×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 6855

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 840

การดูแลคุณภาพชีวิตหลังการเข้าอยู่อาศัยของลูกบ้าน เป็นกุญแจสำคัญของการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร

"ในฐานะองค์กรระดับโลก ที่มีรากฐานแข็งแกร่ง มีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน JTI จึงพร้อมที่จะเปิดโอกาสและสนับสนุนพนักงาน ด้วยข้อเสนอที่เย้ายวน ไม่เป็นรองใคร ทั้งในเรื่องของผลตอบแทนทั้งเงินเดือนที่เทียบเท่าหรือดีกว่าตลาดรวมถึงสวัสดิการและความก้าวหน้าในอาชีพการงานที่เป็นรูปธรรม ตลอดจนส่งเสริมให้พนักงานได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศเพื่อรับการฝึกอบรมด้าน Technical skills และ Leadership Skills อยู่เสมอในสถาบันการศึกษาชั้นนำอย่าง Harvard Business School และ London Business School ขณะเดียวกันก็มีระบบบริหารทรัพยากรบุคคลที่เพียบพร้อม ทันสมัย ก้าวทันยุคเศรษฐกิจดิจิทัล การันตีด้วยรางวัล Top Employer ของประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2018 ที่เพิ่งได้รับมาหมาดๆ"

ณัฏฐณิชา วรวรรณเศรษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท เจที อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ JTI ให้รายละเอียดแบบเจาะลึกว่า ด้วยความที่ JTI เป็นองค์กรที่พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว ทั้งการทำธุรกิจและการบริหารงานองค์กรจึงจะต้องปรับเปลี่ยนให้สอดรับกับกระแสโลกได้อย่างทันท่วงที ซึ่งรวมถึงการสรรหาบุคลากรด้วยวิธีการใหม่ๆ HR ต้องเข้าใจว่าคนรุ่นใหม่คุ้นเคย และกระหายเทคโนโลยี พวกเขาเกิดและเติบโตมาพร้อมๆ กับเทคโนโลยี เราต้องปรับเปลี่ยนนโยบายและเครื่องมือให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ดังนั้น ที่ JTI เราจึงใช้โซเชียลมีเดีย ในการสรรหาบุคลากร ทั้ง Linkedin, Facebook, Glassdoor, Twitter, Youtube และ Line ซึ่งที่ผ่านมาเราสามารถคัดเลือกคนที่มีคุณภาพเข้าทำงานในองค์กรผ่านช่องทางเหล่านี้ และในขณะเดียวกันเรายังสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้สื่อสารไปยังพนักงานได้รวดเร็ว พนักงานเองก็สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ แบ่งปันไอเดียกับบริษัทได้ทุกเวลา นอกจากนี้องค์กรสามารถนำแนวทางของโลกโซเชียลมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรม ตลอดจนการดำเนินงานภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ สร้างวัฒนธรรมของการมีส่วนร่วมของบุคลากรในองค์กรให้เป็นรูปธรรมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ในการบริหารงานทรัพยากรบุคคล JTI ยังต้องขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวสู่การเป็น Digital Workplace อย่างสมบูรณ์แบบ ตลอดจนบริหารจัดการการทำงานผ่านระบบออนไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรไม่ว่า จะเป็น Performance Management, Time Management, Talent Management, Recruitment โดยใช้โปรแกรม Success Factor ที่เป็น Cloud Base HRIS Solution พนักงานไม่จำเป็นต้องเข้ามาออฟฟิศ แต่สามารถทำงาน และประเมินผลงานต่างๆ ได้ ผ่านระบบ ไม่เสียเวลาในการเดินทาง และไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งด้วยวิธีการอันทันสมัยนี้จะทำให้หัวหน้างาน พนักงาน รวมถึง HR สามารถทำงานเชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็ว ไม่ติดขัด เพราะไม่ว่าที่ไหนก็สามารถทำงานได้เช่นกัน ตราบใดที่เชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้

สำหรับด้านการอบรมนั้น ณัฏฐณิชา กล่าวว่า JTI มี E-Learning เพื่อให้พนักงานสามารถเข้าไปศึกษาเรื่องที่ตัวเองสนใจได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในเวลาที่สะดวก ไม่จำเป็นต้องมี Classroom Training ยิ่งไปกว่านั้นยังเน้นย้ำในเรื่องการเรียนรู้แบบ On The Job Training ไม่ว่าจะเป็นจากการย้ายงานไปยังแผนกอื่นๆ หรือประเทศอื่นๆ ทั้งแบบ Short Term Assignment (STA) ระยะเวลาตั้งแต่ 6-18 เดือน และแบบ International Assignment (IA) ระยะเวลาตั้งแต่ 18-36 เดือน

สุดท้ายณัฏฐณิชา เน้นย้ำว่าเพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจที่จะเปลี่ยนแปลงจากอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิต ไปสู่ธุรกิจที่ต้องผสมผสานความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และเทคโนโลยี ในการดึงดูดผู้บริโภค ดังนั้นบุคลากรที่จะเติบโตใน JTI ได้อย่างโดดเด่น จะต้องเป็นนักคิดนักปฏิบัติที่สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ในการทำงานได้อยู่เสมอ องค์กรต้องการคนที่มีความสามารถในการคิดและทำที่สร้างความแตกต่างได้ เท่านั้นยังไม่พอ ต้องเป็นคนที่มีความสามารถในการคิดได้รอบด้าน เข้าใจภาพรวม ไม่ใช่แค่เพียงด้านที่ตัวเองถนัดเท่านั้น เพราะการทำงานในอนาคต ทุกสิ่งทุกอย่างจะเชื่อมโยงถึงกันหมด

What JTI are looking for

สำหรับโปรแกรม Explore ซึ่งเป็นโปรแกรมสรรหาManagement Trainee ของ JTI นั้น จะมองหาคนที่มีคุณลักษณะโดดเด่นเพื่อที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมและผู้บริหารในอนาคต พร้อมกับรับโอกาสในการทำงานในต่างประเทศที่ JTI ดำเนินธุรกิจอยู่ถึง 3 แห่ง ภายในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งนับเป็นโปรแกรมที่ปั้นมืออาชีพสู่ตำแหน่งผู้จัดการภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเส้นทางความสำเร็จในระยะยาวกับ JTI องค์กรที่มุ่งเน้นการทำงานอันเป็นเลิศ ด้วยคำมั่นสัญญาที่ว่าจะได้ความเอาใจใส่ ให้ความยอมรับนับถือ และนำเสนอโอกาสที่ดีให้ด้วยการลงทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรอย่างต่อเนื่อง โดยคุณสมบัติของคนที่สามารถสมัครเข้าร่วมสุดยอดโปรแกรมนี้ได้แก่

- บัณฑิตจบใหม่ที่มีแรงจูงใจ หรือมืออาชีพรุ่นใหม่ที่แสวงหาความท้าทายในอาชีพการงาน

- จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับในสาขาวิชาใดก็ได้

- มีประสบการณ์การทำงานไม่เกิน 2 ปี

- รักการทำงานเป็นทีม

- มีทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม เชี่ยวชาญในภาษาอังกฤษ (ทั้งพูดและเขียน)

- มีทัศนคติที่ดี โหยหาชัยชนะ

- มีความพร้อมและเต็มใจที่จะทำงานในต่างประเทศ และเปิดรับประสบการณ์ต่างวัฒนธรรม

What L'oreal Thailand Want

คุณสมบัติของพนักงานที่ลอรีอัล ประเทศไทย ต้องการคือคนที่มี Passion ในการทำงาน ไม่ว่าจะมาจากสายไหนก็ตาม เพศใดก็ตาม ก็สามารถสนุกสนานกับลอรีอัลได้ เพราะเป็นองค์กรที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้โชว์ฝีมือ เราไม่ได้มองเรื่องเกรดหรือสถาบันเป็นสำคัญ เพราะเราคิดว่าถ้ามี Passion ก็จะทำให้ประสบความสำเร็จได้ โครงการ Management Trainee ของเราจึงเปิดโอกาสให้สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้วย ลอรีอัล ประเทศไทย เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยผลงานล้วนๆ ไม่ใช่ด้วยอายุงาน พนักงานทุกระดับสามารถพูดคุย แชร์ความคิดเห็นกับผู้บริหารระดับสูงได้ ส่วนแนวทางในการค้นหาคนที่มี Passion ดูได้จากวิธีการเล่าเรื่องที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุด เขาจะเล่าด้วยรายละเอียด ไม่ใช่แค่ผิวเผิน เราจะทราบเลยว่าเขาสนุกสนานกับมันอย่างไรบ้าง “ที่สำคัญอย่าเอาข้อจำกัดของตัวเองมาเป็นอุปสรรค อย่างน้อยต้องกล้าแสดงตัวออกมาก่อน แล้วคุณกล้าที่จะมาเสี่ยงลงทุนกับเราหรือเปล่า ถ้ากล้าที่จะลอง ลอรีอัลก็กล้าที่จะรับ”

ธนยศ ครุฑระเบียบ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่า เราเปลี่ยนตัวเองมาพอสมควรในระยะเวลาหนึ่งแล้ว ด้วยการพยายามรับคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลเข้ามามากขึ้น จาก 2 คน เพิ่มเป็น 24 คน ภายในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าเทรนด์ดิจิทัลได้กระตุ้นให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองมากขึ้น

นอกจากนี้ เราไม่ได้ใช้วิธีการแบบเดิมๆ ในการโปรโมตองค์กร แต่เราจะต้องใช้ดิจิทัลมากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนเครื่องไม้เครื่องมือในการคัดเลือกและรับสมัครพนักงานมาเป็นช่องทางดิจิทัลและโซเชียลมีเดียอย่าง LinkedIn หรือ Facebook รวมถึงเรายังสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เรียกว่า Employee Referral Portal เพื่อให้พนักงานปัจจุบันแนะนำเพื่อนมาร่วมงานกับบริษัทได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบายมากขึ้น เพราะเราเชื่อว่าพนักงานปัจจุบันเป็นตัวแทนสำคัญ ที่จะบอกเล่าความเป็นลอรีอัลได้ดีที่สุด โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวจะมีการเก็บบันทึกข้อมูลที่เป็นระบบตามความเชี่ยวชาญของผู้สมัคร โดยเราเริ่มใช้อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา และก็ได้รับการตอบรับอย่างดี เห็นได้จากสัดส่วนของการรับสมัครพนักงานผ่านแพลตฟอร์มนี้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ส่วนใหญ่เราใช้บริการผ่านบริษัทจัดหางานเป็นหลัก

ด้านการฝึกอบรม เนื่องจากยังมีคนในองค์กรจำนวนหนึ่งที่ยังมีประสบการณ์ด้านดิจิทัลน้อย เราจึงมีเทรนนิ่งค่อนข้างเยอะ ซึ่งถูกจัดสรรแตกต่างกันไปตามจุดอ่อน จุดแข็งของแต่ละคน พร้อมกับมีระบบติดตามว่าเขาได้พัฒนาทักษะแต่อย่างไปถึงไหนแล้ว และไม่ใช่แค่การฝึกอบรมแบบธรรมดาเท่านั้น แต่มีการเปิดหลักสูตรฝึกอบรมแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ นอกจากนี้ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของคน
รุ่นใหม่ และไม่ให้การฝึกอบรมเป็นเรื่องน่าเบื่อ หลักสูตรออนไลน์จึงถูกออกแบบให้ Short & Sharp คือใช้เวลาเรียนสั้นๆ แต่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้เวลาเริ่มต้นเพียงคลาสละ 5-10 นาทีเท่านั้น ซึ่งช่วยจูงใจให้พนักงานอยากที่จะเรียนรู้บ่อยๆ และเรียนรู้ได้จากทุกที่ ทุกเวลา เช่นระหว่างการเดินทางจากบ้านมายังออฟฟิศ

  ธนยศ ครุฑระเบียบ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด

สำหรับการพัฒนาบุคลากรให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้นั้น ย่อมต้องมีอุปสรรค ข้อจำกัด และความท้าทายเป็นธรรมดา แต่นั่นคือสิ่งที่ลอรีอัล ประเทศไทย จะต้องข้ามผ่านไปให้ได้ โดยธนยศบอกว่า เด็กรุ่นใหม่สนใจธุรกิจสตาร์ตอัพมากขึ้น ดังนั้นความท้าทายขององค์กรคือ จะจูงใจเขายังไงให้อยากมาร่วมงานกับเรา สิ่งที่ลอรีอัล ประเทศไทยทำก็คือ เราส่งเสริมให้เขาได้ทำงานแบบ Business Startup ตั้งแต่ต้นจนจบ สร้าง Mindset และจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการให้กับเขา ให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้นๆ อย่างแท้จริง และสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้พนักงานได้เรียนรู้และกล้าคิดกล้าทำก็คือ ด้วยวิธีการทำงานของลอรีอัลจะมีกรอบให้คิด แต่จะไม่กำหนดขั้นตอน 1-2-3-4 ให้ต้องทำตามแบบเป๊ะๆ เราใช้วิธีการบริหารจัดการแบบใหม่ เสมือนโค้ชทีมฟุตบอล ที่จะบอกแนวทางในการเล่นของแต่ละตำแหน่ง และเมื่อผู้เล่นแต่ละตำแหน่งอยู่ในสนาม ก็จะต้องเล่นด้วยแนวทางของตัวเองที่สอดคล้องกับเป้าหมายและกลยุทธ์ของทีม

เท่านั้นยังไม่พอ ธนยศยังชี้ให้เห็นถึงความหลากหลายภายในองค์กรนี้ว่า ลอรีอัลให้ความสำคัญกับ 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ Disability, Ethnicity และ Gender ทุกวันนี้เราก็มีพนักงานที่เป็นคนพิการ มีพนักงานหลากเชื้อชาติ และจากเดิมที่คนมองว่าลอรีอัล ประเทศไทยเป็นองค์กรของผู้หญิง เราจึงปรับสัดส่วนของพนักงานหญิงและชายให้สมดุลมากขึ้น เช่น แผนก HR ก็มีมากกว่า 50% ที่เป็นผู้ชาย โดยปัจจุบันนี้สัดส่วนของพนักงานเพศหญิงต่อเพศชายอยู่ที่ 65 : 35 และมีแนวโน้มที่จะปรับให้สมดุลมากขึ้น

ด้านเครื่องไม้เครื่องมือในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์นั้น การทำงานของ HR ที่ลอรีอัลจะอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ 70-80% โดยเรามีเป้าหมายคือ การทำงานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ 100% ในอนาคตอันใกล้นี้ และนอกจากพนักงานจะมีระบบ My Learning ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อที่จะสามารถพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลาตามที่กล่าวไปแล้ว เรายังมีระบบการดำเนินการภายในองค์กรที่เชื่อมโยงด้วยระบบออนไลน์ทั้งหมด มีการประเมินผลพนักงานบนระบบออนไลน์ ปรับเงินเดือนพนักงาน และบริหารงานทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างมาก

 ธนยศ ครุฑระเบียบ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด

ส่วนในเรื่องของการใช้ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวของชาวลอรีอัล ประเทศไทย นั้น ธนยศอธิบายว่า ในขณะที่หลายคนอาจมองว่า Work-Life Balance เป็นสิ่งสำคัญ แต่เรามองว่าการทำงานกับการใช้ชีวิตแยกกันไม่ได้ มันจะต้องเป็นในรูปแบบของ Work-Life Integration สามารถที่จะทำงานไปด้วยในขณะเดียวกันก็สนุกสนานกับการใช้ชีวิตได้ แต่กระนั้นการทำงานที่นี่ไม่ง่าย เรา Work Hard เพราะเราเชื่อว่านั่นคือผลงานของเรา เราอยากทำงานหนักเพื่อให้ประสบความสำเร็จ แต่เราก็
ไม่ได้ละทิ้งการใช้ชีวิต

สำหรับความสนุกและความท้าทายในการทำงานในองค์กรที่มีความแอคทีฟสูงและเปิดโอกาสกว้างแบบนี้ ธนยศยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า เราเป็นองค์กรที่เชื่อในการเรียนรู้แบบข้ามสายงาน (Cross Function) เราส่งเสริมให้ทุกคนเรียนรู้การทำงานร่วมกัน เพื่อเป็นการเสริมสร้างทักษะ และพัฒนาพนักงาน ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้กับพนักงานในทุกแผนก ขอให้มีความหลงใหล ความสนใจใคร่รู้ ความปรารถนาที่พัฒนาตัวเอง เราเปิดโอกาสให้ถึงขนาดว่า จากฝ่ายขายสามารถโยกมาทำการตลาดได้ เช่น ลองมานั่งทำงานกับทีมการตลาดดูสิสัก 3 เดือน ว่าใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่อย่างน้อยก็นำสิ่งที่ได้มาปรับใช้ในการทำงานขายได้ หรือเราเปิดโอกาสให้ Management Trainee ที่อยู่ฝ่ายการเงิน แทนที่เขาจะเป็นคอนโทรลเลอร์ แต่ทุกวันนี้เขาก็เป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ได้ หรือคนที่ทำซัพพลาย เชนก็เป็นฝ่ายขายได้ เราไม่จำกัดหรือปิดกั้นโอกาสของพนักงาน

โอกาสสำหรับการพัฒนาศักยภาพตัวเองและความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ไม่มีที่สิ้นสุดที่ลอรีอัล ประเทศไทย

 

 

X

Right Click

No right click