กรุงเทพฯ 15 มกราคม 2568 – ต้อนรับปีใหม่...กับนวัตกรรมยุคใหม่จากทรูออนไลน์ ย้ำผู้นำเน็ตบ้านไฟเบอร์อันดับ 1 ของไทย มุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานบรอดแบรนด์เพื่อคนไทย ทั้งเร็ว แรง เสถียร ครอบคลุม 77 จังหวัด เปิดตัว “เราเตอร์ 2 ระบบ” รายแรกและรายเดียวในไทย ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ ทั้ง ระบบสายไฟเบอร์ และสัญญาณเน็ตมือถือ โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ช่วยให้เชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด ในกรณีฉุกเฉิน เมื่อเกิดปัญหาการเชื่อมต่อไฟเบอร์ เราเตอร์จะเปลี่ยนไปใช้อินเทอร์เน็ตมือถือแบบอัตโนมัติทันที อำนวยความสะดวกให้ใช้งานออนไลน์ในบ้านได้แบบต่อเนื่องไม่ต้องตั้งค่า WIFI ใหม่ หรือไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น เทรดหุ้น ไลฟ์สตรีม เป็นต้น ลูกค้าใหม่ที่สนใจ สามารถสมัครแพ็กเกจเน็ตบ้านเราเตอร์ 2 ระบบ สุดคุ้ม ราคาเริ่มต้นเพียง เดือนละ 690 บาท ความเร็ว 700/700 Mbps พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย สัมผัสความเร็วแรง คุ้มค่า เหนือใคร ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2568
นายสกลพร หาญชาญเลิศ หัวหน้าสายงานโพสต์เพย์ คอนเวอร์เจนซ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ทรูออนไลน์ มอบของขวัญปีใหม่ ให้ลูกค้าเน็ตบ้านได้คุ้มยิ่งกว่า และมั่นใจทุกการเชื่อมต่อ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยยุคดิจิทัล และด้วยวิถีของผู้นำตลาดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทรูออนไลน์ได้พัฒนานวัตกรรมที่หลากหลายเพื่ออัปเกรดชีวิตคนไทยยุคดิจิทัล โดยคำนึงถึงพฤติกรรมการใช้งานออนไลน์ที่เปลี่ยนไป โดยล่าสุด ทรูออนไลน์เป็นรายแรกและรายเดียวในไทยที่ได้พัฒนา เราเตอร์ 2 ระบบ ให้รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านสายไฟเบอร์แบบแรงเต็มสปีด และสำรองด้วยอินเทอร์เน็ตมือถือ ในกรณีฉุกเฉินที่เกิดปัญหาการเชื่อมต่อผ่านไฟเบอร์ เราเตอร์จะเปลี่ยนไปใช้อินเทอร์เน็ตจากสัญญาณเน็ตมือถือแบบอัตโนมัติทันที ไม่ต้องตั้งค่า WIFI หรืออุปกรณ์ภายในบ้านใหม่แต่อย่างใด ให้การเชื่อมต่อโลกออนไลน์แบบไม่มีสะดุด และที่สำคัญคือไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานอินเตอร์เน็ตบ้านแบบต่อเนื่อง เช่น เทรดหุ้น ไลฟ์สตรีม หรือประชุมออนไลน์ เป็นต้น ลูกค้าใหม่ที่สนใจ สามารถสมัครแพ็กเกจเน็ตบ้านเราเตอร์ 2 ระบบ สุดคุ้ม ราคาเริ่มต้นเพียง เดือนละ 690 บาท พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2568 ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าเน็ตบ้านทรู ยังได้รับการปกป้องและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานด้วยบริการ “True CyberSafe” ระบบป้องกันภัยไซเบอร์แบบเรียลไทม์ โดยอัตโนมัติ ช่วยปกป้องได้แม่นยำด้วยเทคโนโลยี AI ขั้นสูง ช่วยบล็อกหรือแจ้งเตือน เมื่อลูกค้าเผลอคลิกลิงก์อันตรายจาก SMS หรือเว็บบราวเซอร์ โดยความร่วมมือกับเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เป็นบริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ทรูออนไลน์ตั้งใจส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยขั้นสุดให้แก่ลูกค้าผู้ใช้บริการเน็ตบ้านทรู ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามไซเบอร์ต่างๆ สัมผัสความเร็วแรง คุ้มค่า เหนือใคร”
พิเศษต้อนรับปีใหม่ ! ลูกค้าใหม่ที่สนใจ สามารถสมัครแพ็กเกจเน็ตบ้านเราเตอร์ 2 ระบบ สุดคุ้ม ราคาเริ่มต้นเพียง เดือนละ 690 บาท พร้อมสิทธิพิเศษเพิ่มเติม ดังนี้
ต่อที่ 1 : เพิ่มความเร็วให้ฟรี! จาก 500/500 เป็น 700/700 Mbps นาน 24 เดือน
ต่อที่ 2 : มอบความปลอดภัยให้ทุกคนในครอบครัว ด้วยกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ พร้อม Cloud Service
ต่อที่ 3 : มอบประกันชีวิต และประกันที่อยู่อาศัย คุ้มครองนาน 24 เดือน
ต่อที่ 4 : มอบความบันเทิง จากกล่องทรูไอดี ทีวี และแพ็กเกจ TrueID Plus+ และ TrueVisions NOW นาน 24 เดือน
ลูกค้าปัจจุบันที่สนใจ สามารถสมัครเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจเป็นเราเตอร์ 2 ระบบ สุดคุ้ม ราคาเริ่มต้นเพียงเดือนละ 690 บาท พร้อมรับสิทธิพิเศษอื่นๆ เช่นกัน
สมัครได้แล้ววันนี้ที่ ทรูช็อป ดีแทคช็อป ทุกสาขา โทร. 02 700 8000 รายละเอียดเพิ่มเติมที่ true.th/trueonline
· เชื่อมต่อรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่หนุนโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว จ. น่าน
· ร่วมมือยกระดับการแพทย์ไทยเติมช่องว่างคุณภาพชีวิตลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล
น่าน, 10 มกราคม 2568 - 5G เชื่อมต่อวินาทีของชีวิตในยุคที่โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นของคนไทย “ทรู คอร์ปอเรชั่น” บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย ได้นำศักยภาพของเครือข่าย 5G มาพลิกโฉมวงการสาธารณสุขไทย ผ่านโครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ (Mobile Stroke Unit) เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ขั้นสูงสำหรับผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกลด้วยแนวทาง “สาธารณสุขอัจฉริยะ” โดยร่วมกับโครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันในพื้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กับ มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงาน กสทช. พร้อมนำร่องแล้วที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว จังหวัดน่าน จากรายงานสถิติสาธารณสุขล่าสุดของ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขในปี 2566 พบว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองสูงถึง 349,126 ราย และมีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 10 และทุพพลภาพถึงร้อยละ 60 โดยที่น่าวิตกคือผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอายุน้อยกว่า 70 ปี ทั้งนี้ โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการตายของคนไทยอันดับ 2 รองจากมะเร็ง
นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยระบบสารสนเทศ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เครือข่าย 5G ของทรู คอร์ปอเรชั่นมีจุดเด่นทั้งด้านความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ ความเสถียร และความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลากหลาย ซึ่งเป็นหัวใจการเชื่อมต่อดิจิทัลที่สำคัญสู่ ‘Mobile Stroke Unit’ ให้สามารถดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองได้เสมือนอยู่ในการรักษาของแพทย์อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะการส่งภาพสแกนสมองจากเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองที่มีไฟล์ขนาดใหญ่ และสัญญาณชีพของผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ด้วยความละเอียดสูง ช่วยให้ทีมแพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำและทันเวลา พลิกวิกฤตนาทีชีวิต ก่อนผู้ป่วยจะเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ซึ่งลดอัตราการเสียชีวิตและทุพพลภาพของคนไทย”
ความสำคัญของ 5G การเชื่อมต่อความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ (Low Latency) สู่ “Mobile Stroke Unit”
· การสื่อสารดิจิทัลคุณภาพและความเร็วสูง: อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงช่วยให้การสื่อสารระหว่างแพทย์และผู้ป่วยผ่านวิดีโอคอลมีความคมชัดและไม่สะดุด ทำให้การวินิจฉัยและการให้คำปรึกษามีประสิทธิภาพแม่นยำโดยเฉพาะเวลาที่ทุกวินาทีมีความหมายต่อชีวิต
· การรับ-ส่งดาต้า: การส่งและรับข้อมูลทางการแพทย์ เช่น ภาพถ่าย เอกซเรย์ หรือผลตรวจต่าง ๆ ต้องการความเร็วในการเชื่อมต่อที่สูง เพื่อให้ข้อมูลถูกส่งอย่างรวดเร็วและปลอดภัย
· การขยายบริการสาธารณสุข: อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทำให้บริการทางการแพทย์ ยกระดับสู่ “สาธารณสุขอัจฉริยะ” สามารถเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลหรือชนบท ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์
โครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันในพื้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ มีแผนที่จะนำรถ Mobile Stroke Unit จำนวน 21 คัน กระจายสู่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั่วประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ 6 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 แห่ง ภาคใต้ 4 แห่ง และภาคกลาง 2 แห่ง ซึ่งเริ่มที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว จังหวัดน่าน เป็นแห่งแรก
รถ Mobile Stroke Unit นี้ได้รับการออกแบบให้เป็นเสมือนโรงพยาบาลเคลื่อนที่ โดยจะไปหาผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว จากการที่ได้รับแจ้งจากผู้ป่วยหรือญาติที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล โดยมีหลักการทำงานที่สำคัญต่อชีวิตในภาวะวิกฤตจากโรคหลอดเลือดสมอง ดังนี้
· รถพยาบาลเฉพาะทางสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ทำหน้าที่เสมือนโรงพยาบาลเคลื่อนที่สู่ชุมชน ช่วยลดระยะเวลารักษาและอัตราการเสียชีวิต หรือทุพพลภาพ
· เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT Scanner) ให้ภาพสแกนสมองภายในไม่กี่วินาที ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและรักษาได้รวดเร็ว ทั้งกรณีหลอดเลือดอุดตันและเลือดออกในสมอง
· ติดตั้งอุปกรณ์ทันสมัย ทั้งเครื่องฉีดสารทึบรังสี เครื่องตรวจเลือด พร้อมระบบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางทางไกล (Teleconsultation) และสามารถให้ยาสลายลิ่มเลือดได้ทันที
· ระบบกล้องบันทึกภาพและสนทนากับผู้ป่วยขณะอยู่บนรถ ช่วยให้ทีมแพทย์วางแผนการรักษาล่วงหน้าก่อนถึงโรงพยาบาล
นายประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เทคโนโลยี 5G ที่มีความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ และความเสถียร ช่วยให้การส่งข้อมูลทางการแพทย์ขนาดใหญ่ ทั้งภาพ CT Scan สมองและสัญญาณชีพของผู้ป่วย สามารถทำได้แบบเรียลไทม์อย่างแม่นยำและรวดเร็ว แม้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะอยู่ห่างไกลหลายร้อยหรือหลายพันกิโลเมตร ช่วยให้การวินิจฉัยและวางแผนการรักษาทำได้ทันที นับเป็นการยกระดับการเข้าถึงการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สำหรับประชาชนในพื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่ที่ขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหลอดเลือดสมอง”
ทั้งนี้ องค์การโรคหลอดเลือดสมองโลก (World Stroke Organization: WSO) เผยว่าประชากรทั่วโลก 1 ใน 4 คนเคยประสบกับโรคหลอดเลือดสมอง ดังนั้นการดูแลสุขภาพและการป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคร้ายนี้ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสังเกตอาการ “โรคหลอดเลือดสมอง” ด้วยตนเอง ตามหลัก B.E.F.A.S.T. เบื้องต้น ได้แก่
· Balance: เดินเซ เวียนศีรษะ บ้านหมุนฉับพลัน
· Eye: ตามัว มองเห็นภาพซ้อนฉับพลัน
· Face: ปากเบี้ยว หน้าเบี้ยวเฉียบพลัน
· Arm: แขนขาอ่อนแรงหรือชาครึ่งซีก
· Speech: พูดไม่ชัด เสียงเปลี่ยน ลิ้นแข็ง พูดไม่รู้เรื่อง
· Time: ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
ผู้ป่วยที่มีอาการโรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke จะต้องให้ยาสลายลิ่มเลือดภายใน 4 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งทุกๆ 1 นาทีที่เสียไปนั้น สมองและเซลล์ประสาทจะตาย 1.9 ล้านตัว หากพบแพทย์ล่าช้า อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หรืออาจจะเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต กลายเป็นบุคคลทุพพลภาพถาวร ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ กล่าวคือ หากผู้ป่วยหรือญาติมีอาการเดินเซ มองเห็นภาพซ้อน หน้าเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง หรือพูดไม่ชัด ให้รีบโทร 1669 ทันที หากผู้ป่วยมีอาการดังกล่าวทางโรงพยาบาลจะส่งรถฉุกเฉินไปรับผู้ป่วย พร้อมกับแจ้งทีมปฏิบัติการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ (Mobile Stroke Unit) ออกปฏิบัติการเพื่อออกรับผู้ป่วย เมื่อถึงจุดนัดพบ จะย้ายผู้ป่วยเข้ารถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่เพื่อเริ่มการรักษาทันที
สำหรับความร่วมมือดังกล่าวในโครงการนี้ นับเป็นการต่อยอดความสำเร็จที่ทางทรู คอร์ปอเรชั่นได้ร่วมมือกับศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี 2563 โดยเป็นโครงการที่ร่วมพัฒนาหน่วยรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ (Mobile Stroke Unit) ในรูปแบบของรถมาจากความคิดริเริ่มของศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช พัฒนารถต้นแบบคันแรกเสร็จในปี 2561
“ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย มีความมุ่งมั่นที่จะนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาพัฒนาระบบสาธารณสุขอัจฉริยะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ขั้นสูงของประชาชนไทยในทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม” นายประเทศ กล่าวในที่สุด
8 มกราคม 2568 – บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ผู้ได้รับจัดสรรคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 700 MHz ช่วงความถี่ 713-723 MHz คู่กับ 768-778 MHz (เดิมเป็นของบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด) ได้ดำเนินการชำระค่าใบอนุญาตคลื่น 700 MHz งวดที่ 5 เป็นจำนวนเงิน 1,881,488,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมยื่นหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินสำหรับการชำระเงินค่าคลื่นความถี่ในส่วนที่เหลือ ให้แก่สำนักงาน กสทช. ตามเงื่อนไขที่กำหนด เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 โดยมีนายนฤพนธ์ รัตนสมาหาร (ที่ 3 จากซ้าย) หัวหน้าสายงานรัฐกิจสัมพันธ์และกำกับดูแล และนางสาววีณา จ่างเจริญ (ขวาสุด) ผู้เชี่ยวชาญสายงานกลยุทธ์กฎระเบียบการกำกับดูแลกิจการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทฯ ในการชำระค่าคลื่นความถี่ โดยมีนายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน (ที่ 2 จากซ้าย) รองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการโทรคมนาคม เป็นผู้รับมอบ พร้อมด้วยนางพุธชาด แมนมนตรี (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการสำนัก สำนักการอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม 1 (ปท.1) ณ สำนักงาน กสทช.
ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งพัฒนาบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ครอบคลุมทุกย่านคลื่นความถี่ ทั้งคลื่นความถี่ต่ำ กลาง และสูง โดยได้นำคลื่น 700 MHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ต่ำมาพัฒนาการให้บริการและขยายโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สัญญาณครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมนำอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสู่ผู้ใช้บริการทุกคน เพื่อมอบประสบการณ์การใช้เทคโนโลยี 5G และ 4G ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลให้ลูกค้าทั้งทรูและดีแทคได้ใช้บริการที่มีคุณภาพยิ่งขึ้นจากการพัฒนาโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง
· เวลา 21.00-22.00 น. สุดฮิตเคานต์ดาวน์ส่งความสุขทั้งมือถือและเน็ตบ้านทั่วไทย
· เฟซบุ๊กยังครองแชมป์แอปยอดนิยมมือถืออันดับ 1 ใช้งานพุ่งข้ามปี
1 มกราคม 2568 - ทรู คอร์ปอเรชั่นเผยดาต้าฉลองต้อนรับปีมะเส็ง 2568 เทรนด์การใช้งานมือถือ เน็ตบ้านสุดคึกปีนี้ไทยจัดเคานต์ดาวน์กระหึ่ม อาทิ ไอคอนสยามกับงานเฉลิมฉลองศักราชใหม่ "Amazing Thailand Countdown 2025" พร้อมเชิญ "ลิซ่า ลลิษา มโนบาล" ศิลปินไทยที่ดังระดับโลกมาเยือน เผยยอดใช้งานดาต้าพื้นที่ไอคอนสยามในคืนเคานต์ดาวน์สูงมากกว่า 200% จากการใช้งานในช่วงเทศกาล ด้าน Mobility Data การเดินทางท่องเที่ยวปีใหม่ และการใช้มือถือจากผู้ใช้งานแบรนด์ทรู และดีแทคสุดพีคจากเทศกาลตามคาดการณ์ พบไฮไลท์น่าจับตา 10 จังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทยและต่างชาติ พร้อมรายงาน 5 แอปพลิเคชันครองใจคนใช้งานทั้งมือถือและเน็ตบ้าน ขณะที่แอปทรูไอดี (TrueID) โดยรวมมียอดผู้ใช้งานในช่วงเทศกาลเพิ่มขึ้นราว 500%
นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ยกระดับประสบการณ์ในการให้บริการเครือข่ายมือถือและอินเทอร์เน็ตเต็มประสิทธิภาพตลอดช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองและในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีมะเส็งที่ผ่านมา โดยเราได้วางแผนอย่างแม่นยำผ่านการวิเคราะห์ Mobility Data และติดตามพฤติกรรมผู้ใช้มือถือในพื้นที่จัดงานเคานต์ดาวน์ทั่วประเทศ ส่งผลให้การเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณทั้ง 5G, 4G และ WiFi มีประสิทธิภาพสูงสุดและตรงจุด พร้อมทีมปฏิบัติการภาคสนามที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ดูแลคุณภาพสัญญาณทั้งในจุดเคานต์ดาวน์หลักของกรุงเทพมหานครและสถานที่ยอดนิยมในต่างจังหวัด รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทย ทำให้ผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถแชร์ภาพ วิดีโอ ไลฟ์สตรีม และส่งข้อความอวยพรได้อย่างต่อเนื่องและราบรื่น สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์ดิจิทัลของคนไทยให้ก้าวสู่ปีใหม่ด้วยมาตรฐานการให้บริการระดับโลก"
สถิติจากการใช้งานมือถือแบรนด์ “ทรูมูฟ เอช”ช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2568
· 10 จังหวัดยอดนิยมคนไทย - นักท่องเที่ยวเดินทางและกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่มากสุด 10 จังหวัดอันดับแรก คือ 1. บุรีรัมย์ 2. ศรีสะเกษ 3. นครราชสีมา 4. สุรินทร์ 5. อุบลราชธานี 6. ชัยภูมิ 7. ร้อยเอ็ด 8. เพชรบูรณ์ 9. นครสวรรค์ 10. กาฬสินธุ์ (ข้อมูลการเคลื่อนที่ของจำนวนประชากรจากโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobility Data ทรูมูฟ เอชในช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ ธันวาคม 2567)
· จังหวัดดาวรุ่งขวัญใจคนไทยปีมะเส็ง - จังหวัดมาแรงที่คนไทยนิยมเดินทางช่วงปีใหม่ที่มียอดเติบโตสูงสุดคือ “อุทัยธานี” โดยเติบโตเพิ่มขึ้นราว 60% โดยเป็นข้อมูลสะท้อนให้เห็นว่าพฤติกรรมนักท่องเที่ยวไทยนิยมมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งอุทัยธานี เป็นเมืองรองตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุค
ใหม่ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ ใกล้ชิดธรรมชาติ และวิถีชุมชน อีกทั้งระยะทางที่ใกล้กรุงเทพฯ ทำให้สามารถไป-กลับได้ภายในวันเดียว เหมาะกับคนที่มีเวลาจำกัดแต่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่
· 10 จังหวัดยอดนิยมนักท่องเที่ยวต่างชาติ - สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่ 10 จังหวัดอันดับแรก คือ 1. เชียงราย 2. ภูเก็ต 3. สุราษฎร์ธานี 4. กรุงเทพมหานคร 5. ตาก 6. กระบี่ 7. สงขลา 8. เชียงใหม่ 9. เพชรบุรี 10. ประจวบคีรีขันธ์ (ข้อมูลการเคลื่อนที่ของจำนวนประชากรจากโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobility Data ทรูมูฟ เอชในช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ ธันวาคม 2567)
· จังหวัดดาวรุ่งขวัญใจนักท่องเที่ยวต่างชาติปีมะเส็ง - จังหวัดมาแรงที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางไปช่วงปีใหม่ที่มียอดเติบโตสูงสุดคือ “เชียงราย” โดยเติบโตเพิ่มขึ้นราว 200% และยังคงครองแชมป์ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
· 5 แอปพลิเคชันยอดนิยม – แอปพลิเคชันที่มีการใช้งานสูงสุดในช่วงเทศกาลเคานต์ดาวน์สู่ปีใหม่ คือ 1. Facebook 2. YouTube 3. LINE 4. TikTok 5. WhatsApp
· ช่วงเวลาดีๆ ที่นิยมใช้งานสูงสุด (Peak hour period) คือ เวลา 21.00-22.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2567
สถิติจากการใช้งานมือถือแบรนด์ “ดีแทค” ช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2568
· 10 จังหวัดยอดนิยมคนไทย - นักท่องเที่ยวเดินทางและกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่มากสุด 10 จังหวัดอันดับแรก คือ 1. นครราชสีมา 2. เพชรบูรณ์ 3. อุบลราชธานี 4. ศรีสะเกษ 5. กาญจนบุรี 6.ขอนแก่น 7. เชียงใหม่ 8.บุรีรัมย์ 9.นครสวรรค์ 10.สุรินทร์ (ข้อมูลการเคลื่อนที่ของจำนวนประชากรจากโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobility Data ดีแทคในช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ ธันวาคม 2567)
· จังหวัดดาวรุ่งขวัญใจคนไทยปีมะเส็ง - จังหวัดมาแรงที่คนไทยนิยมเดินทางไปช่วงปีใหม่ที่มียอดเติบโตสูงสุดคือ “เพชรบูรณ์” โดยเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ซึ่งเป็นข้อมูลแสดงถึงเทรนด์ที่คนไทยนิยมไปท่องเที่ยวจังหวัดที่เดินทางสะดวกและไม่ไกลมากจากกรุงเทพมหานครในช่วงปีใหม่นี้ และเพชรบูรณ์ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจเช่น เขาค้อและภูทับเบิก พร้อมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับพักผ่อนอีกด้วย
· 10 จังหวัดยอดนิยมนักท่องเที่ยวต่างชาติ - สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่ 10 จังหวัดอันดับแรก คือ 1. ตาก 2. ภูเก็ต 3. เชียงราย 4. กระบี่ 5. ชลบุรี 6.สุราษฎ์ธานี 7.กาญจนบุรี 8.สงขลา 9.นครราชสีมา 10.พังงา (ข้อมูลการเคลื่อนที่ของจำนวนประชากรจากโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobility Data ดีแทคในช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ ธันวาคม 2567)
· จังหวัดดาวรุ่งขวัญใจนักท่องเที่ยวต่างชาติปีมะเส็ง - จังหวัดมาแรงที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางไปช่วงปีใหม่ที่มียอดเติบโตสูงสุดคือ “ตาก” โดยเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 260%
· 5 แอปพลิเคชันยอดนิยม – แอปพลิเคชันที่มีการใช้งานสูงสุดในช่วงเทศกาลเคานต์ดาวน์สู่ปีใหม่ คือ 1. Facebook 2. YouTube 3. WhatsApp 4. TikTok 5. LINE
· ช่วงเวลาดีๆ ที่นิยมใช้งานสูงสุด (Peak hour period) คือ เวลา 21.00-22.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2567
สถิติจากการใช้งาน “ทรู ออนไลน์” หรือเน็ตบ้านช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2568
· ทรูออนไลน์ มีการใช้งานสูงสุดในช่วงเวลา 21.00-22.00 น. วันที่ 31 ธันวาคม 2567
· แอปพลิเคชันยอดนิยมใช้งานสูงสุด 5 อันดับ คือ 1. YouTube 2. Facebook 3. TikTok 4. Netflix 5. TrueID
นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ส่งมอบความสุขต้อนรับปีใหม่ผ่านแคมเปญ 'ยิ้มทั่วไทย' ด้วยการมอบประสบการณ์พิเศษและของขวัญมากมายผ่านสัญญาณ 5G ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เริ่มจากการนำเสนอภาพยนตร์โฆษณา 'ยิ้มทั่วไทย ยิ้มให้ตัวเอง' ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนมองเห็นคุณค่าของตนเองและคนรอบข้าง ควบคู่ไปกับ 'ยิ้มทั่วไทย ทรูทั่วไทย' ที่ยกระดับประสบการณ์การใช้งานด้วยสัญญาณคุณภาพทั่วทุกพื้นที่ พร้อมเชิญชวนร่วมกิจกรรมสุดพิเศษใน 'ยิ้มทั่วไทย ยิ้มให้ปีใหม่' และร่วมลุ้นรับของขวัญผ่านกิจกรรม 'ยิ้มทั่วไทย ยิ้มรับของขวัญ' ด้วยการถ่ายภาพยิ้มผ่าน AR บนแอปทรูไอดี ดีแทคแอป หรือทรูไอเซอร์วิส โดยเข้าที่เมนู 'สิทธิพิเศษ' และคลิกแบนเนอร์ 'ยิ้มรับสุขทั่วไทย' เพื่อร่วมลุ้นรับของขวัญมากมายจนถึง 15 มกราคม 2568
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย และอันดับ 1 ของโลกด้านความยั่งยืน ด้วยคะแนน DJSI 2024 สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ต้อนรับตรุษจีนให้แก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 4 ชุด อายุตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง 3.35 – 4.00% ต่อปี เสริมด้วยอันดับความน่าเชื่อถือ “A+” แนวโน้ม “คงที่” หรือ “Stable” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ในธุรกิจโทรคมนาคม และธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล คาดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 6 - 7 และ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ผ่าน 7 สถาบันการเงินชั้นนำได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบี ยูโอบี บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส รวมถึงการขายผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า “ทรู คอร์ปอเรชั่น ประสบความสำเร็จและสามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่การเป็นบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทยอย่างยั่งยืน สะท้อนผ่านผลประกอบการไตรมาส 3/2567 โดยมีกำไรสุทธิ (หลังรายการปรับปรุง) 3.1 พันล้านบาท และ EBITDA ที่เติบโตต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน ทั้งนี้มีผู้ใช้บริการ 5G จำนวน 12.4 ล้านราย เพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระ (Refinancing) โดยหุ้นกู้ TRUE ชุดใหม่มีอายุระหว่าง 3 ปี ถึง 10 ปี เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่ม โดยนักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะสั้นสามารถเลือกลงทุนในรุ่น 3 ปี สำหรับนักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะกลางก็อาจเลือกลงทุนในรุ่น 5 ปี หรือนักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะยาวและต้องการรับดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอเพื่อนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็อาจเลือกลงทุนในรุ่น 7 ปี และ 10 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
หุ้นกู้ TRUE เป็นอีกหนึ่งโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ และคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนครั้งที่ผ่านมา ซึ่งมีนักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจจองซื้อครบเต็มจำนวน และในปัจจุบันดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จึงเป็นจังหวะที่ดีสำหรับนักลงทุนในการสะสมหุ้นกู้ในช่วงต้นปี เพื่อล็อคผลตอบแทนไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะนักลงทุนที่นิยมลงทุนในหุ้นกู้ที่มีคุณภาพสูง”
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือ ชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นกู้ TRUE ชุดใหม่ ต่อประชาชนเป็นการทั่วไป (Public Offering) โดยมีอายุหุ้นกู้ระหว่าง 3 ปี ถึง 10 ปี ซึ่งเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ และหุ้นกู้อยู่ที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” หรือ “Stable” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 คาดว่าจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 6 - 7 และ 10 กุมภาพันธ์ 2568 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท หุ้นกู้มีกำหนดชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ โดยอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ TRUE ชุดใหม่ ทั้ง 4 ชุด มีดังนี้
1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.35% ต่อปี
2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.60% ต่อปี
3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.85% ต่อปี และ
4. หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.00% ต่อปี
ซึ่งเฉพาะชุดที่ 4 รุ่นอายุ 10 ปี ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดได้ตั้งแต่หุ้นกู้ครบปีที่ 5 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 7 แห่ง ได้แก่
• ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking
• ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02 888 8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
• ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777 6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
• ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626 7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai
• ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 285 1555
• บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02 680 4004
• บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02 165 5555 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปฯ Dime! และรวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
สำหรับผู้สนใจจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet สามารถศึกษาเพิ่มเติมถึงรายละเอียด ขั้นตอน และวิธีการสมัคร TrueMoney Wallet Application และวิธีการจองซื้อ ได้ที่เว็บไซต์ www.truemoney.com หรือติดต่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด โทร. 1240 กด 6