สยามคูโบต้า ลีสซิ่ง โทร. 1317 ทั้งนี้ลูกค้าสามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 – 31 สิงหาคม 2567

ปัจจุบันประเทศไทยมีพนักงานเงินเดือน 19 ล้านคน คิดเป็น 29% ของประชากรในประเทศ ซึ่งนับเป็นกลุ่มหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากกว่า 50% ของประเทศ นั่นหมายความว่าหากพนักงานเงินเดือนมีศักยภาพทางการเงินที่ดี พวกเขาจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศต่อไปได้ในอนาคต ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี มองเห็นถึงความสำคัญของกลุ่มมนุษย์เงินเดือน จึงได้มอบรางวัล ttb financial well-being awards 2023” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยได้มอบรางวัลให้กับ 12 องค์กรชั้นนำที่ใช้บริการบัญชีเงินเดือน ทีทีบี ที่มีความโดดเด่นเรื่องการส่งเสริมสวัสดิการและสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้านให้กับพนักงาน

นายจักรพันธ์ จารุธีรศานต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารงานขายและการขายลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า จากผลวิจัยกับกลุ่มพนักงานเงินเดือนในปี 2566 พบว่าพนักงานเงินเดือนที่มีปัญหาเรื่องหนี้จะมีประสิทธิภาพการทำงานลดลงมากถึง 40% หลายคนแก้ไขด้วยการเปลี่ยนงานใหม่ แต่ความจริงเป็นวิธีแก้ไขที่ไม่ถูกจุด ซึ่งสิ่งที่ทีทีบีได้เรียนรู้ คือ ปัญหาเรื่องหนี้ของพนักงานเงินเดือนเกิดจาก 2 ปัจจัย ได้แก่ 1. ไม่รู้สถานะทางการเงินของตนเอง ทำการกู้เงินไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าสุขภาพทางการเงินของตนเองเป็นสีแดงแล้ว และ 2. ไม่มีความรู้เรื่องการจัดการทางการเงิน ทำให้บริหารเงินไม่เป็นจนนำไปสู่วงจรหนี้ที่ออกมาไม่ได้

ทีทีบีจึงสานต่อการมอบรางวัล ttb financial well-being awards 2023 ต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อเชิญพันธมิตรองค์กรที่ใช้บัญชีเงินเดือนกับทีทีบีมาร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตพนักงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ รางวัลคะแนนรวมสูงสุด และรางวัลพัฒนาการสูงสุด ซึ่ง 12 องค์กรที่ได้รับรางวัลจะได้รับเงินสนับสนุน มูลค่า 100,000 บาท และโล่รางวัลยกย่องความเป็นเลิศขององค์กร ซึ่งทั้ง 12 องค์กร ต่างรู้สึกยินดีที่ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ และร่วมแชร์ความรู้สึกการได้รับรางวัลในครั้งนี้ อาทิ

นายแพทย์ ไพบูลย์ เอกแสงศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลวิภาราม จำกัด กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นอยู่ของพนักงาน เพราะปัจจุบันปัญหาเรื่องหนี้ในระบบและนอกระบบมีมากมาย พนักงานบางคนไม่มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการบริหารเงิน ทำให้เกิดปัญหาหนี้สินขึ้นได้ ซึ่งเป็นเรื่องดีอย่างมากที่ทีทีบีได้เข้ามาช่วยเหลือ นำผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ทางด้านการเงินกับพนักงานของบริษัท ทั้งในเรื่องการรวบหนี้และการบริหารจัดการทางการเงิน ถ้าถามว่าทำไมเราถึงเลือกทีทีบีเป็นบัญชีเงินเดือนให้กับองค์กรของเรา “ที่เลือกก็เพราะดี ถ้าไม่ดีคงไม่เลือก”

ด้าน นายพิชิตศักดิ์ กรมรินทร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วีก้า ออโตเมชั่น (2000) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้รับรางวัล ttb financial well-being awards ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดที่ดีอย่างหนึ่งว่าบริษัทดูแลพนักงานเป็นอย่างดี และปีนี้เราจะมุ่งดูแลเรื่องสุขภาพของพนักงาน เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้พนักงานทำงานออกมาได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุขภาพทางการเงิน ต้องดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบริษัทเลือกใช้บัญชีเงินเดือนกับทีทีบีมาตั้งแต่เริ่มต้นกิจการ ทั้งในส่วนของ payroll และตัว my work เรามองว่าโซลูชันต่าง ๆ ของทีทีบีตรงกับความต้องการของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออม การลงทุน ความคุ้มครอง ซึ่งอย่างน้อยหากพนักงานเรามีเงินเหลือติดบัญชี all free 5,000 บาท ก็จะได้รับสวัสดิการประกันอุบัติเหตุจากทีทีบี ถือว่าเป็นการช่วยทั้งบริษัทและพนักงานของเรา

นายธรรมรัตน์ โพธิ์ใบกุล กรรมการบริหาร บริษัท ออโต้ แกลเลอรี่ จำกัด อีกหนึ่งองค์กรพันธมิตรที่ได้รับรางวัล ttb financial well-being awards 2023 กล่าวว่า “บริษัทมีความตั้งใจทำให้ชีวิตพนักงานมีการพัฒนาที่ดีขึ้น เราจึงให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของพนักงานในหลาย ๆ มุม ทั้งเรื่องรายได้ สวัสดิการ ปัญหาหนี้ รวมไปถึงสุขภาพทางการเงิน เพราะหากเราสามารถช่วยเหลือทางการเงินของพนักงานได้ก็จะช่วยให้พนักงานมีความสุขมากขึ้น และมีเวลาไปใส่ใจกับเนื้องานที่ต้องรับผิดชอบได้ดีขึ้นด้วย”

“ทีทีบีเชื่อว่าหากไม่มีตัวช่วยที่ดีในการแก้ไขปัญหาหนี้อาจทำให้ชีวิตติดลบและการแก้ปัญหาหนี้ที่ยั่งยืนไม่ได้ใช้เงินเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีภูมิคุ้มกันด้านความรู้ทางการเงินและการบริหารจัดการหนี้ที่เป็นระบบ ซึ่งจะเป็นวัคซีนป้องกันให้หลุดพ้นจากวงจรหนี้ได้ด้วยตนเอง และในปี 2567 นี้ ทีทีบีจึงยังคงสานต่อกิจกรรม “ttb financial well-being awards 2024” ครั้งที่ 3 โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้เรื่องรอบรู้เรื่องกู้ยืม ที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ควบคู่ไปกับโซลูชัน “สวัสดิการพิชิตหนี้” เพื่อเป้าหมายส่งเสริมให้พนักงานเงินเดือนมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้าน พร้อมสนับสนุนพันธมิตรองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ในทิศทางเดียวกันมาร่วมส่งเสริมให้พนักงานเงินเดือนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้รับสวัสดิการที่ดีและสามารถดูแลสุขภาพการเงินส่วนบุคคลให้ดีขึ้นได้แบบยั่งยืน” นายจักรพันธ์ กล่าวปิดท้าย

ฉลองความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพตัวแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศในระดับสากล

Page 1 of 612
X

Right Click

No right click