November 24, 2024
×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 840

"ในฐานะองค์กรระดับโลก ที่มีรากฐานแข็งแกร่ง มีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน JTI จึงพร้อมที่จะเปิดโอกาสและสนับสนุนพนักงาน ด้วยข้อเสนอที่เย้ายวน ไม่เป็นรองใคร ทั้งในเรื่องของผลตอบแทนทั้งเงินเดือนที่เทียบเท่าหรือดีกว่าตลาดรวมถึงสวัสดิการและความก้าวหน้าในอาชีพการงานที่เป็นรูปธรรม ตลอดจนส่งเสริมให้พนักงานได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศเพื่อรับการฝึกอบรมด้าน Technical skills และ Leadership Skills อยู่เสมอในสถาบันการศึกษาชั้นนำอย่าง Harvard Business School และ London Business School ขณะเดียวกันก็มีระบบบริหารทรัพยากรบุคคลที่เพียบพร้อม ทันสมัย ก้าวทันยุคเศรษฐกิจดิจิทัล การันตีด้วยรางวัล Top Employer ของประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2018 ที่เพิ่งได้รับมาหมาดๆ"

ณัฏฐณิชา วรวรรณเศรษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท เจที อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ JTI ให้รายละเอียดแบบเจาะลึกว่า ด้วยความที่ JTI เป็นองค์กรที่พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว ทั้งการทำธุรกิจและการบริหารงานองค์กรจึงจะต้องปรับเปลี่ยนให้สอดรับกับกระแสโลกได้อย่างทันท่วงที ซึ่งรวมถึงการสรรหาบุคลากรด้วยวิธีการใหม่ๆ HR ต้องเข้าใจว่าคนรุ่นใหม่คุ้นเคย และกระหายเทคโนโลยี พวกเขาเกิดและเติบโตมาพร้อมๆ กับเทคโนโลยี เราต้องปรับเปลี่ยนนโยบายและเครื่องมือให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ดังนั้น ที่ JTI เราจึงใช้โซเชียลมีเดีย ในการสรรหาบุคลากร ทั้ง Linkedin, Facebook, Glassdoor, Twitter, Youtube และ Line ซึ่งที่ผ่านมาเราสามารถคัดเลือกคนที่มีคุณภาพเข้าทำงานในองค์กรผ่านช่องทางเหล่านี้ และในขณะเดียวกันเรายังสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้สื่อสารไปยังพนักงานได้รวดเร็ว พนักงานเองก็สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ แบ่งปันไอเดียกับบริษัทได้ทุกเวลา นอกจากนี้องค์กรสามารถนำแนวทางของโลกโซเชียลมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรม ตลอดจนการดำเนินงานภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ สร้างวัฒนธรรมของการมีส่วนร่วมของบุคลากรในองค์กรให้เป็นรูปธรรมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ในการบริหารงานทรัพยากรบุคคล JTI ยังต้องขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวสู่การเป็น Digital Workplace อย่างสมบูรณ์แบบ ตลอดจนบริหารจัดการการทำงานผ่านระบบออนไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรไม่ว่า จะเป็น Performance Management, Time Management, Talent Management, Recruitment โดยใช้โปรแกรม Success Factor ที่เป็น Cloud Base HRIS Solution พนักงานไม่จำเป็นต้องเข้ามาออฟฟิศ แต่สามารถทำงาน และประเมินผลงานต่างๆ ได้ ผ่านระบบ ไม่เสียเวลาในการเดินทาง และไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งด้วยวิธีการอันทันสมัยนี้จะทำให้หัวหน้างาน พนักงาน รวมถึง HR สามารถทำงานเชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็ว ไม่ติดขัด เพราะไม่ว่าที่ไหนก็สามารถทำงานได้เช่นกัน ตราบใดที่เชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้

สำหรับด้านการอบรมนั้น ณัฏฐณิชา กล่าวว่า JTI มี E-Learning เพื่อให้พนักงานสามารถเข้าไปศึกษาเรื่องที่ตัวเองสนใจได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในเวลาที่สะดวก ไม่จำเป็นต้องมี Classroom Training ยิ่งไปกว่านั้นยังเน้นย้ำในเรื่องการเรียนรู้แบบ On The Job Training ไม่ว่าจะเป็นจากการย้ายงานไปยังแผนกอื่นๆ หรือประเทศอื่นๆ ทั้งแบบ Short Term Assignment (STA) ระยะเวลาตั้งแต่ 6-18 เดือน และแบบ International Assignment (IA) ระยะเวลาตั้งแต่ 18-36 เดือน

สุดท้ายณัฏฐณิชา เน้นย้ำว่าเพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจที่จะเปลี่ยนแปลงจากอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิต ไปสู่ธุรกิจที่ต้องผสมผสานความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และเทคโนโลยี ในการดึงดูดผู้บริโภค ดังนั้นบุคลากรที่จะเติบโตใน JTI ได้อย่างโดดเด่น จะต้องเป็นนักคิดนักปฏิบัติที่สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ในการทำงานได้อยู่เสมอ องค์กรต้องการคนที่มีความสามารถในการคิดและทำที่สร้างความแตกต่างได้ เท่านั้นยังไม่พอ ต้องเป็นคนที่มีความสามารถในการคิดได้รอบด้าน เข้าใจภาพรวม ไม่ใช่แค่เพียงด้านที่ตัวเองถนัดเท่านั้น เพราะการทำงานในอนาคต ทุกสิ่งทุกอย่างจะเชื่อมโยงถึงกันหมด

What JTI are looking for

สำหรับโปรแกรม Explore ซึ่งเป็นโปรแกรมสรรหาManagement Trainee ของ JTI นั้น จะมองหาคนที่มีคุณลักษณะโดดเด่นเพื่อที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมและผู้บริหารในอนาคต พร้อมกับรับโอกาสในการทำงานในต่างประเทศที่ JTI ดำเนินธุรกิจอยู่ถึง 3 แห่ง ภายในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งนับเป็นโปรแกรมที่ปั้นมืออาชีพสู่ตำแหน่งผู้จัดการภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเส้นทางความสำเร็จในระยะยาวกับ JTI องค์กรที่มุ่งเน้นการทำงานอันเป็นเลิศ ด้วยคำมั่นสัญญาที่ว่าจะได้ความเอาใจใส่ ให้ความยอมรับนับถือ และนำเสนอโอกาสที่ดีให้ด้วยการลงทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรอย่างต่อเนื่อง โดยคุณสมบัติของคนที่สามารถสมัครเข้าร่วมสุดยอดโปรแกรมนี้ได้แก่

- บัณฑิตจบใหม่ที่มีแรงจูงใจ หรือมืออาชีพรุ่นใหม่ที่แสวงหาความท้าทายในอาชีพการงาน

- จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับในสาขาวิชาใดก็ได้

- มีประสบการณ์การทำงานไม่เกิน 2 ปี

- รักการทำงานเป็นทีม

- มีทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม เชี่ยวชาญในภาษาอังกฤษ (ทั้งพูดและเขียน)

- มีทัศนคติที่ดี โหยหาชัยชนะ

- มีความพร้อมและเต็มใจที่จะทำงานในต่างประเทศ และเปิดรับประสบการณ์ต่างวัฒนธรรม

JTI หรือ Japan Tobacco International เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำระดับโลก ก่อตั้งเมื่อปี 1999 ดำเนินธุรกิจใน 120 ประเทศทั่วโลก เจ้าของแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Winston, Mevius และ Camel เป็นต้น โดย JTI เปิดโอกาสกว้างในการทำงานให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ โดย Gabriel Bonnet ผู้จัดการทั่วไป JTI ประเทศไทย ในฐานะผู้นำขององค์กร เขามีบทบาทในการสนับสนุน Employees Engagement ในหลายด้านๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งนับเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ดีในการส่งเสริมให้พนักงานกล้าคิด กล้าทำ เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตในหน้าที่การงาน และเป็นแรงสำคัญในการขับเคลื่อนให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

 

Gabriel Bonnet ผู้จัดการทั่วไป JTI ประเทศไทย

 

“อันดับแรกคือการยึดพนักงานเป็นศูนย์กลางของบริษัท โดยมองว่าพนักงานไม่ได้เป็นทรัพย์สินขององค์กร แต่เป็นผู้ลงทุนของบริษัท พวกเขาลงทุนทั้งความเชี่ยวชาญและเวลา โดยทีมผู้บริหารจะช่วยวางกรอบการทำงานและเครื่องมือต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้พนักงานพัฒนาการทำงาน และทำให้พนักงานรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจ มีความรับผิดชอบในงานที่ทำอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้การทำตามแผนกลยุทธ์เกิดประสิทธิผลสูงสุด นอกจากนี้องค์กรควรสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมและบรรยากาศการทำงานแบบ Open Thinking คือ การเปิดใจ ตั้งใจรับฟัง ให้เกียรติกับพนักงานทุกคน เพราะการเปิดรับทุกความคิดเห็นและฟีดแบ็ก ทำให้พนักงานเกิดความเชื่อมั่นในองค์กรว่าองค์กรตระหนักถึงการมีตัวตนและคุณค่าของพนักงาน ทำให้พนักงานมีความมั่นใจที่จะพูด กล้าที่จะแบ่งปันไอเดียต่างๆ กล้าที่จะคิดโปรเจกต์ต่างๆ และพรีเซนต์มันออกมาได้อย่างน่าประทับใจ”

นอกจากนี้ Gabreil ได้อธิบายถึงวิสัยทัศน์ 4s Model ได้ต้นแบบมาจาก JT (Japanese Tobacco) ซึ่งเปรียบเสมือนพันธสัญญาระยะยาวในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน และหลักการแห่งความรับผิดชอบนี้ได้ถ่ายทอดมายัง JTI ด้วย “4s Model คือการที่เรารักษาสมดุลของผลประโยชน์ ลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน และสังคมในวงกว้าง เรามุ่งที่หน้าที่อย่างเต็มที่ และไปให้ไกลกว่าความคาดหวังอีกด้วย ไม่มีส่วนประกอบไหนที่สำคัญกว่าอีกส่วน สิ่งเหล่านี้เป็นขั้นแรกของหนทางสู่ความสำเร็จ”

 

"ถ้าคุณแสดงออกถึง passion เป้าหมาย และความสามารถทำงานเป็นทีม ไม่มีอะไรจะหยุดให้คุณสร้างเส้นทางการทำงานในแบบที่คุณต้องการได้"

 

ในฐานะที่เป็นองค์กรระดับนานาชาติที่ต้องการบุคลากรที่มีศักยภาพมาร่วมงาน การโปรโมตพนักงานที่เป็น Young Talent จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยคุณ Gabriel ให้รายละเอียดว่า เนื่องจากผู้บริหารของ JTI ล้วนเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง จึงพร้อมที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ และพร้อมที่จะเข้าใจในสิ่งที่พนักงานต้องการ โดยต้องสร้างสมดุลกับสิ่งที่บริษัทต้องการด้วย พร้อมที่จะให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด และชี้ให้เห็นถึงโอกาสและความก้าวหน้าในการทำงาน

“JTI จะไม่ปิดกั้นโอกาสใดๆ พนักงานทุกคนสามารถที่จะเติบโตในสายงาน หรือข้ามสายงานได้ เช่น จากที่เคยทำงานในแผนกการตลาด ก็เปิดโอกาสให้ทำงานในแผนกอื่นๆ ได้ หากพนักงานคนนั้นมีความสนใจ และมีความกระตือรือร้นที่อยากจะเปลี่ยนแปลง หรือถ้าต้องการ International career จะไปทำงานในต่างประเทศกับเครือข่ายต่างๆ ของ JTI ก็สามารถที่จะได้รับโอกาสนั้นเช่นกัน เพราะเราเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ถูกขับเคลื่อนด้วยแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่มากว่า อะไรคืออนาคตหรือก้าวต่อไปของเขา อะไรที่เขาจะได้เรียนรู้ และเขาสามารถเติบโตเป็นมืออาชีพอย่างไร หรือไปที่ไหนได้บ้าง ทุกวันนี้คนไม่ได้อยากเริ่มทำงานและเกษียณในแผนกเดียว เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะเข้าใจเป้าหมายระยะยาวของพนักงาน และให้โอกาสในการที่จะพัฒนาอาชีพของเขากับ JTI”

สุดท้าย Gabriel ย้ำว่า “ถ้าคุณแสดงออกถึง passion เป้าหมาย และความสามารถทำงานเป็นทีม ไม่มีอะไรจะหยุดให้คุณสร้างเส้นทางการทำงานในแบบที่คุณต้องการได้ ผลิตผลงานที่มีคุณภาพ และมีทัศนคติที่ดี สื่อสารให้หัวหน้าของคุณทราบว่าคุณต้องการมุ่งหน้าไปทางไหน คุณจะยังไม่พร้อมสำหรับก้าวต่อไป จนกว่าคุณจะเร่งลงมือทำมันทันที”

X

Right Click

No right click