บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ประกาศขับเคลื่อนองค์กรภายใต้กลยุทธ์ “Triple P” ระยะ 3 ปี (ปี 2568-2570) มุ่งเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และกำไร เน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ด้วยงบลงทุนปีละ 30,000 ล้านบาท พร้อมรุกบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านการพัฒนากระบวนการทำงานและทรัพยากรบุคคลรองรับการเติบโตระดับสากล ทั้งนี้ กลยุทธ์ “Triple P” มุ่งตอบโจทย์การเติบโตอย่างอย่างยั่งยืนในทุกมิติ โดยสร้างความสมดุลระหว่างโอกาสทางธุรกิจ ผลการดำเนินงานที่แข็งแรงอย่างต่อเนื่อง และการเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำของ EGCO Group
ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า ในยุคของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน EGCO Group ได้ทบทวนและปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระยะ 3 ปี (ปี 2568-2570) โดยมีเป้าหมายสร้างความแข็งแกร่ง 3 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างยั่งยืน การบรรลุเป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ และการปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวนี้จะขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ “Triple P” 3 ด้าน ได้แก่
“EGCO Group เชื่อมั่นว่า กลยุทธ์ “Triple P” จะตอบโจทย์การเติบโตขององค์กรอย่างอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ด้วยการสร้างความสมดุลระหว่างโอกาสทางธุรกิจ ผลการดำเนินงานที่แข็งแรงอย่างต่อเนื่อง และการบรรลุเป้าหมายเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ ทั้ง 3 ระยะ ได้แก่ เป้าหมายระยะสั้น ภายในปี 2573 เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ของกำลังผลิตทั้งหมด เป้าหมายระยะกลาง ภายในปี 2583 มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และเป้าหมายระยะยาว ภายในปี 2593 จะบรรลุการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon)” ดร.จิราพร กล่าว
สำหรับการดำเนินงานในปี 2568 ECGO Group เดินหน้าลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องอย่างต่อเนื่อง ด้วยการตั้งงบลงทุน 30,000 ล้านบาท การเติบโตทางธุรกิจในปีหน้าจะมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากโครงการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ การรับรู้รายได้เต็มปีจากการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ในสหรัฐอเมริกา และจากการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration ส่วนขยาย จ.ระยอง การรับรู้รายได้จากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน การรับรู้รายได้จากการขายโครงการพลังงานหมุนเวียนและการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของ APEX ในสหรัฐอเมริกา การเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสปิดดีลโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในรูปแบบ M&A ทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลักและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ทันที
ดร.จิราพร ยังกล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 และ 9 เดือนของปี 2567 ว่า “ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,604 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,463 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ในขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน 7,014 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,518 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ และกลุ่มโรงไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ EGCO Group ยังสามารถผลักดันโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ให้มีความก้าวหน้าตามเป้าหมาย โดยเฉพาะ Yunlin ที่ติดตั้งเสากังหัน (Monopiles) และกังหันลม (Wind Turbine Generators - WTGs) ครบ 80 ต้น เรียบร้อยแล้ว และได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้วทั้งสิ้น 68 ต้น คิดเป็นกำลังผลิต544 เมกะวัตต์ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 640 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้”
ด้วยความเชื่อที่ว่า “ต้นทางดี จะก่อกำเนิดผลลัพธ์ปลายทางที่ดี” และเล็งเห็นว่า พนักงาน คือ ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กรและเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย EGCO Group จึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาพนักงานให้มีคุณภาพ เป็นทั้งคนเก่ง คนดี และมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม และมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน โดยสร้าง “Happy Workplace” พัฒนาพนักงานให้มีศักยภาพและมีความสุขในการทำงาน
นางนันทกา โมกขาว ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เปิดเผยว่า แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องตามค่านิยมหลัก (Core Values) ของ EGCO Group คือ 'T-R-I-E-S' ได้แก่ Teamwork ทำงานเป็นทีม Result-Oriented มุ่งผลสำเร็จของงาน Innovation คิดเชิงนวัตกรรม Ethics & Integrity ซื่อสัตย์ โปร่งใส และ Stakeholder Concerns ใส่ใจผู้มีส่วนได้เสีย ควบคู่ไปกับการดูแลพนักงานให้ทำงานอย่างมีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจ มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสมดุลการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม โดยได้เสริมสร้างรูปแบบการทำงานและส่งเสริมสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อให้สอดรับกับการใช้ชีวิตของพนักงานในสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น ซึ่งมีตัวอย่างการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม อาทิ
“EGCO Group ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ไม่มุ่งเพียงผลประโยชน์หรือผลกำไรสูงสุดเป็นหลักเท่านั้น แต่คำนึงถึงความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว โดยดำเนินธุรกิจควบคู่ไปพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชน สังคม (ESG) และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย รวมถึงพนักงานที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อน EGCO Group ให้เติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติต่อไป” นางนันทกากล่าว