บ้านปู เน็กซ์ ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ร่วมกับดูราเพาเวอร์ ผู้นำด้านระบบแบตเตอรี่จัดเก็บพลังงานแบบลิเธียมไอออนระดับโลก ส่งมอบแบตเตอรี่ชุดแรกจากโรงงานประกอบแบตเตอรี่ในไทยให้กับเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ ผู้ให้บริการรถบัสรายใหญ่ที่สุดในไทย นับเป็นก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนตลาดรถบัสไฟฟ้าและรถบรรทุกขนาดใหญ่ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตอกย้ำความสำเร็จของผู้นำจาก 3 ธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าและการลดคาร์บอน การส่งมอบแบตเตอรี่ครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของโรงงานประกอบแบตเตอรี่ดีพี เน็กซ์ ในประเทศไทย ภายใต้บริษัท ดีพี เน็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบ้านปู เน็กซ์ และดูราเพาเวอร์

ปี 2567 ตลาดรถบัสไฟฟ้าในเอเชียแปซิฟิกมีมูลค่า* 44,740 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 73,880 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตขึ้น 10.55% ในปี 2572 ถือเป็นภูมิภาคที่ตลาดรถบัสไฟฟ้าเติบโตเร็วที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุด โดยได้รับอานิสงส์จากองค์กรด้านการขนส่งในหลายประเทศที่ส่งเสริมการใช้รถบัสไฟฟ้ามากขึ้น ขณะที่ภาครัฐของไทย** ได้ประกาศโร้ดแมปซึ่งคาดว่าจะมีการใช้งานรถบัสไฟฟ้าสาธารณะ 3,000 คันในประเทศภายในปี 2568 ทั้งนี้ ประเทศไทยมีรถบัสที่จดทะเบียนมากกว่า 150,000 คันเมื่อปี 2566 และมีแผนที่จะนำรถบัสไฟฟ้ามาใช้แทนรถบัสสันดาปไม่น้อยกว่า 40,000 คันภายใน 10 ปีข้างหน้า โดยเมื่อโรงงานดีพี เน็กซ์ ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี เปิดดำเนินการประกอบแบตเตอรี่เต็มรูปแบบแล้ว จะส่งมอบผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการชาร์จเร็วโดยเฉพาะและมีความจุสูงสำหรับรถบัสและรถขนส่งขนาดใหญ่

สำหรับแบตเตอรี่ชุดแรกที่ส่งมอบให้กับเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ สามารถตอบโจทย์การใช้งานในรถบัสไฟฟ้าของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี โดยเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมนิกเกิลแมงกานีสโคบอลต์ออกไซด์ (NMC) สมรรถนะสูงที่ทำให้รถวิ่งได้ไกลถึง 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และใช้เวลาในการชาร์จรวดเร็วเมื่อเทียบกับลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ช่วยให้ผู้ประกอบการรถบัสสามารถยกระดับประสิทธิภาพการบริการขึ้นไปอีกขั้น โดยโรงงานแห่งนี้จะรองรับความต้องการใช้แบตเตอรี่ของยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้งานในอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ทั้งในไทยและเอเชียแปซิฟิก เช่น รถบัส รถบรรทุก และรถขนส่งเชิงพาณิชย์ เป็นต้น

นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “การเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าในไทยส่งผลให้ความต้องการแบตเตอรี่สูงขึ้นตามไปด้วย จากปี 2565 ตลาดแบตเตอรี่ในประเทศ*** มีมูลค่า 1,140 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 4,010 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2573 หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 17.0% ในช่วงปี 2566 – 2573 บ้านปู เน็กซ์ มุ่งมั่นที่จะเป็น Net-Zero Solutions Provider ให้กับองค์กรทั่วเอเชียแปซิฟิก เราพร้อมสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และช่วยขับเคลื่อนการแก้ปัญหาสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง การส่งมอบแบตเตอรี่ชุดแรกเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ ภายใต้ความร่วมมือที่บ้านปู เน็กซ์ รับผิดชอบด้านโอกาสทางการตลาดในประเทศไทย โดยนอกจากจะให้คำปรึกษาเชิงเทคนิคและบริการหลังการขายที่ครบวงจร เราตั้งใจจะส่งมอบแบตเตอรี่ให้กับเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ซึ่งมีแผนจะนำไปใช้กับรถบัสประมาณ 100 คันภายในปี 2568”

นายเคลวิน ลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดูราเพาเวอร์ กล่าวว่า “ดูราเพาเวอร์มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ และมีเทคโนโลยีขั้นสูง เรามั่นใจที่ได้ส่งมอบแบตเตอรี่คุณภาพสูงที่กักเก็บพลังงานได้ยาวนาน พร้อมคุณสมบัติชาร์จเร็ว น้ำหนักเบา และมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดให้กับเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ อีกทั้งเรายังนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย รวมถึงออกแบบโมดูลและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เราให้ความสำคัญกับการส่งมอบโซลูชันพลังงานที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าในไทยและเอเชียแปซิฟิก ไปพร้อมกับการเดินหน้าความร่วมมือกับบ้านปู เน็กซ์ และเชิดชัยมอเตอร์เซลส์”

นายอดิศร เชิดชัย กรรมการผู้จัดการ โรงงานอุตสาหกรรมเชิดชัย กล่าวว่า “เชิดชัยฯ ให้บริการรถโดยสารสำหรับการเดินทางและท่องเที่ยว เรามีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยคาร์บอนและปรับทิศทางธุรกิจให้สอดรับกับเทรนด์โลก จึงเปลี่ยนจากการใช้รถสันดาปเป็นรถบัสไฟฟ้าให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถนำเสนอบริการที่มีคุณภาพมากขึ้น ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กับลูกค้า ขณะเดียวกัน เรากำลังพัฒนารถบัสของเราที่ออกแบบมาสำหรับการเดินทางไกลโดยเฉพาะ ซึ่งจะนำมาใช้บนเส้นทางเดินรถสายหลักจากจังหวัดนครราชสีมาไปยังกรุงเทพฯ และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการผลิตรถบัสไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการในตลาดประเทศไทย เราเลือกใช้แบตเตอรี่จากโรงงานดีพี เน็กซ์ เนื่องจากตอบโจทย์ความต้องการเชิงเทคนิคและการใช้งานเฉพาะด้านของเรา ทั้งยังมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญในประเทศคอยให้คำปรึกษาและบริการหลังการขาย เราจึงมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของโรงงานแห่งนี้ โดยแบตเตอรี่ชุดแรกที่เราได้รับจากบ้านปู เน็กซ์ และดูราเพาเวอร์ เป็นส่วนสำคัญที่ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถบัสไฟฟ้า และตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในด้านความยั่งยืน”

แบตเตอรี่จากโรงงานดีพี เน็กซ์ จะนำมาใช้กับรถบัสไฟฟ้าของเชิดชัยมอเตอร์เซลส์บนเส้นทางสายหลัก กรุงเทพฯ - นครราชสีมา และในอนาคตมีแผนจะนำแบตเตอรี่ไปใช้กับรถบัสไฟฟ้าบนเส้นทางสายอื่นๆ โดยนอกจากเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ บ้านปู เน็กซ์ ยังนำเสนอแบตเตอรี่ให้กับธุรกิจขนส่งเชิงพาณิชย์หลายราย อาทิ ผู้ให้บริการรถบรรทุก ผู้ผลิตรถแทรกเตอร์ไฟฟ้า และผู้ผลิตเรือไฟฟ้า เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608

ธุรกิจหรือผู้ประกอบการที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือสนใจโซลูชันแบตเตอรี่ สามารถเยี่ยมชมบูธของดูราเพาเวอร์ หมายเลข MC17 โซนสิงคโปร์พาวิลเลี่ยน ในงานนิทรรศการและงานประชุม Future Mobility Asia 2024 ระหว่างวันที่ 15 – 17 พฤษภาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

บ้านปู เน็กซ์ บริษัทลูกของบ้านปู ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จับมือ อีโวลูชั่น ดาต้า เซ็นเตอร์ (EDC) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดาต้าเซ็นเตอร์ชั้นนำ เตรียมติดตั้งโซลูชันพลังงานสะอาดให้กับศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลหรือดาต้าเซ็นเตอร์ของ EDC ในไทยและเวียดนาม ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ พร้อมรองรับความต้องการด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) และดาต้าเซ็นเตอร์ที่เพิ่มขึ้นทั่วภูมิภาค พัฒนาธุรกิจให้ยั่งยืนและร่วมขับเคลื่อนสังคมไร้คาร์บอนไปด้วยกัน

ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก*มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 10.21% ในช่วงปี 2567 ถึง 2572 จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมคลาวด์คอมพิวติ้งที่ใช้ AI เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยจะเติบโตเฉลี่ยต่อปี 27% ในช่วงปี 2564 ถึง 2569** ความร่วมมือระหว่างบ้านปู เน็กซ์ และ EDC จะช่วยพัฒนาให้ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย

สำหรับอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศเวียดนาม มีส่วนสร้างการเติบโตให้เศรษฐกิจของประเทศเช่นกัน สอดรับทิศทางของภาครัฐที่ต้องการให้เศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วน 25% ของ GDP ภายในปี 2568*** โดยคาดว่าดาต้าเซ็นเตอร์ในเวียดนามจะขยายตัวเฉลี่ยต่อปี 37% ระหว่างปี 2564 ถึง 2569**** ในอนาคตทั้งไทยและเวียดนามจะกลายเป็นทำเลยุทธศาสตร์สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่กำลังมองหาศูนย์กลางแห่งใหม่ในอาเซียนที่มีโครงสร้างพื้นฐานล้ำสมัย ทั้งด้านการจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงข่ายไฟเบอร์ ระบบการคมนาคมขนส่ง และพลังงานสะอาด

นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “บ้านปู เน็กซ์ บริการโซลูชันพลังงานสะอาดให้กับหลากหลายอุตสาหกรรม ดำเนินธุรกิจอยู่ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม เราจึงพร้อมที่จะสนับสนุน EDC โดยนำเสนอระบบโซลาร์ รวมถึงโซลูชันพลังงานสะอาดอื่นๆ ที่ออกแบบอย่างเหมาะสม และตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้อย่างครอบคลุม จึงมั่นใจได้ว่าดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลจะใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ประหยัดค่าไฟฟ้า รวมทั้งลดการปล่อยคาร์บอน บ้านปู เน็กซ์ มีศักยภาพในการติดตั้งโซลูชันที่สามารถรองรับความต้องการพลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ได้ 100% หรือกว่า 30 เมกะวัตต์ สำหรับโครงการแห่งแรกในประเทศไทย และกว่า 50 เมกะวัตต์ สำหรับโครงการแห่งแรกในเวียดนาม”

นายดาร์เรน เว็บบ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีโวลูชั่น ดาต้า เซ็นเตอร์ กล่าวว่า “EDC มุ่งพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าของเรามองหาเช่นกัน ปัจจุบันผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอน จึงจำเป็นต้องมีแหล่งพลังงานสะอาดขนาดใหญ่เข้ามาเป็นตัวช่วยในธุรกิจ โดยบ้านปู เน็กซ์ จะส่งมอบโซลูชันพลังงานสะอาดศักยภาพสูง เพื่อช่วยให้ EDC มีแหล่งพลังงานที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือให้บริการลูกค้าในดาต้าเซ็นเตอร์ของเราทั้งในไทยและเวียดนาม ซึ่งโครงการในสองประเทศนี้จะเป็นทำเลสำคัญที่เพิ่มศักยภาพให้กับโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ พร้อมรองรับความต้องการด้านดิจิทัลที่เติบโตขึ้น นอกจากนี้ ความร่วมมือกับบ้านปู เน็กซ์ จะช่วยเสริมแกร่ง EDC ในการพัฒนาและบริหารดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลในภูมิภาคนี้ให้ยั่งยืนยิ่งขึ้น”

ในอนาคต บ้านปู เน็กซ์ มีแผนที่จะนำโซลูชันพลังงานสะอาดอื่นๆ ไปเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานให้กับดาต้าเซ็นเตอร์ของ EDC ได้แก่ ระบบกักเก็บพลังงาน และการบริหารจัดการพลังงาน อาทิ ระบบทำความเย็น เป็นต้น


ข้อมูลอ้างอิง

* Asia-Pacific Data Center Market Size & Share Analysis - Growth Trends & Forecast up to 2029:  - https://www.mordorintelligence.com/industry-reports/asia-pacific-data-center-market 

** How Data Center Operators Can Win in South-East Asia – Kearney

https://www.kearney.com/service/digital-analytics/digital/article/-/insights/how-data-center-operators-can-win-in-southeast-asia

*** Vietnam holds potential in virtual digital economy -  https://english.mic.gov.vn/Pages/TinTuc/161654/Vietnam-holds-potential-in-virtual-digital-economy--Deputy-Minister.html

**** How Data Center Operators Can Win in South-East Asia – Kearney

https://www.kearney.com/service/digital-analytics/digital/article/-/insights/how-data-center-operators-can-win-in-southeast-asia

บ้านปู เน็กซ์ ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เผยเทรนด์สำคัญที่สะท้อนว่าองค์กรทั่วโลกต่างมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายด้าน Net-Zero อย่างจริงจังมากขึ้นโดยใช้นวัตกรรมพลังงานสะอาดเพื่อรับมือกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน ตั้งเป้าจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงเกินแก้ไขหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นถึง 2 องศาเซลเซียส โดยเทรนด์ดังกล่าวยังสอดรับกับบทสรุปของการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 28 หรือ COP28 ที่เน้นย้ำบทบาทของภาคเอกชนในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงชูความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคพลังงานสะอาดอีกด้วย

การขับเคลื่อน Net-Zero ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเมื่อองค์กรขนาดใหญ่จำนวนมาก ต่างวางเป้าหมายในด้านดังกล่าวไว้อย่างเข้มข้น โดยรายงานของ Net-Zero Tracker หน่วยงานอิสระที่ติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกระบุว่า 1,475 องค์กรจากกว่า 4,000 รายทั่วโลกกำหนดเป้าหมาย Net-Zero เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจำนวนดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ โดยธุรกิจต่างๆ จากหลากหลายอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีชีวภาพ เภสัชกรรม อาหารและเครื่องดื่ม เกษตรกรรม การโรงแรม ภาคการผลิต วัสดุอุปกรณ์ ค้าปลีก คมนาคมขนส่ง และพลังงาน ต่างเห็นความจำเป็นเร่งด่วนของการรับมือกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง โดยดำเนินกลยุทธ์ที่ครอบคลุมทั้งการทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการนำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาใช้วางเป้าหมายขององค์กร การชดเชยด้วยคาร์บอนเครดิต รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีและการบริหารการดำเนินงานที่ยั่งยืน

สำหรับประเทศไทย ทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างชาติจากแต่ละอุตสาหกรรมกำลังดำเนินกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนภายใต้เป้าหมายที่จะสร้างเสริมโลกที่เป็นมิตรกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้นและมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ อย่างเช่นนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง, บีทาเก้น, โครงการมิกซ์ยูสซัมเมอร์ ลาซาล, โรงเรียนนานาชาติรักบี้, ตลาดสามย่าน, เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท, เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์, เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์, เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย), ดิ เอราวัณ กรุ๊ป และ ล็อกซเล่ย์  เป็นตัวอย่างองค์กรและแบรนด์ชั้นนำที่หันมาขับเคลื่อนธุรกิจไปพร้อมกับการลดการปล่อย CO2 ปริมาณมหาศาลต่อปี

ท่ามกลางความตื่นตัวด้านความยั่งยืนที่เติบโตขึ้นทั่วโลก บ้านปู เน็กซ์ เชื่อว่านวัตกรรมพลังงานสะอาด อาทิ แหล่งพลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน ระบบบริหารจัดการพลังงาน ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า ตลอดจนเทคโนโลยีดักจับ กักเก็บ และใช้ประโยชน์คาร์บอน มีความจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายด้าน Net-Zero เนื่องจากนวัตกรรมเหล่านี้มีบทบาทในการลดการปล่อยคาร์บอน จึงช่วยให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานหมุนเวียน และนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนในท้ายที่สุด โดยภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมอนาคตที่ดียิ่งขึ้นให้กับทุกคน บ้านปู เน็กซ์ เดินหน้าพัฒนาโซลูชันพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นรูปธรรม และได้ช่วยให้คู่ค้าลดการปล่อยคาร์บอนได้ประมาณ 4 แสนตัน เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ประมาณ 29 ล้านต้นถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนสังคมไร้คาร์บอนพร้อมทั้งสนับสนุนประเทศไทยเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี  พ.ศ. 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายใน พ.ศ. 2608

บ้านปู เน็กซ์ มุ่งมั่นเป็นผู้ให้บริการโซลูชัน Net-Zero ให้กับองค์กรทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงเดินหน้าขับเคลื่อน 5 ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า ธุรกิจอี-โมบิลิตี้ และธุรกิจพัฒนาเมืองอัจฉริยะและจัดการพลังงาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการรับมือกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงทั่วโลก นอกจากนี้ บ้านปู เน็กซ์ ยังมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการเป็นพันธมิตรกับองค์กรด้านเทคโนโลยีและพลังงานสะอาดที่มีศักยภาพเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศธุรกิจโดยรวมอีกด้วย

 บ้านปู เน็กซ์ ร่วมผลักดันแผนความร่วมมือระหว่าง “บียอนด์ กรีน” ผู้นำธุรกิจรถไฟฟ้าเอนกประสงค์ครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย และ “มหาวิทยาลัยขอนแก่น” ในโครงการผลิตและประยุกต์ใช้แบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนและโซเดียมไอออนสำหรับรถกอล์ฟไฟฟ้า เดินหน้านำแบตฯ ลิเธียมไอออนไปใช้กับรถกอล์ฟไฟฟ้าของ บียอนด์ กรีน ประมาณ 2,000 ชุดต่อปี และสนับสนุนการพัฒนาแบตฯ โซเดียมไอออนจากแร่เกลือหินในภาคอีสานของไทย ตั้งเป้าขยายแบตเตอรี่ไทยไปสู่ตลาดโลก

บ้านปู เน็กซ์ ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทลูกของบ้านปู และบียอนด์ กรีน เครือข่ายพันธมิตรที่บ้านปู เน็กซ์เข้าไปร่วมลงทุน ต่างมีความมุ่งมั่นและเป้าหมายเดียวกันคือ ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยและทั่วเอเชียแปซิฟิก ดังนั้น การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) ระหว่างบียอนด์ กรีนและ มหาวิทยาลัยขอนแก่นในโครงการผลิตและประยุกต์ใช้แบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนและโซเดียมไอออนสำหรับรถกอล์ฟไฟฟ้า จะเป็นอีกหนึ่งพลังที่ช่วยผลักดันการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงช่วยรองรับดีมานต์การใช้แบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย Meticulous Research คาดการณ์ว่าตลาดแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีอัตราการเติบโต (CAGR) อยู่ที่ 23.3% ในช่วงปี 2565-2572* นอกจากนี้ การผนึกกำลังของทั้ง 2 องค์กร ยังช่วยต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจแบตเตอรี่ของบ้านปู เน็กซ์ ให้สามารถนำเสนอโซลูชันที่หลากหลายและครบวงจรยิ่งขึ้นให้กับกลุ่มลูกค้า

บียอนด์ กรีน เป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าเอนกประสงค์ครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ปัจจุบันมีรถกอล์ฟไฟฟ้าในตลาดประมาณ 20,000 คัน ซึ่งเป็นของบียอนด์ กรีน 5,000 คัน โดยในแต่ละปีบริษัทจะมีความต้องการใช้แบตเตอรี่สูงถึง 2,000 ชุด จึงมองหาพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ เพื่อนำไปใช้กับรถกอล์ฟไฟฟ้าของบริษัท ซึ่งมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีโรงงานแบตเตอรี่และพลังงานยุคใหม่ที่สามารถผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคุณภาพสูง ปลอดภัย และได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) รวมถึงเมื่อเร็ว ๆ นี้ยังได้คิดค้นและพัฒนาแบตเตอรี่โซเดียมไอออนจากแร่เกลือหินที่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสานได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในอาเซียน ซึ่งบียอนด์ กรีนเล็งเห็นถึงศักยภาพและโอกาสในการใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศ จึงเกิดเป็นความร่วมมือครั้งนี้ โดยมุ่งเน้น 2 เรื่อง คือ 1. นำแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคุณภาพสูง แบรนด์ kkUVolts ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ไปทดลองใช้กับรถกอล์ฟไฟฟ้าของบียอนด์ กรีนในประเทศไทย จำนวน 2,000 ชุด 2. สนับสนุนการพัฒนาแบตเตอรี่โซเดียมไอออน พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ในการนำไปใช้กับรถกอล์ฟไฟฟ้าในเครือข่ายธุรกิจของบียอนด์ กรีนในอนาคต

การร่วมผลักดันความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จและมีส่วนช่วยเสริมให้บ้านปู เน็กซ์ มีพันธมิตรที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทย ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของตลาดแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิก สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของทีมนักวิจัยไทยที่สามารถพัฒนานวัตกรรมแบตเตอรี่พลังงานยุคใหม่ที่มีคุณภาพระดับสากล ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และผลักดันประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการผลิตแบตเตอรี่จากพลังงานทางเลือกของโลกในอนาคต ขณะเดียวกันยังช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งในอนาคต บียอนด์ กรีนจะเดินหน้าขยายความร่วมมือนำแบตเตอรี่ทั้ง 2 ชนิดไปใช้กับรถกอล์ฟไฟฟ้าในเครือข่ายธุรกิจ รวมถึงต่อยอดไปใช้กับรถไฟฟ้าเอนกประสงค์อื่น ๆ อีกด้วย

*ข้อมูลจาก Asia-Pacific EV Battery Market

มอบโซลาร์ให้โรงเรียนที่ขาดแคลนไฟฟ้าในพื้นที่ห่างไกลอย่างต่อเนื่อง รวม 73 โรงเรียน

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click