January 15, 2025

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อความยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all เชื่อมโยงทุกธุรกิจทั้ง Retail-Residence-Hotel-Office ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะองค์กรที่เป็นพลังขับเคลื่อนหลักของประเทศมาโดยตลอด คว้ารางวัลพระราชทาน “ความเป็นเลิศด้านการตลาด” (Marketing Excellence Award) เป็นครั้งที่ 2 และรางวัลโดดเด่น “ด้านการบริหารทางการเงิน” (Financial Management Excellence Award ระดับ Distinguished) ประเภทกลุ่ม Thailand Corporate Excellence Awards 2024 จัดโดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรางวัลให้แก่องค์กรที่มีความเป็นเลิศในสาขาต่างๆ ภายในงานได้รับเกียรติจากนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรีเป็นประธานมอบรางวัล

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ในนาม เซ็นทรัลพัฒนา รู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับรางวัลพระราชทาน Thailand Corporate Excellence Awards 2024 ในสาขาความเป็นเลิศด้านการตลาด เป็นครั้งที่ 2 โดยตลอด 44 ปีที่ผ่านมาเซ็นทรัลพัฒนา มุ่งมั่นเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของประเทศมาโดยตลอด ด้วยบทบาทของ Place Maker และการเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่มีส่วนยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน พร้อมดูแลชุมชน และสิ่งแวดล้อม เราภูมิใจอย่างยิ่งที่การพัฒนาโครงการต่างๆ ของเราทั่วประเทศ ได้ช่วยสร้างงาน กระจายรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวให้กับประเทศ พร้อมเชิดชูอัตลักษณ์ของทุกจังหวัดที่เราเข้าไปพัฒนา อีกทั้งโครงการของเรายังเป็นพื้นที่แห่งความสุขของคนทุกเพศ ทุกวัย ได้มาใช้ช่วงเวลาที่ดีร่วมกันในทุกโอกาสและทุกเทศกาล นอกจากนี้ เรายังเป็นรายแรกๆ ที่ได้ริเริ่มสร้างพื้นที่สำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงด้วย ทำให้เราเป็น ‘ศูนย์กลางแห่งการใช้ชีวิต’ ของคนทุกกลุ่มในสังคมไทย อีกทั้งการพัฒนาและขยายโครงการของเราทั่วประเทศยังได้สร้างรายได้ให้กับชุมชน และช่วยสร้างผู้ประกอบการใหม่ๆ ให้มีโอกาสค้าขาย และเติบโตในวงการค้าปลีกไทย นอกจากนี้ การพัฒนาโครงการในระดับ Global Destinations หลายโครงการ ตลอดจนการผลักดันและริเริ่มเทศกาลต่างๆ ทั้งสงกรานต์, Pride Month และงาน Countdown นำไปสู่การสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในระดับโลกอย่างต่อเนื่อง การได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในครั้งนี้ จึงนำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ทีมงานทุกคนรวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจทุกภาคส่วน และจะเป็นแรงบันดาลใจให้เรามุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อประเทศชาติและเพื่อทุกคนต่อไป”  

นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “สำหรับรางวัลระดับ Distinguished ในสาขาความเป็นเลิศด้านการบริหารทางการเงินจากเวทีเดียวกันนี้ นับเป็นอีกหนึ่งรางวัลการันตีที่สะท้อนความมุ่งมั่นในการเป็น The Ecosystem for All ระบบที่แข็งแกร่งและยั่งยืนสำหรับทุกภาคส่วน โดยยึดมั่นในหลัก ESG ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาล โปร่งใส พร้อมสื่อสารกับ Stakeholders อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ปีนี้ บริษัทฯ ประสบความสำเร็จและได้รับรางวัลในระดับประเทศและระดับโลกมากมาย ได้แก่ ได้รับการคัดเลือกเป็นอันดับหนึ่งองค์กรยั่งยืนระดับโลก โดย DJSI World 2023 ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์  ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งใน 500 บริษัทใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2024 Fortune Southeast Asia 500 รวมถึงรางวัลการันตีที่สะท้อนความเชื่อมั่นจากนักลงทุน และนักวิเคราะห์ ในระดับประเทศและเอเชีย ในด้านความยั่งยืน เราเป็นบริษัทอสังหาฯ รายแรกในไทยที่ริเริ่มนวัตกรรมทางการเงินออกพันธบัตรสีเขียว (Green Bond) และพันธบัตรที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bonds) เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดูแลสิ่งแวดล้อมและการมุ่งสู่เป้าหมาย NET Zero 2050 อีกด้วย”

เซ็นทรัลพัฒนา ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาโครงการต่างๆ บุกเบิกสร้างเมืองและพัฒนาเศรษฐกิจทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน ควบคู่การสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อความยั่งยืนของสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all เพื่ออนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง โดยภายในปี 2567เซ็นทรัลพัฒนา จะมีศูนย์การค้าทั้งหมด 42 โครงการในไทยและมาเลเซีย, คอมมูนิตี้ มอลล์ 15 โครงการ, โครงการที่พักอาศัย 43 โครงการ, อาคารสำนักงาน 10 แห่ง  และโรงแรม 10 แห่ง

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อความยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all เชื่อมโยงทุกธุรกิจทั้ง Retail-Residence-Hotel-Office สร้างความแข็งแกร่งใน The Ecosystem for All เดินหน้าพัฒนาธุรกิจ พร้อมเผยกลยุทธ์พลิกโฉม Community Mall Landscape ทั่วกรุงเทพฯ ด้วยการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ “Market Place” (มาร์เก็ตเพลส) เจาะย่านเมืองเติบโต ที่อยู่อาศัยพุ่ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเชิงลึกของลูกค้าได้เพิ่มขึ้น โดยทุ่มงบกว่า 2,000 ล้านบาท ในปี 5 พัฒนาและปรับโฉมโครงการรวม 15 สาขา บนโลเคชั่นศักยภาพสูง อาทิ มาร์เก็ตเพลส เจ อเวนิว, มาร์เก็ตเพลส ลา วิลล่า, มาร์เก็ตเพลส นางลิ้นจี่, มาร์เก็ตเพลส พหลโยธิน, มาร์เก็ตเพลส กรุงเทพกรีฑา, มาร์เก็ตเพลส ประชาอุทิศ, มาร์เก็ตเพลส เกษตร-นวมินทร์ เป็นต้น พร้อมเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ “Market Place เทพรักษ์” ด้วยโมเดล Community Mall ผนวกกับ Urban Fresh Market เจาะใจกลางย่านเทพรักษ์-วัชรพล โซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ในเดือนมกราคม 2568 รับเทศกาลตรุษจีนยิ่งใหญ่อีกด้วย

นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ Chief Operating Officer & Head of Community Mall Business บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ในยุคที่ลูกค้ามีความต้องการที่ Fragmented มากขึ้นในแต่ละย่าน ธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ ถือเป็นธุรกิจหนึ่งที่สำคัญของเซ็นทรัลพัฒนา ด้วยโมเดลธุรกิจที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าได้ในเชิงลึกได้มากขึ้น สามารถนำเสนอร้านค้าบริการต่างๆ ที่ทันสมัย สดใหม่ และเข้าถึงชีวิตประจำวันทุกวันได้ ทั้งนี้เรามีแผนลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาทใน 5 ปี เพื่อปรับปรุงและพัฒนาโครงการทั้งหมด 15 โครงการที่เรามีอยู่ในพอร์ตตอนนี้ ในปี 2568 มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่คือ “Market Place เทพรักษ์” และเตรียมปรับโฉมอีก 5 โครงการ และมีแผนขยายต่อเนื่องในปีต่อๆ ไป จะขยายอย่างน้อยปีละ 1 โครงการ ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งของ Ecosystem ให้เซ็นทรัลพัฒนา และนำเอาความเชี่ยวชาญในการพัฒนาพื้นที่และมอบประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าอยู่เสมอ มาช่วยพัฒนาสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกแห่ง”

ปีที่แล้ว เราได้เปิดตัวโครงการใหม่ ‘มาร์เช่ ทองหล่อ’ มิกซ์ยูสใจกลางทองหล่อ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี สำหรับ ปีนี้เราได้ทำ Rebranding ครั้งยิ่งใหญ่ โดยโฟกัสการพัฒนา Market Place ให้เป็น Core Brand ที่มีความแข็งแกร่ง การปรับภาพลักษณ์ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยผนวก Community Mall เข้ากับ Urban Fresh Market มอบทั้งความสะดวกสบาย สินค้าและบริการมีความหลากหลายมากขึ้น เป็นพื้นที่ของทุกคนในครอบครัวที่มาใช้เวลาได้ทุกวัน ทั้งวัน”

นางสาวสุรางค์ จิรัฐิติกาลโชติ Executive Project Director บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “มาร์เก็ตเพลส เทพรักษ์ จะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ใหญ่ที่สุด ใหม่ที่สุด ทันสมัยที่สุด เป็นศูนย์กลางของย่านเทพรักษ์

  • ทำเลดีที่สุด ตั้งอยู่ถูกทิศและถูกตำแหน่งของถนนเทพรักษ์ เป็นทำเลที่ผู้คนจะต้องผ่านเวลาขับรถกลับบ้านมาจากในเมือง
  • ย่านที่อยู่อาศัยเติบโตสูง ด้วยโอกาสทางธุรกิจและความต้องการของคนในย่านจากโซนหมู่บ้านต่างๆ ปัจจุบัน โครงการที่อยู่อาศัยมีจำนวนกว่า 174,000 ยูนิต มีอัตราการเพิ่มจำนวน 4% ต่อปี และมีจำนวนประชากรเกือบ 400,000 คน เจาะกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มครอบครัว ลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ และต้องการความสะดวก
  • ครบครันและดีที่สุดในย่าน ประกอบด้วย พื้นที่ Community Mall ขนาด 5,800 ตร.ม. จำนวน 60 ร้านค้าและพื้นที่ Urban Fresh Market สะอาดทันสมัย ขนาด 1,500 ตร.ม. กว่า 300 ร้านค้า
  • Food Destination ร้านอาหารหลากหลายตั้งแต่ ร้านแนวเทรนดี้ ร้านอาหารครอบครัว ร้านนั่งชิล หลังเลิกงาน และ ตื่นตาตื่นใจไปกับร้านแนว street food ชื่อดัง
  • Urban Fresh Market ตลาดสดรุ่นใหม่ ใส่ใจคุณภาพ สะอาดปลอดภัย เพลิดเพลินกับการจับจ่าย ทั้งของสด อาหารทะเล อาหารออแกนิก และวัตถุดิบชั้นเลิศจากทั่วโลก และมีร้านหลากหลายทั้ง Ready to Eat, Grab & Go, Take Home
  • Family & Co-creation space พื้นที่ผ่อนคลายและทำกิจกรรมของทุกคนในครอบครัว, Kid playground และ พื้นที่ Pet-Friendly พาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นได้
  • Health & Beauty: ครบครันกับร้านค้าและบริการด้านสุขภาพและความงาม
  • พื้นที่จัดงาน Events ทั้ง Tourism Event, Food Fair และ Health Fair เป็นต้น
  • ขนทัพแบรนด์และร้านค้าครบครัน ทั้ง Tops Supermarket ร้านอาหารดัง Street Food มากมาย อาทิ ร้านราดหน้ายอดผัก จากสาขาศาลเจ้าพ่อเสือ, กุ๊กขี้เมา จากบรรทัดทอง, เช็งซิมอี๊, หมูทอดเจ๊จง, เสือเบิร์นไฟ, ซั่งไห่ (ซาลาเปาและข้าวมันไก่), ผักบ้านต่าย ผักออร์แกนิก, ราดหน้าเฮียอ้วน เยาวราช, ผัดไทยรสชา, กงสี ทีบาร์, ร้านชาวเลซีฟู้ดส์ และร้านเต้าหู้ทอดสวัสดี แม่โอเล่ รวมถึงกลุ่มร้านบริการ เช่น AUTO 1 ศูนย์บริการรถยนต์ออโต้วัน ในเครือเซ็นทรัล และ PETClub ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าพรีเมียม สำหรับสัตว์เลี้ยงและบริการต่างๆ ครบวงจร
  • ดีไซน์ใหม่ด้วยตัวอาคาร Low-Rise ในบรรยากาศร่มรื่น Tropical Style พร้อมด้วยพื้นที่สำหรับ ทุกคนในครอบครัว, พื้นที่ Pet Friendly, และที่จอดรถสะดวกสบายกว่า 200 คัน
  • เดินทางสะดวก โดยรถยนต์ส่วนตัว ใช้เวลาเพียง 5 นาทีจากถนนพหลโยธิน และใช้เวลาเพียง 10-15 นาทีจากถนนวิภาวดี ใช้ทางด่วนฉลองรัช หรือเส้นทางถนนวัชรพล หรือโดยสารรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ใช้เวลาเพียง 7 นาทีจากสถานีสายหยุด
  • เปิดตัวงาน Grand Opening โครงการ Market Place เทพรักษ์ ในเดือนมกราคม ปี 2568 และHighlights พิเศษมากมาย ทั้งในเรื่องสีสันวันเปิดตัวที่จะนำความสุข สนุกมาสู่ชุมชน ในบรรยากาศต้อนรับเทศกาลตรุษจีนยิ่งใหญ่ ครบทั้งจับจ่าย-ไหว้-กิน-เที่ยว

เซ็นทรัลพัฒนา ชูกลยุทธ์ Life Connecting Hub พลิกโฉม Community Mall Landscape ได้แก่

1. Future-Fluent Development: สร้างสรรค์ “คอมมูนิตี้” ที่ตอบโจทย์กิจกรรมของคนทุกกลุ่มทุกวัย เพื่อเป็น Centre of the Neighbourhood อีกทั้งยังพัฒนา New Model ผสมผสาน Community Mall เข้ากับ Urban Fresh Market

2. Neighbourhood-Centric: ตอบโจทย์ Fragmented Demand ในแต่ละย่านที่แตกต่างกัน ให้ครบและลึกยิ่งขึ้น

  • “ทุกความสะดวกสบาย” ด้วย Flexible Hours, และตอบโจทย์ Everyday Lifestyle ของทั้งลูกค้าชาวไทย และลูกค้า Expat ร้านค้า ร้านอาหารหลากหลาย ทั้งแบบ Dine-in, Grab & Go, Take Home มีร้านให้ Hang out นัดสังสรรค์หลังเลิกงาน
  • โมเดลใหม่ Urban Fresh Market ที่ทันสมัย มีไลฟ์สไตล์ มีคุณภาพ สะอาด และปลอดภัย
  • จัดงาน Event ที่ engage ชุมชน เช่น เปิดพื้นที่ outdoor / weekend market ให้ร้านค้าชุมชน พื้นที่จัดกิจกรรม Happening Events ต่างๆ กิจกรรมสำหรับ Pet-friendly community

3. Sustainable Community: ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนในย่าน ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายการมุ่งสู่องค์กร Net Zero 2050 ของเซ็นทรัลพัฒนา

  • Green Community Mall Development เน้นการใช้ Green Material ใส่ใจเรื่อง Energy Saving ใช้ Solar Cell และ ใช้หลอดไฟแบบ LED
  • เป็น Hub ที่ส่งเสริม Sustainable Lifestyle ส่งเสริมให้ลูกค้าแยกขยะ – จับมือกับหน่วยงานต่างๆ กับกทม. / ร้านค้าจัดการ Food Waste / มี EV Charger Station เป็นต้น

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เดินหน้าสู่อนาคตภายใต้เจตจำนงค์ของแบรนด์ Imagining better futures for all ด้วยการสร้างและพัฒนาพื้นที่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อม พร้อมดำเนินกลยุทธ์ The Ecosystem for All เป็นระบบที่แข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อเติบโตไปกับทุกฝ่ายควบคู่ไปกับการเป็นพลังขับเคลื่อนหลักที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจและประเทศ โดยปี 2567 เซ็นทรัลพัฒนาจะมีโครงการศูนย์การค้า 42 โครงการ, คอมมูนิตี้ มอลล์ 15 โครงการ, ที่อยู่อาศัย 43 โครงการ, โรงแรม 10 โครงการ, และออฟฟิศ 10 โครงการ

ติดตามความเคลื่อนไหวเซ็นทรัลพัฒนา คลิก https://www.centralpattana.co.th/th/shopping/shopping-update/lifestyle-activities

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำเบอร์ 1 อสังหาริมทรัพย์ไทยยั่งยืนระดับโลกบน DJSI World 2023 และผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล, โครงการที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ ขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ ‘Imagining better futures for all’ มุ่งพัฒนา ‘พื้นที่’ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมเดินหน้าเป้าหมาย NET Zero 2050 อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเร็วๆ นี้ เข้าร่วมรับรางวัลโล่เกียรติคุณกลุ่ม Developer ชั้นนำของเมืองไทยร่วมสร้างอุตสาหกรรมก่อสร้างสีเขียว ในงาน Inclusive Green Growth Days Empowered by SCG: เติบโตและยั่งยืนไปด้วยกัน โดยมี คุณชาตรี โกวิทานุพงศ์ Executive Project Director, Regional Development 1 บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา เข้ารับรางวัลจาก นายสุรชัย นิ่มละออ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน

นายชาตรี โกวิทานุพงศ์ Executive Project Director Regional Development 1 บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่าทางเซ็นทรัลพัฒนารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจาก Cement and Green Solution Business ภายใต้ SCG ในครั้งนี้ โดยที่ผ่านมาเราได้จับมือเป็นพันธมิตรกันเพื่อผลักดันสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ นำร่องโครงการต้นแบบ Framework Pathway to Net Zero Building Guideline นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีขององค์กรที่มีทิศทางด้านความยั่งยืน โดยเราได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกในกลุ่มซีเมนต์ คอนกรีต และกรีนโซลูชันในการพัฒนาและก่อสร้างโครงการมิกซ์ยูสสำคัญของเราคือ โครงการเซ็นทรัล นครสวรรค์ และโครงการ เซ็นทรัล นครปฐม ที่เตรียมเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 มี.ค.67 โดยเลือกใช้ปูน Low Carbon รวมถึงมีการรีไซเคิลเสาเข็มที่ได้ริเริ่มมาตั้งแต่การพัฒนาโครงการเซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัลจันทบุรี และการดำเนินงานภายใต้ Green Standard ต่างๆ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือที่ช่วยให้เราเดินหน้าสู่เป้าหมาย NET Zero 2050 ได้อย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนา มีแผนการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่ NET Zero 2050 หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 แบ่งได้ 3 หมวดหลัก คือ หมวดที่ 1: Decarbonized operational emissions ผ่านการดำเนินงาน ได้แก่ 1) ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า 2) เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด (solar) 3) ลดขยะฝังกลบ 4) ลดการใช้น้ำ 5) ชวนร้านค้าผู้เช่าลดการใช้พลังงานและแยกขยะ; หมวดที่ 2: Decarbonized embodied emission ผ่านการดำเนินงาน ได้แก่ 1) การนำมาตรฐานอาคารเขียวระดับสากล Green building เช่น LEED, TREES, EDGE มาเป็นแนวทางในการก่อสร้าง 2) การวัด LCA-Life cycle assessment ของการก่อสร้าง 3) ร่วมมือกับ supplier และ contractor ในการเพิ่มปริมาณรีไซเคิลในวัสดุก่อสร้าง และ หมวดที่ 3: Carbon removal โดยการปลูกป่าทดแทน และ R&D เพื่อหานวัตกรรม Sustianovation มาช่วย capture carbon

ชูความสำเร็จ The Ecosystem For All ผนึกพันธมิตรเติบโตทั้งระบบ พร้อมพลิกโฉมรีเทลครั้งยิ่งใหญ่ด้วยโครงการระดับ The World’s New Magnitude

บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ร่วมกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด มหาชน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โดยมีเป้าหมายร่วมกันที่จะศึกษาและพัฒนา Guideline โครงการ Pathway to NET ZERO Building ผ่านโครงการต้นแบบและขยายผลการดำเนินการ โดยการใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานและมาตรฐานอาคารเขียว (Green Building) ภายใต้เงื่อนไขความร่วมมือซึ่งกันและกัน และเผยแพร่ผลสัมฤทธิ์สู่สาธารณชน โดยจะได้นำผลของการดำเนินการต่อยอดสู่การพัฒนาโครงการเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gases : GHG) ทั้งในอาคารเก่าและอาคารใหม่ในอนาคต

นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า “สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเอสซีจี โดย เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในฐานะผู้นำด้านสินค้า บริการ รวมถึงโซลูชันด้านสินค้าวัสดุก่อสร้าง ที่ได้ให้ความสำคัญในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในอาคารมาโดยตลอด ในครั้งนี้ เอสซีจี โดยบริษัท SCG Building and Living Care Consulting ซึ่งเป็นธุรกิจที่ก่อตั้งขึ้นจากการนำองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการก่อสร้างของเอสซีจี ผนึกเข้ากับแนวทาง ESG” ที่เอสซีจีนำมาใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดคล้องกับหลักพัฒนาคุณภาพทางสังคมแบบยั่งยืน ต่อยอดสู่ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาด้านสิ่งปลูกสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างมาตรฐานคุณภาพการใช้ชีวิตภายในอาคารให้ดีขึ้น จาก 3 บริการหลัก คือ Sustainability and Wellbeing Building Certification, Building Services Engineering, Healthcare and Wellness Building Design ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและออกแบบอาคารเพื่อความยั่งยืนและเพื่อสุขภาวะที่ดี ่านการให้คำปรึกษาเพื่อออกแบบกรอบแนวทางดำเนินการ วิเคราะห์ องค์กร อาคารและผลิตภัณฑ์ คำนวณความคุ้มค่าและผลตอบแทน พร้อมนำเสนอ Solutions ให้เหมาะสมกับเป้าหมายและงบประมาณของแต่ละองค์กร และธุรกิจ SCG Smart Building Solution ซึ่งให้บริการโซลูชันด้านพลังงานในอาคาร และการบริหารจัดการอาคารด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน รวมถึงบริษัทต่างๆ ในเครือ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีความยินดีที่จะนำองค์ความรู้มาต่อยอด เพื่อวางแนวทางโครงการ Pathway to NET ZERO Building โดยได้ร่วมกับทางเซ็นทรัลพัฒนา ในการจัดทำแผนแม่บทเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อมุ่งสู่ NET ZERO ในปี 2050 โดยมีโครงการนำร่องได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์, แจ้งวัฒนะ, พัทยา, อยุธยา, นครปฐม, และนครสวรรค์”    

“การลงนามในวันนี้เป็นอีกหนึ่งในจุดเริ่มต้นของ เอสซีจี และ เซ็นทรัลพัฒนา ในการใช้จุดแข็งของ ทั้ง 2 ธุรกิจมาพัฒนาต่อยอดสู่เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นพันธกิจของสังคมโลก ซึ่งหวังว่ากลยุทธ์สำคัญที่ได้จากโครงการนี้จะมีส่วนสำคัญในการสร้างองค์ความรู้และเผยแพร่สู่สาธารณะ เพื่อประโยชน์ในการผลักดันให้เกิดนโยบายหรือแผนงานเพื่อมุ่งสู่ความเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญเพื่อโลกที่ยั่งยืนให้กับหลายๆ หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ต่อไปในอนาคต” นายวชิระชัย กล่าวทิ้งท้าย

 

นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล Chief Development and Commercial Officer บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนา มีวิสัยทัศน์ที่สำคัญคือ ‘Imagining better futures for all’ เราจึงตั้งเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนอย่างจริงจัง คือการเป็นองคก์ร NET Zero ภายในปี 2050 ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และมลพิษจากธุรกิจสุทธิเป็นศูนย์ ทั้งนี้ เราตั้งใจพัฒนา พื้นที่ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต รวมถึงดูแลชุมชนและสังคม โดยการพัฒนาธุรกิจหลักของเรา ทั้งศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย, โรงแรม และอาคารสำนักงาน จะเป็นการเชื่อมโยงเข้าหากันทั้งระบบ เพื่อสร้าง The Ecosystem for All’ ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับทุกภาคส่วน รวมไปถึงเรายังได้ขยายความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรในด้านต่างๆ ที่จะแบ่งปันและส่งเสริมความเชี่ยวชาญระหว่างกันอีกด้วย ดังเช่นการริเริ่มโครงการ “Green Partnership”  หรือพันธมิตรสีเขียว โดยเริ่มต้นที่ โครงการต้นแบบ Framework Pathway to Net Zero Building Guideline ร่วมกับ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจให้กับบุคลากรของทั้งสองบริษัท ในด้านกระบวนการทำงานสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนต่อไป”

X

Right Click

No right click