December 22, 2024
×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 6847

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ประกาศขับเคลื่อนองค์กรภายใต้กลยุทธ์ “Triple P” ระยะ 3 ปี (ปี 2568-2570) มุ่งเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และกำไร เน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ด้วยงบลงทุนปีละ 30,000 ล้านบาท พร้อมรุกบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านการพัฒนากระบวนการทำงานและทรัพยากรบุคคลรองรับการเติบโตระดับสากล ทั้งนี้ กลยุทธ์ “Triple P” มุ่งตอบโจทย์การเติบโตอย่างอย่างยั่งยืนในทุกมิติ โดยสร้างความสมดุลระหว่างโอกาสทางธุรกิจ ผลการดำเนินงานที่แข็งแรงอย่างต่อเนื่อง และการเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำของ EGCO Group

ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า ในยุคของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน EGCO Group ได้ทบทวนและปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระยะ 3 ปี (ปี 2568-2570) โดยมีเป้าหมายสร้างความแข็งแกร่ง 3 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างยั่งยืน การบรรลุเป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ และการปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวนี้จะขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ “Triple P” 3 ด้าน ได้แก่

  • Profitability and Performance Energizing เพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรให้ดีขึ้น อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพทางการเงิน เพื่อดูแลอัตราส่วนหนี้สินและรักษาอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ถือหุ้น ด้วยนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ
  • Power and Energy-related Focus เน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักและรากฐานความแข็งแกร่งของ EGCO Group ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าใน ยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบ M&A และ Greenfield ตลอดจนแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง โดยต่อยอดการลงทุนในประเทศที่มีฐานธุรกิจอยู่แล้ว 8 ประเทศ ด้วยการตั้งงบลงทุนปีละ 30,000 ล้านบาท 
  • Portfolio and People Management บริหารจัดการพอร์ตการลงทุนและทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งเน้นสร้างความเป็นเลิศในกระบวนการดำเนินงาน (Operational Excellence) ให้ความสำคัญกับการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ (Asset Recycling) ที่จะสร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในระดับสากล ตลอดจนปรับปรุงกระบวนการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในกระบวนการต่าง ๆ เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต

“EGCO Group เชื่อมั่นว่า กลยุทธ์ “Triple P” จะตอบโจทย์การเติบโตขององค์กรอย่างอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ด้วยการสร้างความสมดุลระหว่างโอกาสทางธุรกิจ ผลการดำเนินงานที่แข็งแรงอย่างต่อเนื่อง และการบรรลุเป้าหมายเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ ทั้ง 3 ระยะ ได้แก่ เป้าหมายระยะสั้น ภายในปี 2573 เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ของกำลังผลิตทั้งหมด เป้าหมายระยะกลาง ภายในปี 2583 มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และเป้าหมายระยะยาว ภายในปี 2593 จะบรรลุการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon)” ดร.จิราพร กล่าว

สำหรับการดำเนินงานในปี 2568 ECGO Group เดินหน้าลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องอย่างต่อเนื่อง ด้วยการตั้งงบลงทุน 30,000 ล้านบาท การเติบโตทางธุรกิจในปีหน้าจะมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากโครงการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ การรับรู้รายได้เต็มปีจากการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ในสหรัฐอเมริกา และจากการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration ส่วนขยาย จ.ระยอง การรับรู้รายได้จากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน การรับรู้รายได้จากการขายโครงการพลังงานหมุนเวียนและการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของ APEX ในสหรัฐอเมริกา การเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสปิดดีลโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในรูปแบบ M&A ทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลักและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ทันที

 

ดร.จิราพร ยังกล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 และ 9 เดือนของปี 2567 ว่า “ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,604 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,463 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ในขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน 7,014 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,518 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ และกลุ่มโรงไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ EGCO Group ยังสามารถผลักดันโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ให้มีความก้าวหน้าตามเป้าหมาย โดยเฉพาะ Yunlin ที่ติดตั้งเสากังหัน (Monopiles) และกังหันลม (Wind Turbine Generators - WTGs) ครบ 80 ต้น เรียบร้อยแล้ว และได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้วทั้งสิ้น 68 ต้น คิดเป็นกำลังผลิต544 เมกะวัตต์ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 640 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้” 

ด้วยความเชื่อที่ว่า “ต้นทางดี จะก่อกำเนิดผลลัพธ์ปลายทางที่ดี” และเล็งเห็นว่า พนักงาน คือ ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กรและเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย EGCO Group จึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาพนักงานให้มีคุณภาพ เป็นทั้งคนเก่ง คนดี และมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม และมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน โดยสร้าง “Happy Workplace” พัฒนาพนักงานให้มีศักยภาพและมีความสุขในการทำงาน

นางนันทกา โมกขาว ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เปิดเผยว่า แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องตามค่านิยมหลัก (Core Values) ของ EGCO  Group คือ 'T-R-I-E-S'  ได้แก่ Teamwork ทำงานเป็นทีม Result-Oriented มุ่งผลสำเร็จของงาน Innovation คิดเชิงนวัตกรรม Ethics & Integrity ซื่อสัตย์ โปร่งใส และ Stakeholder Concerns ใส่ใจผู้มีส่วนได้เสีย ควบคู่ไปกับการดูแลพนักงานให้ทำงานอย่างมีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจ  มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสมดุลการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม โดยได้เสริมสร้างรูปแบบการทำงานและส่งเสริมสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อให้สอดรับกับการใช้ชีวิตของพนักงานในสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น ซึ่งมีตัวอย่างการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม อาทิ

  • กระตุ้นและส่งเสริมให้พนักงานมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ พร้อมสนับสนุนทุกการริเริ่มขับเคลื่อนสิ่งใหม่ ๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้น เช่น โครงการประกวดนวัตกรรม EGCO Group INNERGY ซึ่งเปิดพื้นที่ให้พนักงานได้เสนอและประชันไอเดียนวัตกรรม พัฒนาองค์กรให้เติบโตก้าวหน้า พร้อมสร้างโอกาสในการต่อยอดธุรกิจใหม่
  • สนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียมทางเพศ ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน ด้วยการเคารพในความแตกต่าง ไม่แบ่งแยก ไม่เลือกปฏิบัติ ควบคู่กับการดูแลด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน
  • ส่งเสริมให้พนักงานได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ด้วยการ Re-skill และ Up-skill ผ่าน E-Learning Platform และการอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร รวมทั้งส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในองค์กรผ่านกิจกรรม Knowledge Sharing

  • ดูแลพนักงานให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง จัดให้มีการตรวจสุขภาพประจำปี และมีประกันสุขภาพกลุ่มที่ครอบคลุม รวมทั้งมีบริการฟิตเนสภายในออฟฟิศ โดยมีอุปกรณ์ครบครัน หรือเลือกออกกำลังกายในแบบตัวเองได้ที่ศูนย์ฟิตเนสภายนอกออฟฟิศ พร้อมเทรนเนอร์ให้คำปรึกษา
  • ดูแลสุขภาพใจของพนักงานร่วมกับ iSTRONG ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจิต จัดให้มีจิตแพทย์คอยให้คำปรึกษาปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว พนักงานสามารถโทรปรึกษาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยข้อมูลจะถูกเก็บเป็นความลับ ไม่มีการรายงานชื่อหรือหน่วยงานให้ทางบริษัทฯ ทราบ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยเวลาทำงานที่ยืดหยุ่น ไม่บันทึกเวลาเข้า-ออกทำงาน และสามารถ ‘Work from Anywhere’ ได้ 1 วันต่อสัปดาห์

  • เพิ่มความสุขในการทำงาน โดยจัดให้มี Co-working Space พื้นที่ส่วนกลางในบรรยากาศสบาย ๆ สำหรับให้พนักงานได้นัดพูดคุยเรื่องงาน พบปะสังสรรค์ หรือพักผ่อนหย่อนใจ โดยมีกิจกรรมให้เลือกมากมาย เช่น เล่นเกม ดูหนัง นวดผ่อนคลาย อ่านหนังสือ เป็นต้น

  • สนับสนุนการร่วมกิจกรรมเพื่อชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม เช่น การส่งเสริมการเรียนรู้ด้านพลังงานในเยาวชนผ่าน “ศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม” การร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำและทรัพยากรธรรมชาติผ่านการดำเนินงานของ “มูลนิธิไทยรักษ์ป่า” โครงการ Khanom Model ปลูกผักอินทรีย์ปลอดสารพิษเพื่อส่งมอบให้ชุมชน โครงการเยี่ยมผู้สูงอายุและคนพิการในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าในกลุ่มเอ็กโก กิจกรรมจิตอาสาพี่เลี้ยงค่ายเยาวชนเอ็กโกไทยรักษ์ป่า เป็นต้น

EGCO Group ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ไม่มุ่งเพียงผลประโยชน์หรือผลกำไรสูงสุดเป็นหลักเท่านั้น แต่คำนึงถึงความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว โดยดำเนินธุรกิจควบคู่ไปพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชน สังคม (ESG) และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย รวมถึงพนักงานที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อน EGCO Group ให้เติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติต่อไป” นางนันทกากล่าว

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เผยจุดยืนเดินหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมขับเคลื่อน 3 เป้าหมายด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ผ่านกระบวนการดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ และการดำเนินงานของมูลนิธิไทยรักษ์ป่า ในงานเสวนา “ความหลากหลายทางชีวภาพ เทคโนโลยีของธรรมชาติ ทางออกของปัญหา” ที่จัดขึ้นภายในงานวันสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ ประจำปี 2567 โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อเร็ว ๆ นี้

ดร.วรพงษ์ สินสุขถาวร ผู้จัดการฝ่ายแผนงาน EGCO Group หนึ่งในผู้ร่วมเสวนาจากภาคเอกชน เปิดเผยว่า“EGCO Group มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม ให้เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนมากว่า 32 ปี โดยให้ความสำคัญกับการดูแลด้านความหลากหลายทางชีวภาพตลอดห่วงโซ่อุปทานของการดำเนินงาน พร้อมกันนี้ ได้กำหนดนโยบายและตั้งเป้าหมายในการขับเคลื่อนด้านความหลากหลายทางชีวภาพ 3 ด้าน ได้แก่ 1) ไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียคุณค่าด้านความหลากหลายทางชีวภาพสุทธิ (No Net Loss) และมุ่งมั่นลดผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพจากกิจกรรมตลอดทั้งวงจรชีวิตของโรงไฟฟ้า 2) สร้างผลกระทบด้านความหลากหลายทางชีวภาพสุทธิเชิงบวก ในทุกการดําเนินงานและตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Net Positive Impact) และ 3) หลีกเลี่ยงการดำเนินงาน การสำรวจ การควบรวมและเข้าซื้อกิจการโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ใกล้กับพื้นที่ที่เป็นเขตป้องกันขององค์การระหว่างประเทศเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ (The International Union for Conservation of Nature: IUCN) หรือเป็นพื้นที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในขณะเดียวกัน EGCO Group ยังร่วมดูแล อนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและป่าต้นน้ำในพื้นที่สำคัญของประเทศไทยผ่านการดำเนินงานของมูลนิธิไทยรักษ์ป่า มากว่า 22 ปี”

EGCO Group ได้ดูแลความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ที่เข้าไปดำเนินธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ โรงไฟฟ้าขนอม จ.นครศรีธรรมราช ที่มีโครงการจัดทำข้อมูลฐานสัตว์บ่งชี้ความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งด้านประเภท ชนิด จำนวน ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิต ในช่วงก่อนและหลังการก่อสร้างโรงไฟฟ้า รวมถึงมีโครงการสำรวจประชากรโลมา ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูก ด้วยนม ที่เป็นตัวชี้วัดสำคัญด้านความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเล มีความโดดเด่นและมีความสำคัญทางสังคมในด้านการท่องเที่ยวของ อ.ขนอม ในขณะที่โรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration จ.ระยอง มีโครงการลดการใช้น้ำที่ใช้ในการหล่อเย็น ด้วยการนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำเพิ่มจาก 8 รอบ เป็น 11 รอบ สำหรับโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ มีโครงการอนุรักษ์เต่าทะเล ควบคู่กับโครงการฟื้นฟูป่าชายเลนที่ถูกกัดเซาะ ในขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock ในออสเตรเลีย มีโครงการศึกษาระบบนิเวศและร่วมดูแลค้างคาว ซึ่งเป็นสัตว์ประจำถิ่นที่สำคัญ เป็นต้น

นอกจากนี้ EGCO Group ยังได้ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำและความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ป่าต้นน้ำที่สำคัญของประเทศไทย ผ่านมูลนิธิไทยรักษ์ป่า องค์กรสาธารณกุศลที่ EGCO Group ก่อตั้งและสนับสนุนการดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2545 เพื่อดำเนินภารกิจ 3 ด้านหลัก ได้แก่ การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนบนแนวคิด “คนอยู่ได้ ป่าอยู่ได้” ผ่านโครงการ “หมู่บ้านไทยรักษ์ป่า” การสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายชุมชน ผ่าน “เครือข่ายชุมชนไทยรักษ์ป่า” ในหลายพื้นที่ เพื่อพัฒนาศักยภาพของชุมชนในพื้นที่ลุ่มน้ำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการปลูกจิตสำนึกเยาวชนและประชาชน ผ่าน “โครงการเครือข่ายเยาวชนไทยรักษ์ป่า” และ “โครงการพัฒนาเส้นทางศึกษาธรรมชาติ”

ทั้งนี้ ภายในงานวันสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ ประจำปี 2567 EGCO Group ยังได้ร่วมจัดนิทรรศการการดูแลความหลากหลายทางชีวภาพตลอดห่วงโซ่อุปทานของโรงไฟฟ้าในกลุ่มเอ็กโก ทั้งในและต่างประเทศ และการดำเนินงานของมูลนิธิไทยรักษ์ป่า ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานอย่างมาก

 

 จักษ์กริช พิบูลย์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ปเปิดเผยผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2561 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 17,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 11,313 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 174 หากพิจารณาเฉพาะผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของปี 2561 บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ จำนวน 2,364  ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 5,894 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 167 โดยมีสาเหตุหลักจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะเดียวกัน คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 3.50 บาท และจ่ายเงินปันผลพิเศษ ในอัตราหุ้นละ 2.50 บาท รวมเป็นหุ้นละ 6 บาท ในวันที่ 14 กันยายน 2561

 สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561  จักษ์กริช กล่าวว่า ยังคงเดินหน้าสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหุ้น ตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยให้ความสำคัญกับธุรกิจไฟฟ้าซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญ และเน้นขยายธุรกิจในต่างประเทศที่มีฐานอยู่แล้วและสามารถขยายตลาดได้อีก รวมทั้งแสวงหาโอกาสขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยการซื้อสินทรัพย์ที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว และการพัฒนาโครงการประเภท Greenfield สำหรับการลงทุนในประเทศ บริษัทฯ มีความพร้อมสำหรับการลงทุนตามนโยบายของภาครัฐและแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (พีดีพี) ที่กำลังปรับปรุงใหม่

 

X

Right Click

No right click