

Jobsdb by SEEK แพลตฟอร์มจัดหางานอันดับหนึ่งของประเทศไทย ตอกย้ำบทบาทการเป็นแพลตฟอร์มหางานดิจิทัลที่น่าเชื่อถือและมีความปลอดภัยสูงภายในงานสัมนา “St@y Safe in Digital Space” Thailand Forum 2025 ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Jobsdb by SEEK และหน่วยงานจากองค์กรสหประชาชาติ (UN) รวมถึงองค์กรพันธมิตรในระดับโลกรายอื่น ๆ ซึ่งมีเป้าหมายร่วมกันคือการเพิ่มความตระหนักรู้และร่วมกันเสนอแนะแนวทางป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์และการแสวงหาผลประโยชน์ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะในกลุ่มผู้อพยพ ผู้หญิง และเยาวชน
บนเวทีเสวนา “หางานออนไลน์อย่างไรให้ปลอดภัย?” คุณดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK ได้ร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับ ความเสี่ยงที่อาจมาพร้อมกับการหางานออนไลน์ผ่านช่องทางที่ไม่น่าเชื่อถือ วิธีป้องกันและวิธีหางานออนไลน์ที่เหมาะสม พร้อมทั้งยังได้ตอกย้ำบทบาทของ Jobsdb by SEEK ในฐานะการเป็นแพลตฟอร์มผู้นำด้านการหางานซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้หางานในยุคดิจิทัล
“การหางานผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลอาจมีความเสี่ยงในเรื่องการหลอกลวงด้านการจ้างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหางานผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เนื่องจากขาดระบบตรวจสอบและยืนยันตัวตนที่น่าเชื่อถือ โดย Jobsdb by SEEK มุ่งมั่นที่จะสร้างตลาดงานออนไลน์ที่ไว้วางใจได้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถหางานได้อย่างมั่นใจ” คุณดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK กล่าวเพิ่มเติม “เรามีระบบตรวจสอบประกาศงานอย่างเข้มงวด พร้อมทีมรักษาความปลอดภัยที่คอยเฝ้าระวังและลบทุกประกาศงานที่น่าสงสัยทันที นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น SEEKPass ที่ช่วยยืนยันตัวตนของผู้สมัครและปกป้องข้อมูลส่วนตัว โดยปัจจุบันมีใช้งานแล้วใน 8 ประเทศ ภายใต้ SEEK ทั่วเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซียและสิงคโปร์ และสำหรับการใช้งานในประเทศไทยจะมีการพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติม รวมถึงยกระดับด้านความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นเร็ว ๆ นี้”
![]()
การมีส่วนร่วมในเวทีสัมนาครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า Jobsdb by SEEK พร้อมรับมือกับความท้าทายด้านความปลอดภัยในโลกดิจิทัล และยังเป็นผู้นำในด้านการผลักดันให้ตลาดการหางานออนไลน์มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยสำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้หญิงและเยาวชน
เพื่อปกป้องตัวเองเมื่อใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการหางาน Jobsdb by SEEK ยังได้แนะนำวิธีการรับมือเมื่อพบกับประกาศงานที่น่าสงสัย ดังนี้:
● ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มและนายจ้าง: ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มและนายจ้างก่อนสมัครงาน โดยใช้เฉพาะเว็บไซต์หางานที่ได้รับการรับรอง และหลีกเลี่ยงการติดต่อผ่านแอปแชทส่วนตัว โดยควรตรวจสอบข้อมูลบริษัทจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น Jobsdb หรือกระทรวงแรงงาน
● สังเกตลักษณะของงานที่น่าสงสัย: ค่าตอบแทนสูงเกินจริง ไม่มีรายละเอียดงานชัดเจน ขอให้โอนเงินหรือจ่ายค่าสมัครงานก่อน ให้ถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือน โดยนายจ้างที่น่าเชื่อถือมักไม่ขอข้อมูลหรือเงินของผู้สมัครก่อนการสัมภาษณ์งาน
● ให้ข้อมูลเท่าที่จำเป็น: กรอกเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสมัครงาน เช่น ประวัติการทำงานและทักษะ หลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อน เช่น หมายเลขบัตรประชาชน เลขบัญชีธนาคาร หรือที่อยู่บ้านเต็มรูปแบบ
● ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและใช้รหัสผ่านที่ปลอดภัย: ตรวจสอบการตั้งค่าโปรไฟล์และเลือกเปิดเผยข้อมูลให้เฉพาะนายจ้างที่เชื่อถือได้ ตั้งรหัสผ่านที่รัดกุมและไม่ใช้รหัสผ่านเดียวกันกับบัญชีอื่น ๆ
● แจ้งแพลตฟอร์มหางานหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง: หากพบประกาศงานที่อาจเป็นการหลอกลวง สามารถแจ้งไปยังแพลตฟอร์มที่ใช้งานเพื่อให้ทีมงานตรวจสอบและดำเนินการปิดประกาศงานดังกล่าวได้ ในกรณีที่มีการถูกหลอกลวงเกิดขึ้น ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือกระทรวงแรงงาน
ข้อมูลดังกล่าวนี้ เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งจากการสัมมนาในงาน “St@y Safe in Digital Space” Thailand Forum 2025 เมื่อวันที่ 26–27 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ โรงแรม Skyview Hotel Bangkok จัดขึ้นโดย UNODC ภายใต้ความร่วมมือจากหลากหลายหน่วยงาน อันได้แก่ ILO, UN Women, UNICEF และ Jobsdb by SEEK โดยได้รับการสนับสนุนจาก สหภาพยุโรป (EU) ซึ่งงานดังกล่าวถือเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากหลากหลายภาคอุตสาหกรรมได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างปลอดภัย เพื่อเป็นเกราะป้องกันภัยคุกคามในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ Jobsdb by SEEK ที่ต้องการสนับสนุนอีโคซิสเต็มด้านการจัดหางานให้มีความปลอดภัยให้แก่แรงงานทุกคน ทั้งในระดับประเทศไทยและในระดับโลก
Jobsdb by SEEK ยกระดับวงการการคัดสรรบุคลากรในตลาดงาน ตอบรับเทรนด์ AI แห่งอนาคตที่กำลังมาแรงในวงการ HR และทุกภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก ด้วย AI ระดับโลกจาก Jobsdb by SEEK พร้อมด้วยฟีเจอร์อัจฉริยะเต็มรูปแบบ พร้อมข้อมูลเชิงลึกจากตลาดแรงงานเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถค้นหาและคัดเลือกผู้สมัครที่เหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
![]()
เครดิตรูปภาพจาก Jobsdb by SEEK
"เทคโนโลยี AI กำลังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในกระบวนการทำงานของ HR โดยเฉพาะเทรนด์เรื่องการปรับตัวของบุคลากรในส่วนงานของ HR ที่มีการนำเอา AI เข้ามาใช้ในกระบวนการสรรหาบุคลากรมากยิ่งขึ้นที่เป็นเทรนด์ในทั่วโลกในวันนี้ อย่างเช่น รายงานจาก Statista ได้ระบุว่าในปี 2024 ที่ผ่านมา 64% ของผู้เชี่ยวชาญด้าน HR ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ใช้ AI เพื่อช่วยในกระบวนการสรรหาบุคลากร สัมภาษณ์และกระบวนการจ้างงานแล้ว " คุณดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK กล่าว
"การที่ Jobsdb by SEEK ได้นำเอาเทคโนโลยี AI เข้ามาเป็นเครื่องมือหลักในการช่วยพัฒนาการสรรหา คัดเลือกบุคลากรให้องค์กร จึงถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของวงการ HR ได้อย่างมากอีกทางหนึ่ง ทำให้องค์กรสามารถรับบุคลากรที่ตรงกับสายงาน และพัฒนาให้กระบวนการของ HR เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากสูงสุดอีกด้วย”
โดย AI จาก Jobsdb by SEEK ครอบคลุมทั้งด้านการช่วยสร้างประกาศงานอย่างอัตโนมัติ การจับคู่ผู้สมัครแบบเรียลไทม์ และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับกลยุทธ์การสรรหาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น โดยฟีเจอร์เด่นของเทคโนโลยีนี้ ได้แก่:
● AI - Assisted Sourcing AI Ad Writing
ช่วยให้การสร้างประกาศงานที่น่าสนใจและตรงกลุ่มเป้าหมายเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วในไม่กี่คลิก ขณะที่ฟีเจอร์ In-Flow Insights จะเสนอคำแนะนำเพื่อปรับแต่งเนื้อหาของประกาศงานระหว่างการเขียน เพื่อเพิ่มโอกาสในการดึงดูดผู้สมัครที่มีคุณภาพ
● Better Matching AI-Assisted Search จะช่วยค้นหาผู้สมัครที่เหมาะสมจากฐานข้อมูลกว่า 40 ล้านโปรไฟล์ทั่วภูมิภาค ด้วยระบบ AI อัจฉริยะ ขณะที่ Job Recommendation จะแนะนำงานที่ตรงกับทักษะและความสนใจของผู้สมัคร เพิ่มโอกาสในการจับคู่ที่มีคุณภาพ
● Assess and Connect ฟีเจอร์ Candidate Management ช่วยจัดการและติดตามผู้สมัครได้อย่างเป็นระบบในแพลตฟอร์มเดียว ช่วยลดความยุ่งยากในกระบวนการสรรหา
● Data and Insights ทำให้ผู้ประกอบการสามารถติดตามผลลัพธ์ของประกาศงานได้แบบเรียลไทม์ และปรับกลยุทธ์การสรรหาได้ทันที ผ่านการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการประกาศงาน (Ad Performance) และข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์บัญชี (Account Analytics)
การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในกระบวนการสรรหาบุคลากรของ Jobsdb by SEEK ยังคงมุ่งมั่นในการสนับสนุนองค์กรอย่างต่อเนื่องในการค้นหาผู้สมัครในตำแหน่งงานที่หลากหลายยิ่งขึ้น ผ่านฟีเจอร์ Lite Ad ที่ผู้ประกอบการจะสามารถลงประกาศตำแหน่งงานฟรีได้ไม่จำกัด และยังเป็นส่วนช่วยให้องค์กรทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกอบการรายย่อย ไปจนถึงองค์กรระดับใหญ่ ต่างก็สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี และประสบความสำเร็จ ได้ผลตอบรับคุ้มค่าการลงทุน (ROI) สำหรับการสรรหาบุคลากรอีกด้วย
สำหรับผู้ประกอบการและองค์กรที่สนใจทดลองใช้งานฟีเจอร์อัจฉริยะเหล่านี้ สามารถดูรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงประกาศงานฟรี Lite Ad ได้ที่นี่ และสามารถสำรวจข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทรนด์พฤติกรรมและความคาดหวังของผู้หางานบน Talent Attraction Lab ได้ที่นี่ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ติดตามความเคลื่อนไหว และรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวแคมเปญ Talent Attraction Lab และ Jobsdb by SEEK ได้ทาง https://www.facebook.com/JobsdbThailandOfficialPage หรือ https://th.jobsdb.com/
ในวาระโอกาสวันผู้สูงอายุแห่งชาติ (13 เมษายน) ที่ผ่านมา Jobsdb by SEEK แพลตฟอร์มหางานอันดับหนึ่งของประเทศไทย เดินหน้ายกระดับตลาดแรงงานไทยด้วยการสนับสนุนกลุ่มแรงงาน “Silver Age” หรือผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไปให้สามารถเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดงานในอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และเครื่องมือดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ
แรงงานกลุ่ม Silver Age ถือเป็นกำลังสำคัญในตลาดแรงงานไทย โดยมีจำนวนกว่า 13 ล้านคน หรือประมาณ 20% ของกำลังแรงงานทั้งหมดในประเทศ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่า ภายในปี 2573 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) ซึ่งประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปจะมีมากกว่า 1 ใน 4 ของทั้งประเทศ ซึ่งหลายคนในกลุ่ม Silver Age ยังมีความพร้อมและต้องการกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน ไม่ว่าจะเพื่อความมั่นคงทางรายได้ ความกระตือรือร้นในการใช้ชีวิต หรือเพราะต้องการถ่ายทอดประสบการณ์ให้คนรุ่นใหม่
AI คือทักษะที่คนทำงานยุคใหม่ควรรู้ โดยเฉพาะในกลุ่ม Silver Age
แนวโน้มตลาดแรงงานสะท้อนว่า AI โดยเฉพาะ Generative AI กำลังมีบทบาทสำคัญต่อการเพิ่มประสิทธิภาพในหลากหลายสายงาน และกลายเป็นแรงผลักดันหลักในการจ้างงานระดับโลก รายงานจาก World Economic Forum เผยว่าจำนวนผู้ที่เพิ่มทักษะด้าน AI ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 177% ตั้งแต่ปี 2018 แม้แต่ในสายงานที่ไม่ใช่เทค เช่น การตลาด การขาย และสุขภาพ ก็เริ่มให้ความสำคัญกับทักษะด้าน AI มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้ว่าจ้างกว่า 50% ยังระบุว่าอาจไม่รับผู้สมัครที่ไม่มีพื้นฐาน AI โดยเฉพาะความสามารถด้าน prompt engineering หรือการใช้เครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT และ Microsoft Copilot ซึ่งกำลังกลายเป็นทักษะพื้นฐานที่ทุกคนควรมีติดตัวในยุคนี้
สำหรับแรงงานกลุ่ม Silver Age การผสานประสบการณ์เข้ากับเทคโนโลยี AI จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการกลับเข้าสู่ตลาดงาน และเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าสำหรับองค์กรในโลกยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล
7 อาชีพน่าจับตา ที่เหมาะกับกลุ่ม Silver Age
เพื่อสนับสนุนให้แรงงานวัยเก๋าสามารถกลับเข้าสู่ตลาดงานในแบบที่ตนเองต้องการ Jobsdb by SEEK ได้แนะนำ 7 สายอาชีพที่เหมาะสมกับกลุ่มนี้ โดยสามารถต่อยอดจากทักษะเดิมและเสริมด้วยเครื่องมือดิจิทัล ได้แก่:
● ครูพิเศษ / ติวเตอร์: เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบทำงานจากที่บ้าน มีเวลายืดหยุ่น และยังเป็นโอกาสเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ในโลกการศึกษาออนไลน์
● งานบริการลูกค้า / Call Center: เหมาะกับผู้ที่มีทักษะการสื่อสาร มีใจรักบริการ และสามารถทำงานจากที่บ้านได้ในหลายองค์กร
● นักแปล: เหมาะกับผู้ที่มีทักษะด้านภาษา และต้องการใช้ทักษะเดิมในการทำงานอิสระที่บ้าน พร้อมจัดสรรเวลาได้เอง
● บัญชี / การเงินเบื้องต้น: สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานด้านการจัดการเอกสารทางการเงิน สามารถทำแบบฟรีแลนซ์หรือช่วยสนับสนุนธุรกิจ SME ได้
● งานธุรการ / ประสานงาน: เหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์ในงานเอกสาร นัดหมาย และการประสานงาน พร้อมเรียนรู้การใช้เครื่องมือดิจิทัลเบื้องต้น
● ขายของออนไลน์: สำหรับผู้ที่ชอบทำงานจากที่บ้าน รู้จักการใช้โซเชียลมีเดีย หรือแอปขายของต่าง ๆ และสามารถจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
● ที่ปรึกษาอิสระ: เหมาะกับผู้ที่อยากแบ่งปันประสบการณ์ในด้านการเงิน การลงทุน หรือการพัฒนาทักษะให้กับคนรุ่นใหม่
อาชีพเหล่านี้สามารถยกระดับได้อีกขั้นด้วยการใช้เครื่องมือดิจิทัลหรือแอปพลิเคชัน AI เบื้องต้น เช่น คอร์สเรียนออนไลน์ ซอฟต์แวร์แปลภาษา และโปรแกรมช่วยกรอกข้อมูล ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการทำงาน
Fair Hiring จุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดแรงงานที่เปิดรับคนทุกวัย
เมื่อจำนวนประชากรสูงวัยในประเทศไทยเพิ่มขึ้น สิ่งที่ผู้ประกอบการควรพิจารณาอย่างยิ่งคือ “แนวทางการจ้างงาน” จากผลสำรวจของ Jobsdb by SEEK พบว่าแรงงานไทยกว่า 30% ยังมองว่าความลำเอียงและการเลือกปฏิบัติในกระบวนการจ้างงาน เป็นอุปสรรคในการหางานที่เหมาะสม โดยเฉพาะแรงงานกลุ่ม Silver Age ที่อาจได้รับผลกระทบจากอคติด้านอายุหรือสถานะ
ประเด็นนี้ยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมสังคมการจ้างงานที่เปิดกว้าง และสอดคล้องกับแนวคิด Fair Hiring ซึ่ง Jobsdb by SEEK ผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การจ้างงานไม่ถูกจำกัดด้วยอายุ เพศ เชื้อชาติ หรือสถานะ แต่เปิดกว้างอย่างเท่าเทียม
คุณดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK กล่าวว่า “แนวทางในการส่งเสริม Fair Hiring เป็นพันธกิจสำคัญของ Jobsdb by SEEK มาอย่างต่อเนื่อง โดยองค์กรมุ่งมั่นสนับสนุนให้ตลาดแรงงานไทยเปิดรับความหลากหลาย และลดอคติในกระบวนการสรรหา ผ่านการยกระดับการคัดสรรบุคลากรด้วยระบบเทคโนโลยี AI ระดับโลกจาก Jobsdb by SEEK ที่ช่วยจับคู่ระหว่างผู้สมัครและตำแหน่งงานอย่างเป็นธรรม พร้อมรณรงค์ให้ผู้ประกอบการปรับแนวทางการรับสมัครให้ครอบคลุมผู้สมัครทุกกลุ่ม”
คุณดวงพร ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าแนวคิด Fair Hiring จะช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงบุคลากรที่มีศักยภาพมากขึ้น โดยพิจารณาจากทักษะและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน แทนที่จะมองจากอายุหรือพื้นเพ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถดึงดูดผู้สมัครที่เหมาะสมกับตำแหน่ง และช่วยให้ตลาดแรงงานเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ด้วยความเชื่อมั่นในบทบาทของเทคโนโลยีและการส่งเสริมความเป็นธรรม Jobsdb by SEEK ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาแพลตฟอร์มหางานให้ทันสมัย ครอบคลุม และเป็นธรรมสำหรับทุกคน เพื่อช่วยผลักดันแรงงานไทยให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างยั่งยืนและเท่าเทียม
ติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Jobsdb by SEEK ได้ทางเว็บไซต์ https://www.facebook.com/JobsdbThailandOfficialPage หรือ https://th.jobsdb.com/
Jobsdb by SEEK ประเทศไทย เผยข้อมูลคำค้นหางานยอดนิยมของผู้ค้นหางานในปี 2567 ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงานและแนวโน้มที่สำคัญที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสนใจจากคำค้นหาที่ถูกใช้ในการค้นหางานมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำที่เกี่ยวข้องกับทักษะเฉพาะทางในตลาดงาน และแนวโน้มทิศทางของการค้นหางานที่เกี่ยวข้องกับ ทักษะภาษาที่สอง
จากข้อมูลการค้นหาของผู้สมัครงานผ่าน Jobsdb by SEEK พบว่า 5 คำค้นหางานที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในกลุ่มคนหางานปี 2567 ได้แก่:
1. วิศวกรรม (Engineering)
2. ธุรการ (Administration)
3. บัญชี (Accounting)
4. การตลาด (Marketing)
5. ทรัพยากรบุคคล (Human Resources)
คำค้นหาเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการได้รับความนิยมของสายงานทางวิศวกรรม ที่มีการค้นหาเป็นอันดับหนึ่งของสายงานที่มีคนสนใจค้นหามากที่สุดในปี 2567 ซึ่งวิศวกรรม นับเป็นสายงานที่เป็นทักษะอาชีพระดับต้น ๆ เพื่อรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีสมัยใหม่ อย่าง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล
นอกจากนี้ จากประกาศวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในปี 2567 ที่ผ่านมา ได้ตั้งเป้าหมายพัฒนาบุคลากรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมในอนาคต รัฐบาลไทยจึงมีเป้าหมายที่จะสร้างตำแหน่งงานจำนวน 280,000 ตำแหน่งในภาคส่วนเทคโนโลยีขั้นสูงในช่วงของห้าปีข้างหน้า โดยเน้นที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ความพยายามของรัฐบาลในครั้งนี้อาจเป็นปัจจัยที่สนับสนุนจำนวนการค้นหาที่มีมากในอาชีพวิศวกรรมบนแพลตฟอร์ม ของ Jobsdb by SEEK ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและความเกี่ยวข้องของอาชีพดังกล่าวในตลาดแรงงานอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ในกลุ่มสายงานสนับสนุน อย่างเช่น สายงานธุรการ บัญชี การตลาด และสายงานทรัพยากรบุคคลก็ยังคงได้รับความสนใจในการค้นหาคำ Top 5 ในปีที่ผ่านมาตามลำดับ
อีกหนึ่งแนวโน้มที่น่าสนใจในปี 2567 คือการค้นหางานที่พูดถึงทักษะภาษาที่สอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สมัครงานที่พร้อมและยินดีที่จะมองหางานที่ต้องการทักษะด้านภาษาโดยเฉพาะ โดยภาษาอังกฤษยังคงเป็นภาษาที่ได้รับการค้นหามากที่สุดถึง 47% ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เนื่องจากภาษาอังกฤษถือเป็นภาษากลางที่มีความสำคัญในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก และเป็นปัจจัยสำคัญในตลาดแรงงานที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างไร้พรมแดน
อย่างไรก็ตาม ภาษาจีน/แมนดาริน ได้รับการค้นหามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมีสัดส่วนถึง 33% ของคำค้นหาทั้งหมดในปี 2567 ความต้องการทักษะภาษาจีนจึงไม่เพียงแค่ในระดับธุรกิจเท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงภาคการศึกษา เรียนรู้ภาษาเพิ่มเติม รวมไปถึงการเป็นส่วนสำคัญของการค้าระหว่างประเทศอีกด้วย
ภาษาญี่ปุ่นตามมาในอันดับที่ 19% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้สมัครยังคงให้ความสำคัญกับภาษาญี่ปุ่น เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและการผลิตจากประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ภาษาต่าง ๆ เช่น เกาหลี รัสเซีย พม่า ฮินดี เวียดนาม ฝรั่งเศส เยอรมัน และอาหรับ มีสัดส่วนรวมกันที่ 1% ซึ่งสะท้อนถึงความหลากหลายของความพร้อมของทักษะภาษาในผู้สมัครงานในแต่ละอุตสาหกรรม
แนวโน้มนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้ค้นหางานจำนวนมากกำลังให้ความสำคัญกับการใช้ ทักษะภาษาที่สองเป็นตัวช่วยในการเพิ่มโอกาสในตลาดแรงงาน และเปิดโอกาสการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความสามารถทางภาษาโดยเฉพาะ สำหรับผู้ประกอบการ การเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการนี้สามารถช่วยดึงดูดผู้สมัครที่มีคุณภาพ และเพิ่มศักยภาพขององค์กรที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลคำค้นหานี้ไม่เพียงแค่เป็นข้อมูลที่สะท้อนความต้องการของตลาด แต่ยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการในการสร้างประกาศรับสมัครงานที่สามารถดึงดูดผู้สมัครที่มีคุณภาพได้อย่างตรงจุด การระบุทักษะเฉพาะทางในประกาศรับสมัคร เช่น การเน้นทักษะด้านสายอาชีพ หรือการกำหนดทักษะด้านภาษาที่สองที่เป็นที่ต้องการ สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการได้รับใบสมัครงานที่ตรงกับทักษะที่ต้องการได้ดีขึ้น รวมไปถึงผู้หางานที่สามารถนำมาปรับข้อมูลในเรซูเม่ของตนเอง ในการเพิ่มทักษะที่จำเป็นต่างๆ รวมทั้งทักษะทางภาษาให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสการค้นหางานอีกด้วย
คุณดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Jobsdb by SEEK ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “Jobsdb by SEEK ภูมิใจในบทบาทของการเป็นผู้นำทางความคิดในอุตสาหกรรมงาน โดยมุ่งเน้นการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่า และสามารถเปลี่ยนเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้จริง เพื่อสร้างประกาศงานที่ตรงใจผู้สมัครมากขึ้น ในขณะเดียวกันยังเป็นแนวทางให้ผู้สมัครงานสามารถเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสมและเพิ่มโอกาสสู่ความสำเร็จในสายอาชีพของพวกเขา”
Jobsdb by SEEK ได้เปิดเผยข้อมูลตลาดแรงงานทั่วโลกและในประเทศไทยจากบทสรุปข้อมูลเชิงสำรวจเกี่ยวกับการทํางานและความสมัครใจในการโยกย้าย ซึ่งนําเสนอข้อมูลระดับโลกพร้อมข้อมูลเชิงลึกในระดับประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในผลสํารวจ ชุด Global Talent Survey 2024 จัดทำโดย JobStreet และ Jobsdb ภายใต้กลุ่มบริษัท SEEK ร่วมกับ Boston Consulting Group (BCG) (บริษัท เดอะ บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป จำกัด) และ The Network (เดอะ เน็ตเวิร์ค) พันธมิตรระดับโลก จัดทำร่วมกัน
ซึ่งการสำรวจนี้ได้สํารวจความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของสถานที่ทํางานและวิธีการทํางานที่ผู้หางานทั่วโลกต้องการจากผู้ทำแบบสำรวจกว่า 150,000 คน จากกว่า 180 ประเทศ โดยผลการสํารวจระดับโลกนี้อ้างอิงตามกลุ่มตัวอย่างจํานวนมากที่มีความหลากหลายและครอบคลุมถึงตลาดผู้หางานหลักที่สําคัญ
บทสรุปสำคัญ
![]()
ประเทศไทยได้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมของผู้หางาน
ประเทศไทยยังได้ถูกยกให้เป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นที่ต้องการของผู้หางานจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้ขยับขึ้นมาลำดับที่ 31 จากลำดับที่ 39 ในการจัดอันดับโลกนับจากปี 2561 ประเทศไทยดึงดูดผู้ที่มีความสามารถหลากหลายจากทั่วโลกถึง 62% ให้เข้ามาทำงาน เนื่องจากชื่นชอบในคุณภาพชีวิต วัฒนธรรมที่เป็นมิตรและการไม่แบ่งแยก ควบคู่ไปกับการพิจารณาเรื่องค่าครองชีพที่เอื้อต่อการอยู่อาศัย โดยผลสำรวจในเดือนมีนาคมปี 2566 ได้เปิดเผยว่าในประเทศไทยมีพนักงานต่างชาติกว่า 2.7 ล้านคน ซึ่งนับเป็น 7% ของแรงงานในประเทศ
จุดหมายปลายทางยอดนิยมของชาวไทย
79% ของผู้หางานชาวไทยเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่มีความสนใจในการทำงานในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงความมุ่งมั่นในความก้าวหน้าในอาชีพ โดยเฉพาะในกลุ่มการศึกษาและการฝึกอบรม ขณะที่สาขาเช่นการบริการทางการเงินและธุรการมีความสนใจที่น้อยกว่า ซึ่งอาจเป็นเพราะมีโอกาสในประเทศมากกว่า
จุดหมายปลายทางที่แรงงานไทยให้ความนิยมได้แก่ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ประเทศจีน ซึ่งอาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ เช่นความสัมพันธ์ระดับภูมิภาค ศักยภาพทางการตลาด และการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม 60% ของผู้ที่ได้ไปทำงานในต่างประเทศมีความตั้งใจที่จะกลับมายังประเทศไทยในท้ายที่สุด เเละอีก 18% ที่ต้องการอยู่ต่ออย่างไม่มีกำหนด
ตัวอย่างสาขาอาชีพที่มีความพร้อมในการโยกย้าย:
การศึกษาและการฝึกอบรม: 85% ของอาจารย์เเละผู้สอนในประเทศไทยนั่นเชื่อว่าจะได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายเเละเติบโตในหน้าที่จากการสอนระหว่างประเทศ
กฏหมาย: 73% ของนักกฎหมายชาวไทยกำลังมองหาบทบาทระดับนานาชาติเพื่อขยายความเชี่ยวชาญทางกฎหมายและสร้างเครือข่ายระดับโลก
การจัดการธุรกิจ: นักบริหารธุรกิจมีความต้องการที่จะมองหาโอกาสการทำงานในต่างประเทศอย่างสิงคโปร์และฮ่องกงเพื่อการเติบโตด้านการตลาด สื่อดิจิทัล และอุตสาหกรรม AI
ไอที: ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีมีความมุ่งมั่นที่จะไปทำงานในประเทศที่มีการพัฒนาในด้านเทค อย่าง สหรัฐอเมริกา เพื่อที่จะเสริมสร้างความรู้ในแง่ของการพัฒนาซอฟต์แวร์ วิทยาศาสตร์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการพัฒนาและปฏิบัติการร่วมกัน
วิศวกรรมและเทคนิค: วิศวกรมีความต้องการที่จะทำงานในองค์กรขนาดใหญ่เเละครบวงจรโดย 69% ของวิศวกรมีความยินดีที่จะย้ายสถานที่ทำงาน
แนวโน้มการทำงานทางไกลระหว่างประเทศ
แนวโน้มการทำงานระยะไกลเพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน โดยตั้งแต่ปี 2563 ผู้หางานชาวไทยมีความต้องการในการทำงานระยะไกลหรือการทำงานแบบไม่ต้องย้ายถิ่นฐานเพิ่มขึ้นถึง 26% จาก 50%ในปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็น 76% ในปี 2566 แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นนี้สอดคล้องกับความสนใจในการย้ายถิ่นฐานไปทำงานต่างประเทศที่ไม่ได้เพิ่มขึ้น เพราะผู้หางานมองว่าตนเองสามารถทำงานทางไกลได้จากประเทศไทยโดยไม่จำเป็นต้องย้ายถิ่นฐานได้เช่นกัน
![]()
ข้อเสนอแนะสําหรับผู้ประกอบการชาวไทย
การพัฒนากลยุทธ์เพื่อดึงดูดผู้หางานระดับโลก:
การสำรวจแรงงานทั่วโลก หรือ Global Talent Survey 2024 โดย Jobsdb by SEEK แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับบุคลากรระดับมืออาชีพทั้งจากโอกาสทางอาชีพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในขณะเดียวกันความสนใจของชาวไทยในการทำงานต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน การปรับกลยุทธ์ในการดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถจึงเป็นสิ่งสำคัญในการตอบรับกับแนวโน้มการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้