ที่สำคัญคืองานบริการที่คนไทยได้รับการยอมรับว่ามีความสามารถในการให้บริการได้อย่างน่าประทับใจ นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศและนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวไปตามภูมิภาคต่างๆ มีส่วนช่วยกระจายรายได้และความเจริญสู่พื้นที่ต่างๆ ในยุคที่โลกเชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ การท่องเที่ยวกลายเป็นกิจกรรมของคนรุ่นใหม่ ที่มักจะเลือกสถานที่ที่น่าสนใจเพื่อแวะเยี่ยมชมหาประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ตนเอง ความประทับใจในสถานที่และบรรยากาศเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่จะได้รับ และส่วนสำคัญที่สร้างประสบการณ์ดีๆ ให้นักท่องเที่ยวคือบุคลากรผู้อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
การสร้างบุคลากรเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ เป็นภารกิจที่สำคัญของสถาบันการศึกษา เพราะนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยมาจากหลากหลายประเทศ บุคลากรด้านการท่องเที่ยวและบริการจึงควรมีองค์ความรู้และวิธีคิดในระดับสากล เพื่อสามารถสร้างสรรค์การบริการและนวัตกรรมที่น่าประทับใจให้ผู้ที่มาเยือนประเทศไทย
วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล (MUIC) คือหนึ่งในหน่วยงานการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับการผลิตบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ยังต้องการคนที่มีทักษะความรู้ในด้านการบริการ ทักษะภาษาต่างประเทศ การสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ และมุมมองในระดับสากล
การพัฒนาการศึกษาเพื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของ MUIC ที่มีมาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้ ได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งด้วยความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาด้านการท่องเที่ยวและโรงแรม คือ School of Hotel and Tourism Management (SHTM) มหาวิทยาลัย The Hong Kong Polytechnic ที่ได้รับการจัดลำดับให้เป็นสถาบันอันดับ 2 ในระดับนานาชาติด้านการสนับสนุนผลงานวิจัยในสายการจัดการการท่องเที่ยวและการโรงแรม และยังเป็นสถาบันที่ได้รับการยอมรับว่ามีการเชื่อมโยงกับภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติได้อย่างมีนวัตกรรมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ความร่วมมือครั้งนี้ทำให้เกิดหลักสูตรใหม่ขึ้น 2 หลักสูตร ที่จะช่วยให้นักศึกษาของ MUIC สามารถได้ทักษะประสบการณ์ระดับนานาชาติเพิ่มเติมจากที่เป็นอยู่ โดยทั้ง 2 หลักสูตรประกอบด้วย
หลักสูตรนานาชาติปริญญาตรี-โทเร่งรัด “PlusOne” program เป็นปริญญาตรีและโทเกี่ยวกับการจัดการบริการนานาชาติ การจัดการท่องเที่ยวและการประชุม และการจัดการไวน์นานาชาติ
ปริญญาโท 2 หลักสูตรนานาชาติ (Dual-Master Degree Program) Master of Management in Inter-national Hospitality Management ที่ MUIC ร่วมกับ SHTM
ศาสตราจารย์ Kaye Chon คณบดี SHTM กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน “เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการมีความเป็นนานาชาติมากขึ้น ดังนั้นจึงสำคัญมากสำหรับนักศึกษาที่จะพัฒนามุมมองในระดับสากล และเป็นการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างนักศึกษาด้วยกันเองอีกด้วย การที่นักศึกษามาเรียนในหลักสูตรที่สองสถาบันร่วมกันจัดขึ้น จะทำให้พวกเขาได้ใช้เวลาศึกษาในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ผู้เรียนจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากทั้ง 2 สถาบัน”
โดยจุดแข็งของ SHTM ข้อหนึ่งคือมีความเป็นนานาชาติสูง ดูได้จากอาจารย์ผู้สอนที่มาจาก 22 ชาติทั่วโลก สามารถแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ในระดับนานาชาติให้แก่ผู้เรียนเพื่อสร้างบุคลากรที่อุตสาหกรรมต้องการคือคนที่มีความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมและมีแรงขับดันจากภายในในการทำสิ่งต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมบริการ
ศ.Chon กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงในด้านการศึกษาในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการว่า “จุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวของโลก มีการปรับเปลี่ยนจากยุโรปสู่อเมริกาและมาสู่เอเชีย ปัจจุบันเอเชียเป็นแหล่งดึงดูดการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก จากนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มีจำนวนประมาณ 1,200 ล้านคน มีนักท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนถึง 25 เปอร์เซ็นต์ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในเอเชีย และตัวเลขก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เดิมเอเชียเราก็เรียนรู้เรื่องการท่องเที่ยวและบริการจากยุโรปและอเมริกา แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เราต้องมาพัฒนาสิ่งที่เป็นความรู้ของเอเชีย ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากยุโรปและอเมริกา ผมมองว่าต้องมีการศึกษามุมมองใหม่เกี่ยวกับเอเชีย ซึ่งประเทศไทยมีบทบาทที่สำคัญมาก เพราะไทยเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเอเชีย เรารู้กันว่าการบริการของไทยนั้นมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับสากล จุดสำคัญคือเราจะสามารถสร้างประโยชน์จากความเป็นไทยให้เติบโตได้อย่างไร”
เขายกตัวอย่าง ความเป็นไทยที่มีเอกลักษณ์เช่น คำว่า “น้ำใจ” ซึ่งเป็นเรื่องการห่วงใยดูแลกันและกัน มีใจเอื้อเฟื้อ ซึ่งไม่มีในวัฒนธรรมอื่น ที่สามารถนำมาใช้เป็นองค์ประกอบทางธุรกิจที่มีประโยชน์กับอุตสาหกรรมนี้ได้ การบริการด้วย “น้ำใจ” เป็นการให้บริการจากหัวใจ ไม่ใช่การดูแลแขกเพียงเพื่อหวังเงิน แต่เป็นเพราะมีความห่วงใยอยากที่จะดูแล
ซึ่งวิธีคิดเช่นนี้ แต่ละประเทศสามารถนำไปประยุกต์ใช้เสริมในกระบวนการทำงาน สร้างเอกลักษณ์ความเป็นเอเชียที่แตกต่างจากงานบริการในอเมริกาและยุโรปได้
Dr.Roberto B. Gozzoli ประธานกลุ่มสาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยวและการบริการวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล เสริมว่า สิ่งที่ผู้เรียนจะได้ดังที่ ศ.Chon กล่าว คือได้รับประสบการณ์ในระดับนานาชาติเพิ่มมากขึ้น ฮ่องกงเป็นพื้นที่เล็กๆ แต่ก็มีความเป็นเมืองศูนย์กลางที่สำคัญ ที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ในระดับนานาชาติ และทั้งสองสถาบันก็ได้รับการยอมรับในระดับสากล
“School of Hotel and Tourism Management, The Hong Kong Polytechnic University เป็นผู้นำการศึกษาด้านนี้ในระดับโลก วิทยาลัยนานาชาติได้ประโยชน์จากการร่วมมือครั้งนี้ นอกจากการส่งนักศึกษาไปเรียนแล้วยังสามารถร่วมมือแลกเปลี่ยนในด้านวิชาการด้านอื่นอีก ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานการศึกษาของภาควิชาการบริหารอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดลในอนาคต และการที่เรามีความสัมพันธ์กับ School of Hotel and Tourism Management, The Hong Kong Polytechnic University ทำให้นักศึกษาสามารถมีโอกาสไปเรียนต่อได้เพิ่มขึ้น” ดร.Roberto กล่าว
นอกจากนี้การมีความร่วมมือกับทาง SHTM ยังจะช่วยพัฒนางานด้านการวิจัย สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ที่ต้องการจะใช้องค์ความรู้งานวิจัยต่างๆ มานำการสอน การทำวิจัยร่วมกันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งภาควิชาและประเทศชาติ
โดยบัณฑิตที่จบจากแต่ละหลักสูตร ดร.Roberto บอกว่า “สิ่งที่เราอยากจะสร้างในหลักสูตร PlusOne เราจะสร้างคนที่เป็นผู้บริหารและผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งมีองค์ความรู้ที่เป็นสากล สำหรับหลักสูตรปริญญาโทเนื่องจากผู้เรียนอาจมีพื้นฐานที่มาแตกต่างกัน จึงอาจจะตอบไม่ได้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่พวกเขาจะได้จากวิทยาลัยนานาชาติ
คือ ความรู้ที่ดีที่สุดเกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และเขาจะสามารถนำเอาองค์ความรู้นี้ไปพบกับความท้าทายที่หลากหลายและยิ่งใหญ่ขึ้นในฮ่องกง สังคมที่ฮ่องกงจะทำให้เขามีความรู้และได้ประสบการณ์ที่ท้าทายและเป็นประโยชน์กับชีวิตเขา ผู้ที่จบจากทั้งสองหลักสูตรจะเป็นคนที่สามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมใดๆ ก็ได้ ในระดับสากล”
รายละเอียดหลักสูตร
หลักสูตรเร่งรัด “PlusOne” program
ปริญญาตรีควบปริญญาโท 1 ปี วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ School of Hotel and Tourism Management, The Hong Kong Polytechnic University ในช่วง 4 ปีแรกจะเป็นการเรียนที่วิทยาลัยนานาชาติ ทั้งภาคทฤษฎีที่เป็นพื้นฐานความรู้ที่มีความจำเป็นในการคิด วิเคราะห์ต่อยอดเพื่อการพัฒนาธุรกิจและการให้ความสำคัญในภาคปฏิบัติ กับการฝึกงานที่ศูนย์ปฏิบัติการโรงแรมศาลายา พาวิลเลี่ยน เพื่อให้นักศึกษาได้ประสบการณ์การทำงานกับโรงแรม เรียนรู้การเป็นนักบริหารการบริการอย่างมืออาชีพกับอาจารย์ผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จากนั้นไปเรียนต่อที่ School of Hotel and Tourism Management, The Hong Kong Polytechnic University อีก 1 ปี เพื่อจบปริญญาโท และได้ปริญญาควบสองมหาวิทยาลัย
หลักสูตรปริญญาโทนานาชาติ Master of Management in International Hospitality Management
เป็นความร่วมมือของสองสถาบัน คือ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เป็นหลักสูตรนานาชาติของรัฐแห่งแรกในประเทศไทยและได้รับการยอมรับจากผู้ประกอบการถึงคุณภาพของนักศึกษาและเป็นที่ต้องการของธุรกิจการท่องเที่ยวและการโรงแรมทั้งในและต่างประเทศจับมือกับ School of Hotel and Tourism Management, The Hong Kong Polytechnic University ซึ่งมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักอย่างมากในวงการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการโรงแรมระดับสากล ได้รับการจัดลำดับให้เป็นสถาบันอันดับสองในระดับนานาชาติด้านการสนับสนุนผลงานวิจัยในสายการจัดการการท่องเที่ยวและการโรงแรมและยังเป็นสถาบันที่ได้รับการยอมรับว่ามีการเชื่อมโยงกับภาคทฤษฎีแลภาคปฏิบัติได้อย่างมีนวัตกรรมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หลักสูตรนี้จะเป็นการเรียนปริญญาโทที่วิทยาลัยนานาชาติ และไปต่อปริญญาโทที่ School of Hotel and Tourism Management, The Hong Kong Polytechnic University อีก 16 เครดิต โดยไม่ต้องสอบ โดยมีให้เลือก 3 หลักสูตร ได้แก่ MSc. in International Hospitality Management (การจัดการบริการนานาชาติ), MSc. in International Tourism and Convention Management (การจัดการท่องเที่ยวและการประชุม), และ MSc. in International Wine Management (การจัดการไวน์นานาชาติ)