บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีก “แม็คโคร-โลตัส” เดินหน้าสู่การเป็น “Fresh & Food Destination” แหล่งรวมวัตถุดิบนำเข้าจากทั่วทุกมุมโลก ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ประกอบการและลูกค้าในราคาที่คุ้มค่า โดย แม็คโคร-โลตัส ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย Korea Agro-Fisheries & Food Trade Corporation และหน่วยงานพาณิชย์ เปิดเทศกาล “Taste of Korea 2024 ” หลากหลาย ครบครัน สำหรับเมนูเกาหลี คัดสรรวัตถุดิบและสินค้าคุณภาพนำเข้าจากประเทศเกาหลี
การจัดงานครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายปาร์ค ยง-มิน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย พร้อมคณะ และนายคยอง ยง บยอน ผู้อำนวยการ Korea Agro-Fisheries & Food Trade Corporation ให้เกียรติเปิดงาน โดยมีนายธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) นางสาวพิมอร พนาพฤกษชาติ รองผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค คุณอมราลักษณ์ ลามุล ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับที่แม็คโคร สาขาศรีนครินทร์
สำหรับเทศกาล “Taste of Korea” มีสินค้าคุณภาพนำเข้าจากประเทศเกาหลีให้เลือกสรรมากกว่า 200 รายการ ทั้งอาหารสด กิมจิผักกาดขาว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กลุ่มเครื่องปรุงรสเกาหลี โกชูจัง ซัมจัง แดนจัง ซอสหมักหมูหมักเนื้อ เครื่องดื่ม ขนมนำเข้าจากประเทศเกาหลี รวมถึงอุปกรณ์ในการประกอบอาหาร และพบกับสินค้า Exclusive ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่แม็คโคร และ โลตัส ในราคาเอื้อมถึงได้ พร้อมจัดโปรโมชั่นในราคาพิเศษ ลดสูงสุดถึง 30% ภายในงานมีกิจกรรมไฮไลท์ที่น่าสนใจ ทั้งการสาธิตการทำอาหาร เมนูกิมจิกุกซู โดยเชฟเบนซ์ วีรเทพ อาจอาคม ที่นำกิมจิผัดกาดขาว เกรดพรีเมียมของประเทศเกาหลี โดยได้รับการสนับสนุนจาก IIKIM มารังสรรค์เมนูสุดพิเศษ และสาธิตการทำ Richam Sandwich จากเชฟอ๋อง – ธนินทร์ กัณหะเสน Food Consult – Potato Head หนึ่งในผู้ร่วมรายการเชฟกระทะเหล็ก ที่มาร่วมรังสรรค์เมนูแสนอร่อยด้วยวัตถุดิบคุณภาพดีนำเข้าจากประเทศเกาหลี
ลูกค้าที่สนใจสินค้านำเข้าคุณภาพดีส่งตรงจากเกาหลี สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ที่ แม็คโครและโลตัส ทุกสาขา หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ Makro PRO และ Lotus’s Smart App ตั้งแต่วันนี้ ถึง 29 ตุลาคม 2567 และเชิญร่วมช้อป ชิม กับงานจัดแสดงสินค้าเทศกาล “Taste of Korea 2024 ” สินค้าคุณภาพนําเข้าจากประเทศเกาหลี ได้ที่ แม็คโคร สาขาศรีนครินทร์ ระหว่างวันที่ 4 – 12 ตุลาคม 2567
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งค้าปลีก แม็คโคร-โลตัส ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น และสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (BEDO) สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเดินหน้านโยบายสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการ “เปลี่ยนขยะเป็นประโยชน์” โดยนำอาหารส่วนเกินจากสาขาแม็คโครและโลตัสทั่วประเทศ มอบให้เกษตรกรเพื่อนำไปใช้เพาะเลี้ยงแมลงโปรตีน (Black Soldier Fly – BSF) ในการลดขยะอาหารสู่เป้าหมาย Zero Food Waste ภายในปี 2573
โครงการนี้มีความมุ่งมั่นที่จะลดการสูญเสียอาหารและลดปริมาณขยะอาหารตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซีพี แอ็กซ์ตร้า กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ซีพี แอ็กซ์ตร้า มุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) เราร่วมกับพันธมิตรอย่างมหาวิทยาลัยขอนแก่นและ BEDO เพื่อนำอาหารส่วนเกินจากสาขากว่า 230 แห่งไปให้เกษตรกรเพาะเลี้ยงแมลงโปรตีน ซึ่งช่วยลดต้นทุนอาหารสัตว์ได้ถึง 50% อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากปุ๋ยที่ได้จากมูลหนอนและซากแมลงอีกด้วย”
นอกจากนี้ ความร่วมมือนี้ยังเป็นการแก้ปัญหาขยะอาหารที่ยั่งยืน ช่วยเกษตรกรลดต้นทุน และส่งเสริมเทคโนโลยีสีเขียวเพื่ออนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายในพิธีมีบุคคลสำคัญจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นและ BEDO ร่วมงานด้วย
ซีพี แอ็กซ์ตร้าคาดหวังว่าโครงการนี้จะไม่เพียงลดขยะอาหารเท่านั้น แต่ยังสามารถขยายโอกาสทางธุรกิจและสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนและเกษตรกรทั่วประเทศอีกด้วย
ยูนิลีเวอร์ องค์กรชั้นนำที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างยั่งยืน เดินหน้าภารกิจในการเสริมสร้างความยั่งยืนเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับทุกคน ประกาศความร่วมมือกับแม็คโครและโลตัส ภายใต้บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนเก็บขยะและกลุ่มผู้รับซื้อขยะในโครงการยกระดับซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า Smart Recycling Hub ภายใต้ PPP Plastics โดยริเริ่มการจัดหาอุปกรณ์เพื่อสุขอนามัยและความปลอดภัยในการเก็บและคัดแยกขยะ รวมถึงจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับขยะพลาสติกเพื่อสร้างโอกาสเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้เสริม เปิดประตูเศรษฐกิจหมุนเวียนจากการนำพลาสติกใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ นำร่องโครงการในกรุงเทพฯ และกลุ่มจังหวัดเศรษฐกิจ EEC ภาคตะวันออกก่อนขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ โดยความร่วมมือครั้งนี้ยังครอบคลุมการจัดแคมเปญที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนอย่างรอบด้านทั้งคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
นายอภิชาติ ศาลิคุปต รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาลูกค้า บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “ยูนิลีเวอร์ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งรวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับทุกคนในห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ภายในแผนกการพัฒนาธุรกิจลูกค้า เรามุ่งมั่นส่งเสริมความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางของเรา พร้อมทั้งบูรณาการความยั่งยืนในทุกด้านของการดำเนินงาน เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันในการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้บริโภค นำมาสู่ความร่วมมือกับแม็คโครและโลตัสในการเปิดตัวแคมเปญที่ช่วยให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ดีขึ้นในทุกการใช้จ่าย โดยริเริ่มการช่วยเหลือกลุ่มซาเล้งและผู้รับซื้อขยะที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงในแต่ละวันจากการขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อสุขอนามัยและความปลอดภัย รวมถึงขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการคัดแยกและจัดการขยะให้ตรงกับความต้องการของโรงงานรีไซเคิล ผ่านโครงการ Smart Recycling Hub ภายใต้ PPP Plastics ตอกย้ำเจตนารมย์ของยูนิลีเวอร์ที่ต้องการทำให้การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเป็นไปได้สำหรับทุกคน”
ดร. วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยและเลขาธิการองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน กล่าวว่า “สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยได้ร่วมกับภาคีทุกภาคส่วนทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ เพื่อการกำหนดระดับเชิงนโยบายให้ชัดเจนสู่การขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ให้เป็นรูปธรรม โดยการยกระดับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยปัญหาขยะได้กลายมาเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลกในปัจจุบัน หากไม่มีระบบและโครงสร้างการจัดการขยะที่เหมาะสมและเพียงพอก็จะทำให้มีขยะหลุดรอดออกสู่สิ่งแวดล้อมปลายทางที่ทะเล โดยแนวทางที่นำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน คือ การจัดการขยะตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยการลดขยะต้นทางและนำของเสียปลายทางมาใช้ประโยชน์อีก แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมจำเป็นต้องมีการจัดการและเเยกขยะอย่างถูกวิธีและเหมาะสม โดยกลไกสำคัญที่ช่วยให้มีการเก็บวัสดุใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบ คือ การรับและเก็บวัสดุรีไซเคิลโดยซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงระบบรวบรวมวัสดุรีไซเคิลและส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับและเพิ่มศักยภาพการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมบนพื้นฐานของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุล โดยสถาบันฯ ได้รับความสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายในการดำเนินงานโครงการยกระดับมาตรฐานซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า โดยมีจุดมุ่งหมายในการจัดการและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลให้เป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงแบบครบวงจร เพื่อช่วยลดขยะพลาสติกให้ได้จำนวน 50,000 ตันต่อปีภายในปี พ.ศ. 2569 และรับมือกับความท้าทายด้านความยั่งยืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น ในประเทศไทยก่อให้เกิดขยะชุมชนกว่า 27-28 ล้านตันต่อปี
การบริหารจัดการขยะจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดปัญหาและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถลดการใช้ทรัพยากร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้ง การสร้างธุรกิจใหม่จากระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่สำคัญ เราเชื่อมั่นว่าการสนับสนุนจากยูนิลีเวอร์ แม็คโคร และโลตัส ในโอกาสนี้ จะช่วยให้เครือข่ายซาเล้งและผู้รับซื้อขยะกว่า 300 คนภายใต้โครงการฯ ได้มีอุปกรณ์เก็บและคัดแยกขยะที่เหมาะสม ตลอดจนสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากกิจกรรมต่าง ๆ ไปต่อยอดเพื่อสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน”
นางสาวโชติมา ลาภเวโรจน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานการพาณิชย์สินค้าทั่วไปในครัวเรือน บริษัท บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ซีพี แอ็กซ์ตร้า มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืน ครอบคลุม 3 มิติ ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ คือการผลักดันระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่มุ่งลดการทิ้งขยะสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2030 ซึ่งความร่วมมือกับยูนิลีเวอร์ครั้งนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นขององค์กรในการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนในการดำเนินงาน ทั้งยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าของทั้งแม็คโคร-โลตัส ได้มีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรมในการลดขยะพลาสติกและการสนับสนุนคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนเก็บขยะและกลุ่มผู้รับซื้อขยะ ผ่านสาขากว่า 2,400 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์[1] ทั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าการที่ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนเก็บขยะและผู้รับซื้อขยะ จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมได้อย่างยั่งยืน”
ในโอกาสเดียวกันนี้ ยูนิลีเวอร์ยังจัดแคมเปญ ‘ยูนิลีเวอร์รวมพลัง ยกกำลัง2’ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค เมื่อซื้อสินค้ายูนิลีเวอร์ที่ร่วมรายการที่แม็คโครและโลตัสทุกๆ ใบเสร็จเท่ากับได้ร่วมบริจาคสมทบทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย พร้อมรับของสมนาคุณรักษ์โลก ได้แก่
แม็คโคร ผู้นำธุรกิจค้าส่ง ภายใต้ซีพี แอ็กซ์ตร้า สนับสนุนนวัตกรรมและการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย