ตามที่ กรมอนามัย แนะ 'ไข่' สามารถกินได้วันละฟองตั้งแต่ปฐมวัย เพราะมีคุณประโยชน์ ช่วยเพิ่มไขมันดี HDL สูง ช่วยบาลานซ์โปรตีนที่ร่างกายต้องการต่อวัน เสริมสร้างพัฒนาการอย่างเหมาะสม และมีสุขภาพแข็งแรง ลดความเสี่ยงจากกลุ่มโรค NCDs หรือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable Disease) สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง หรือมีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ สำหรับปริมาณการกินที่ถูกต้องเหมาะสม
สำหรับ วันไข่โลก หรือ World Egg Day ถูกกำหนดขึ้นตรงกับศุกร์ที่ 2 ในเดือนตุลาคมของทุกปี บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ และ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรม 'Celebrate World Egg Day กินไข่เสริมโปรตีนดีๆ' แจกไข่สมุนไพร แบรนด์ CP จำนวน 1,500 ฟอง แก่ผู้บริโภคกลุ่มวัยทำงาน รวมถึงมีบูธถ่ายภาพ จุดแชะ & แชร์คนสุขภาพดี เพื่อสร้างการตระหนักรู้ว่า ไข่ คือ แหล่งโปรตีนที่ดีที่สุดจากธรรมชาติ อุดมไปด้วยสารอาหารที่หลากหลาย เช่น วิตามิน A, B1, B2 และแร่ธาตุต่างๆ ที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ง่ายกว่าอาหารอื่นๆ
ซีพีเอฟ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินตามนโยบายภาครัฐ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง เริ่มต้นจากการกินโปรตีนดีๆ เช่น ไข่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ที่ชีวิตเร่งรีบ เพิ่มโอกาสในการเลือกมื้ออร่อยกับการต้มในระดับความสุกต่างๆ สร้างความหลากหลาย เข้าได้กับทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็น ความสุกแบบที่คุ้นเคยกับไข่ต้มที่สุกเป็นเนื้อครีม สุกเยิ้มอย่างไข่ลวกลาวา และอีกหลากหลายความสุก เช่น ไข่ต้มยางมะตูม ไข่ออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่น หรือกลุ่มไข่ต้มปอกเปลือก ไข่ต้มสมุนไพร ผ่านกระบวนการและเทคโนโลยีการผลิตแบบอัตโนมัติและควบคุมด้วยหุ่นยนต์ เพื่อคงคุณภาพสม่ำเสมอ มั่นใจในความสะอาด ปลอดภัย พร้อมทั้งราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้
ด้าน ซีพี ออลล์ ผู้จัดจำหน่ายเห็นการเติบโตของการบริโภคไข่ของคนไทยสูงขึ้นมากทุกปี เช่น ผลิตภัณฑ์ไข่แปรรูปพร้อมกินเป็นสินค้าที่ขายดี เนื่องจากสามารถนำมากินคู่กับอาหารอื่นๆ เช่น ข้าวกล่อง สลัด หรือโจ๊ก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพยายามผลักดันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงอาหารคุณภาพดีในราคาที่เอื้อมถึงได้มากที่สุด ในอนาคตร้านเซเว่น อีเลฟเว่น หวังว่าจะเป็น Egg Destination ที่ช่วยให้คนเมืองยุคใหม่ได้เข้าถึงเมนูไข่พร้อมกินในทุกมื้อ
ผลิตภัณฑ์ 'ไข่ต้ม CP' ยังมีกิจกรรมดีๆ อีกเพียบ สามารถติดตามข่าวสารเเพิ่มเติมได้ ผ่านช่องทาง Social Media ของทางแบรนด์ ได้แก่ Facebook : CP Brand, Twitter : CPBrand, TikTok : cpbrand_thailand
เตรียมตัวให้พร้อม! CP ALL JOB FAIR 2024 กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ เปิดประตูสู่โอกาสในการร่วมงานกับบริษัทชั้นนำอย่าง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่มธุรกิจฯ พบกับตำแหน่งงานหลากหลายที่รองรับความสามารถและความสนใจ สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ - 16 ตุลาคม 2567
ภายในงานพบกับ การแนะนำบริษัทในกลุ่มธุรกิจซีพี ออลล์ และแนวทางการบริหารบุคลากรกว่า 200,000 คนด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งทันสมัย ร่วมค้นหาตัวตน ค้นพบ Passion และอาชีพที่ใช่กับศูนย์วิเคราะห์ศักยภาพปัญญธารา (Panyatara Potential Analysis Centre – P-PAC) ผู้ให้บริการวิเคราะห์ศักยภาพบุคคลผ่านลายผิววิทยา (Dermatoglyphics) อีกทั้งยังมีบูธสินค้ามากมาย อาทิ 24shopping สินค้าบูติค และ P-PAC
โดย CP ALL JOB FAIR 2024 ถือเป็น 1 ในนโยบายสร้างงาน ของซีพี ออลล์ ตอบโจทย์เป้าหมายการสร้างงาน สร้างอนาคต ตามปณิธานองค์กร Giving and Sharing มุ่งมั่นเคียงคู่ชุมชน สร้างสรรค์สังคมยั่งยืน
ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ >> https://forms.gle/QSDKDBUeZrUzxVTE7
ดูตำแหน่งงานเพิ่มเติมได้ที่ >> https://job.cpall.co.th/
วันสัมภาษณ์งาน CP ALL JOB FAIR 2024
หมายเหตุ:
“กำไรเป็นแค่องค์ประกอบของธุรกิจ แต่ไม่ใช่ Key Success ของการทำธุรกิจ การทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเติบโตไปพร้อมกับเราต่างหากถึงจะเรียกได้ว่า ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จและสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน”
นี่คือคำกล่าวของ วีระ ตั้งวุทฒิไกรวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุพรรณคิวฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตขนมหวานแบรนด์ “แม่ละมาย” อีกหนึ่ง SME ตัวอย่างที่จำหน่ายผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เจ้าของรางวัล SME ยั่งยืน จากเวที เซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอียั่งยืน 2023 ที่เริ่มต้นธุรกิจอาหาร ด้วยความรู้จาก 0 จนปัจจุบันสามารถสร้างยอดขายกว่า 100 ล้านบาท สร้างรายได้ให้เกษตรกรและชุมชนที่เป็นซัพพลายเออร์ปีละหลายสิบล้านบาท
เปลี่ยน “วุ้น” ให้เป็นมิตรต่อสุขภาพ รสชาติแปลกใหม่
วีระ เล่าย้อนความให้ฟังถึงความเป็นมาของธุรกิจว่า หลังธุรกิจโรงพิมพ์ประสบวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตกเมื่อปี 2540 ตนพร้อมภรรยาตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของภรรยา มองหาโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ๆ และวุ้นน้ำมะพร้าวก็เป็นคำตอบ เพราะเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม แต่ความรู้ด้านการทำธุรกิจอาหารเป็นศูนย์ จึงต้องศึกษาหาความรู้ให้มากขึ้น พบว่า วุ้นน้ำมะพร้าว NATA de coco ใช้แบคทีเรียกรดน้ำส้ม Acetobacter xylinum ที่พบได้ทั่วไปในการทำน้ำส้มสายชูหมักตามธรรมชาติ มาหมักน้ำมะพร้าว จนได้ออกมาเป็นวุ้นที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและมีไฟเบอร์สูง ถูกจัดให้อยู่ในหมวดสารอาหารประเภทเส้นใย ไม่มีการใช้สารฟอกสี ทำให้สีของวุ้นจะขุ่นกว่าวุ้นปกติ จึงเหมาะกับผู้รักสุขภาพ
เมื่อได้วัตถุดิบหลักแล้ว ก็มาคิดต่อว่าหากขายแต่วุ้นน้ำมะพร้าวอย่างเดียวก็จะไม่มีความแตกต่าง จึงต้องหาสินค้าทางการเกษตรตัวอื่นมาใส่ และมองว่า เม็ดแมงลัก น่าจะเข้ากับตัววุ้นน้ำมะพร้าวดีที่สุด แต่ปัญหาสำคัญของแมงลัก คือ การปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซิน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง จึงได้นำนวัตกรรมเครื่องนวดฝัดเม็ดแมงลักแบบแห้งของสถาบันวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาใช้ เพื่อให้เม็ดแมงลักปราศจากสารปนเปื้อน จนออกมาได้เป็นวุ้นน้ำมะพร้าวผสมเม็ดแมงลักแบบถ้วยวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เมื่อปี 2541 เพียง 20 สาขา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลา 26 ปี
เดินหน้ายกระดับ “สินค้าเกษตร” สู่ร้านค้าเซเว่นฯ
หลังวุ้นน้ำมะพร้าวผสมเม็ดแมงลักประสบความสำเร็จ วีระ ก็เดินหน้าพัฒนาสินค้าอื่นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักแนวคิดการส่งต่อสินค้าดีๆให้ผู้บริโภค ส่งผลให้ปัจจุบันแบรนด์ แม่ละมาย มีสินค้าวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทั้งหมด 10 รายการ แบ่งเป็น ขนมหวาน 7 รายการ เครื่องดื่ม 2 รายการ และธัญพืช (แห้ว) 1 รายการ ซึ่งแห้วถือเป็นสินค้าใหม่ที่เพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2567 และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค เนื่องจากมีรสชาติหวาน กรอบ อร่อย ดีต่อสุขภาพ และเป็นธัญพืชที่หาทานค่อนข้างยาก เพราะแห้วที่ดีคือ แห้วที่เป็นผลผลิตจาก จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นพืชที่ได้รับเครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)
ทั้งนี้ แม่ละมาย ยังมุ่งมั่นยกระดับพืชผลทางการเกษตรชนิดอื่นให้มีคุณภาพ พร้อมส่งต่อสู่ผู้บริโภค อาทิ ลูกตาล ลูกลาน ใบเตย โดยเลือกรับซื้อสินค้าทางการเกษตรจากเกษตรกรที่เพาะปลูกแบบไร้สารเคมี ผ่านการตรวจสอบจากทางบริษัทก่อนจัดเก็บ เพื่อนำมาแปรรูปเป็นสินค้าจำหน่ายให้กับผู้บริโภค
“โตไกลไปด้วยกัน” คาถาโตยั่งยืน
แม้ปัจจุบันบริษัทจะมีสินค้าที่วางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เพียง 10 รายการ ในราคาขายต่อชิ้นเพียงหลักสิบบาท แต่บริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละประมาณ 20-40% ทุกปี โดยในปี 2567 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มียอดขาย 150 ล้านบาท เหตุใด “แม่ละมาย” ที่จำหน่ายสินค้าในราคาหลักสิบ จึงสามารถสร้างรายได้สูงถึงหลัก 100 ล้านบาท
วีระ กล่าวว่า บริษัทจะประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืนได้นั้นจะต้องมีทีมที่ดี ทีมที่แข็งแกร่ง ซึ่งทีมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงทีมภายในบริษัท แต่หมายถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริษัทในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง ทีมต้นทางอย่างเกษตรกรและซัพพลายเออร์ก็ต้องดูแลผลผลิตให้ได้คุณภาพตามความต้องการ ทีมกลางทางอย่างบริษัทก็ต้องมีระบบบริหารจัดการที่ดีมีคุณภาพ ตั้งแต่ระบบการคัดเลือกวัตถุดิบ โดยทางบริษัทจะมีการบันทึกแหล่งที่มาของวัตถุดิบ เพื่อเวลามีปัญหาบริษัทจะได้เข้าไปแก้ไขได้ตรงจุด เป็นต้น มีพันธมิตรที่คอยสนับสนุนและประสานงานในทุกด้าน และ เซเว่น อีเลฟเว่น ถือเป็นพันธมิตรที่อยู่เคียงข้างมาตลอด พร้อมมอบความรู้และคำแนะนำดีๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งการอบรม การหาพันธมิตรในการเชื่อมโยงเครือข่ายในการต่อยอดสินค้า เป็นต้น ทำให้บริษัทสามารถส่งต่อความรู้เหล่านั้นสู่ทีมต้นทาง เพื่อผลิตวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพพร้อมส่งต่อไปยังผู้บริโภค เมื่อผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ดีมีคุณภาพก็จะเกิดการซื้อซ้ำและบอกต่อ เรียกว่าเป็นการสร้างการเติบโตไปด้วยกันในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง กำไรหรือเรื่องเงินเป็นแค่องค์ประกอบของการทำธุรกิจ แต่ไม่ใช่ Key Success ของธุรกิจ ถ้าทำธุรกิจได้แบบนี้ยังไงก็ประสบความสำเร็จและเติบโตยั่งยืน ปัจจุบันบริษัทรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรทั่วประเทศและสร้างรายได้กลับสู่ชุมชนปีละหลาย 10 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของยอดขาย
“แม่ละมาย” ถือเป็นอีกหนึ่งแบบอย่าง SME ที่น่าเรียนรู้ถึงกลยุทธ์และวิธีการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน เพราะการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มยอดขายในระยะสั้น แต่เป็นการพัฒนาสมดุลระหว่างธุรกิจ คู่ค้า และผู้บริโภคแบบระยะยาว สอดคล้องกับนโยบายความยั่งยืนของซีพี ออลล์ ในเรื่องการสร้างอาชีพ ตามปณิธานองค์กร Giving and Sharing
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่นเดลิเวอรี่ ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี พ.ศ. 2567 โดยสถาบันไทยพัฒน์
นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถาบันไทยพัฒน์ประกาศให้ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2567 ด้วยการคัดเลือกจาก 920 หลักทรัพย์จดทะเบียน ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในกลุ่มบริการ และบริษัทได้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน (พ.ศ.2561-2567)
“ซีพี ออลล์ ได้กำหนดกรอบกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน 2024-2025 (CP ALL Sustainability framework) ด้วย 2-ลด 4-สร้าง 1-DNA ได้แก่ ลดการใช้พลาสติก - ลดการใช้พลังงาน สร้างคน - สร้างงาน - สร้างอาชีพ - สร้างชุมชนอุ่นใจ และ DNA ความดี 24 ชั่วโมง โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นเป็นองค์กรที่อยู่เคียงคู่ชุมชน สร้างสรรค์สังคมยั่งยืน ผ่านแนวคิด ESG ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า จนได้รับการรับรองให้อยู่ในทำเนียบ ESG100 มาอย่างต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ การจัดอันดับของสถาบันไทยพัฒน์ พิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน
สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่สิบในปีนี้
ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป