

LINE ประเทศไทย เดินหน้าภารกิจสร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลให้สังคมไทย ผ่านโครงการผลักดันด้าน “Digital Literacy” มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจและทักษะการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้อง มั่นใจ และปลอดภัยสำหรับคนไทยทุกวัย เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากโลกดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยในปีนี้ประเดิมด้วยกิจกรรม “LINE CONNECT DAY: Smart Senior 2025” ที่มุ่งเสริมสร้างความรู้ด้านดิจิทัลควบคู่กับความรู้การลงทุนให้กับผู้สูงวัย พร้อมตอกย้ำความสำคัญของการป้องกันความเสี่ยงจากภัยออนไลน์
![]()
นางสาวณิชารัศมิ์ อาชญาสิทธิวัตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (Chief Marketing Officer) LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ทักษะการใช้ดิจิทัลอย่างชาญฉลาด รู้เท่าทันและปลอดภัยไม่ใช่เพียงเรื่องเทคนิค แต่เป็นความสามารถสำคัญที่ทุกคนต้องมี LINE ประเทศไทยจึงริเริ่มโครงการผลักดันด้าน ‘Digital Literacy’ ภายใต้แนวคิด Living Smart and Safe on LINE เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยี เชื่อมต่ออย่างมีคุณภาพ และปกป้องตนเองในโลกออนไลน์ สำหรับคนไทยทุกวัยจากความสำเร็จของกิจกรรม Smart Senior ที่เราจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม ในปีนี้ เราเล็งเห็นศักยภาพของผู้สูงวัยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประชากรผู้ใช้ LINE ที่ใช้แอปพลิเคชัน
นอกเหนือจากสื่อสารกับครอบครัวและเพื่อนฝูง แต่ยังใช้เพื่อการดำรงชีวิตในด้านอื่นๆ เราจึงได้ขยายขอบเขตเนื้อหา ไม่เพียงเน้นการป้องกันภัยออนไลน์ แต่ยังเสริมความรู้ด้านการลงทุนอย่างชาญฉลาด และการรับมือกับความเสี่ยงดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้การสร้างโลกดิจิทัลที่ปลอดภัยต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญในแขนงสาขาต่างๆ ซึ่งครั้งนี้เรารวมพลังกับอีก 3 หน่วยงานสำคัญ โดยมี LINE ในฐานะแพลตฟอร์มกลาง, Young Happy ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอมมูนิตี้ผู้สูงวัย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่นำความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนมาถ่ายทอด และ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ การรวมตัวของพันธมิตรทั้ง 4 นี้ ช่วยเสริมความเข้มข้นของเนื้อหาและมอบองค์ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันได้อย่างตรงจุด ทั้งหมดนี้สะท้อนบทบาทของ LINE ในการเป็นแพลตฟอร์มกลางที่พร้อมเชื่อมโยงทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันสร้างสังคมดิจิทัลที่แข็งแรง ปลอดภัย และเท่าทันการเปลี่ยนแปลงสำหรับทุกคน และในอนาคต เรามีแผนที่จะขยายขอบเขตเนื้อหาไปด้านอื่นให้ครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้ LINE ที่หลากหลายอีกด้วย”
กิจกรรม “LINE CONNECT DAY: Smart Senior 2025” มีผู้สูงวัยเข้าร่วมกว่า 60 คนจากทั่วประเทศ ทุกท่านได้เรียนรู้ตั้งแต่การใช้ LINE อย่างปลอดภัย เช่น วิธีสังเกตบัญชี Official ของจริง, การตั้งค่าความปลอดภัย, การรายงานบัญชีต้องสงสัย ไปจนถึงการรู้เท่าทันกลโกงด้านการเงิน และการรับมือกับภัยคุกคามในโลกออนไลน์ เช่น ฟิชชิ่ง หลอกโอนเงิน หรือแฮกบัญชี โดยมีผู้เชี่ยวชาญจาก LINE และพันธมิตรให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
“เราเชื่อว่าทักษะการใช้งานเทคโนโลยีอย่างมั่นใจและปลอดภัยจะเป็นทักษะพื้นฐานในการดำรงชีวิตประจำวัน เราจึงเดินหน้าอย่างจริงจังในการส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลให้คนไทยทุกกลุ่ม โดยเริ่มต้นจากกลุ่มเปราะบางอย่างผู้สูงวัย โดยหวังว่ากิจกรรม LINE CONNECT DAY: Smart Senior 2025 จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระยะยาวในการยกระดับทักษะดิจิทัลให้กับสังคมไทย” นางสาวณิชารัศมิ์ กล่าวสรุป
LINE ประเทศไทยมีแผนจะต่อยอดกิจกรรมสู่กลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ เช่น เยาวชน และกลุ่มคนทำงาน เพื่อใช้ประโยชน์และสร้างความรู้เท่าทันดิจิทัลอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ก.ล.ต. อนุมัติแบบไฟลิ่งเสนอขายหุ้นกู้บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2568 อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2570 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 7.40 ต่อปี ชนิดระบุผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน มูลค่าเสนอขายไม่เกิน 150 ล้านบาท พร้อมแต่งตั้ง Bluebell และ MPS ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ กำหนดวันจองซื้อ 22–24 กรกฎาคม 2568 เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการบนทำเลศักยภาพ และ เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ ตอกย้ำความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนโดยการชำระคืนหุ้นกู้ชุดเดิมตามกำหนดก่อนเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่
นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบในเขตชานเมืองกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้รับการอนุมัติแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน ครั้งที่ 2/2568 อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2570 ชนิดระบุผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 7.40% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ มูลค่าเสนอขายไม่เกิน 150 ล้านบาท จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่
![]()
ด้านวัตถุประสงค์การระดมทุน เพื่อใช้ในการลงทุนสำหรับการพัฒนาโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทั้งในส่วนของการก่อสร้างบ้าน และ ก่อสร้างระบบสาธารณูโภค โดยทั้งหมดเป็นโครงการบนทำเลที่มีศักยภาพสูง ซึ่งปัจจัยสนับสนุนในด้านความต้องการที่อยู่อาศัยของลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการขยายตัวของเมือง ที่มีระบบโครงสร้างพื้นฐาน สถานพยาบาล และ ธุรกิจการดูแลสุขภาพครบครัน อีกทั้งเพื่อเป็นเงินค่าใช้จ่ายในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับแผนการขยายตัวอย่างยั่งยืนของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการแต่งตั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายจำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) โดยมีช่วงจองซื้อระหว่างวันที่ 22–24 กรกฎาคม 2568 และเสนอขายในวันที่ 25 กรกฎาคม 2568
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมแผนการชำระคืนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดชำระในวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ก่อนการเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ จากความสามารถในการบริหารต้นทุนและกระแสเงินสดอย่างรัดกุม อีกทั้งยังมีทรัพย์สินเพื่อสภาพคล่องสำรองที่พร้อมใช้ในกรณีจำเป็น เช่น ที่ดินทำเลคุณภาพจากแผนการลงทุนของบริษัทฯ ซึ่งสามารถพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าหรือจำหน่ายเพื่อเสริมสภาพคล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่พึ่งพาการออกหุ้นกู้ชุดใหม่แต่อย่างใด
KUN ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบบนทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่น บางบัวทอง, พระราม 2 และ รังสิต ซึ่งเป็นทำเลต่อเนื่องจากการขยายตัวของเมือง และ เชื่อมโยงกับโครงข่ายคมนาคมหลัก โดยบริษัทฯมองเห็นโอกาสนี้ล่วงหน้าและวางแผนการลงทุนที่ดินในระยะยาว สามารถสร้างเพิ่มศักยภาพในการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีโครงการที่บริษัทกำลังพัฒนา ได้แก่ โครงการคุณาลัย เพอร์ร่า, โครงการนาวาร่า พระราม 2, โครงการนาวาร่า รังสิต – คลอง 2 ซึ่งได้รับความสนใจจากตลาดอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงถึง 35–40% อีกทั้งยังมีการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณด้านหน้าโครงการ เพื่อสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เพิ่มเติมในระยะยาว
“บริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการในลักษณะ ‘สร้างเมือง สร้างชุมชน’ โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมคุณภาพชีวิต และ มีความคุ้มค่าในลงทุน ซึ่งบ้านทุกหลังของ KUN จะไม่ใช่เพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่คือการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพในชุมชนที่น่าอยู่ และ เข้าถึงได้ในราคาที่สมเหตุสมผล เพื่อสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาที่อยู่อาศัยบริเวณนอกเมือง ที่มีความสงบและเป็นส่วนตัว พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ระบบโครงสร้างพื้นฐานและการดูแลสุขภาพครบครัน แต่ยังสามารถเดินทางเข้าเมืองได้อย่างสะดวกสบาย” นางประวีรัตน์ กล่าว
ก.ล.ต. อนุมัติแบบไฟลิ่ง เตรียมเสนอขายหุ้นกู้บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ครั้งที่ 1/2568 อายุ 2 ปี 7 เดือน อัตราดอกเบี้ย 7.15% ต่อปี เสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 17-19 มิ.ย.นี้ เผยตัวเลขผลประกอบการ สภาพคล่องแข็งแกร่ง หนี้สินต่ำ พร้อมเดินหน้าขยายโครงการใหม่ต่อเนื่อง หลังบรรลุเป้าหมายขยายกำลังการผลิตแตะ 1,000 เมกะวัตต์
นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมอันดับ 1 ของไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2568 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้เพื่อเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ครั้งที่ 1/2568
โดยหุ้นกู้ชุดดังกล่าวมีอายุ 2 ปี 7 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2571 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 7.15 ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ เสนอขายแก่กลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ในช่วงระหว่างวันที่ 17-19 มิ.ย. 2568 และออกตราสารหุ้นกู้ในวันที่ 20 มิ.ย. 2568
วัตถุประสงค์ในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อใช้สำหรับการลงทุนในโครงการอื่นที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นการขยายกิจการ และลงทุนในโครงการใหม่ รวมถึงเพื่อเป็นเงินสำหรับการให้กู้ยืมเงิน หรือ ชำระหนี้ภายในกลุ่มบริษัท อีกทั้งเป็นเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น
![]()
นายณัฐพศิน กล่าวว่า บริษัทฯ มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งมาอย่างต่อเนื่อง มีรายได้รวมมากกว่า 10,000 ล้านบาท ติดต่อกัน 5 ปี มีกำไรสุทธิมากกว่า 5,000 ล้านบาท มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานมากกว่า 9,000 ล้านบาท ติดต่อกัน 4 ปี และมีหนี้สินในระดับต่ำ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ในปี 2567 อยู่ที่ 0.74 เท่า และลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ 0.71 เท่า ในไตรมาส 1/2568 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 1.4 เท่า
“จากกระแสเงินสดที่บริษัทฯ สร้างได้อย่างแข็งแกร่ง บริษัทฯ สามารถบริหารสภาพคล่องได้อย่างดีเยี่ยม โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ชำระหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (IBD) รวมกว่า 14,200 ล้านบาท หรือเฉลี่ยมากกว่า 4,700 ล้านบาทต่อปี ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) จึงอยู่ในระดับต่ำ และลดลงต่อเนื่อง ปี 2565-67 อยู่ที่ 1.29 เท่า 0.98 เท่า และ 0.71 เท่า ตามลำดับ”
ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการพลังงานลมที่เปิดดำเนินการแล้ว 8 แห่ง กำลังการผลิตติดตั้ง 717 เมกะวัตต์ และมีโครงการใหม่ที่ได้รับการคัดเลือกจากภาครัฐจำนวน 4 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งตามสัญญา 299 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ช่วงปี 2570 – 2573 เมื่อแล้วเสร็จจะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,016 เมกะวัตต์
“บริษัทฯ ได้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ในปี 2564 ว่าภายใน 5 ปี จะดำเนินการขยายกำลังการผลิตจาก 717 เมกะวัตต์ เพิ่มให้ถึง 1,000 เมกะวัตต์ จากนี้จะเดินหน้าตามแผนการขยายธุรกิจ โดยเข้ายื่นประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนใหม่ ในทุกรอบที่ภาครัฐเปิดประมูล ภายใต้เป้าหมายระยะยาวคือ เพิ่มกำลังการผลิตไปให้ถึง 2,000 เมกะวัตต์ และ เพิ่มระดับรายได้ที่ 20,000 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2580 สอดคล้องกับกรอบเวลาของแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยปี 2567-2580 (PDP2024)”
ทั้งนี้ หุ้นกู้ WEH ครั้งที่ 1/2568 จะเสนอขายผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ จำนวน 8 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยมี ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้ และ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
ณุศาศิริ” เดินหน้าฟ้องอดีตกรรมการและผู้บริหารเพิ่มเติม หลังดำเนินการฟ้องไปแล้ว 3 คดี ทั้งทางแพ่งและอาญา โดยเป็นคดีหมายเลข อ1747/2567, พ1882/2567 และ พ1775/2567 ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหารในหลายข้อหา ทางบริษัทมั่นใจว่าการกล่าวโทษจาก ก.ล.ต. จะช่วยเร่งกระบวนการเรียกคืนทรัพย์สินของบริษัทได้เร็วขึ้น และยืนยันว่ากระบวนการเหล่านี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ บริษัทติดตามและตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ ย้ำว่าธุรกิจยังแข็งแกร่ง ฐานการเงินมั่นคง มีสภาพคล่องเพียงพอ นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนในอนาคต
นายณัฐพศิน เชฏฐ์อุดมลาภ กรรมการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA เปิดเผยว่าตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกข่าวฉบับที่ 198/2567 และกล่าวโทษกรรมการ อดีตกรรมการ และผู้บริหารของ NUSA ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษในกรณีธุรกรรมที่เข้าลงทุนซื้อโรงแรมในต่างประเทศในราคาที่ไม่สมเหตุสมผล รวมถึงการขายห้องชุดของบริษัทในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน การผ่องถ่ายเงินจากบริษัทเข้าบัญชีส่วนตัว และการแสดงข้อมูลเท็จต่อเจ้าหน้าที่
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2567 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ได้มีมติให้ดำเนินคดีกับกรรมการและอดีตกรรมการของบริษัททุกคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางแพ่งและอาญา เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายคืนให้แก่บริษัท โดยทางทนายความกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอย่างเป็นทางการ
ทางบริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทางการเงินอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าบริษัทมีแผนธุรกิจที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ เพื่อสร้างยอดขาย สร้างรายได้ และเดินหน้าสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนในอนาคต พร้อมกับการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
นางสาวเกรซี่ เฉิน (Gracy Chen) กรรมการผู้จัดการของ บิตเก็ต (Bitget) แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีและบริษัท Web3 ชั้นนำของโลก เปิดเผยว่าไตรมาส 2/2567 ที่ผ่านมาส่วนแบ่งการตลาดของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแบบ Centralize Exchange ของ Bitget อยู่ในอันดับสูงสุดที่อัตราเติบโต 38.4% จากการเปิดเผยของ CCData ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มกลางที่รวบรวมข้อมูลของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด โดยผู้เล่นรายอื่นอย่าง Crypto.com และ Bybit มีอัตราการเติบโตที่ 24.6% และ 22.2% ตามลำดับ ส่วนผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Coinbase, OKX และ KuCoin มีการลดลงเมื่อเทียบกับ CEX
![]()
"การเติบโตของ Bitget มาจากชุมชนผู้สนับสนุนและผู้ใช้งานที่มั่นใจในความเข้มแข็งของแพลตฟอร์มและความมุ่งมั่นในการให้บริการผู้ใช้ของเรา การวิเคราะห์ภายในล่าสุดของเรายังบ่งบอกถึงอัตราการเติบโตที่เร็วขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่คนทั่วไปเริ่มเข้าถึงตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้น" นางสาวเกรซี่ เฉิน กล่าว
CCData ยังเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่าหลังจากที่ ก.ล.ต.สหรัฐฯได้อนุมัติกองทุน ETF ของ Bitcoin และ Ethereum ในครึ่งปีแรก ทำให้อุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความเชื่อมั่นมากขึ้นเห็นได้จากอัตราการเปิดสถานะของตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น 30.5% รวมถึงการซื้อขายในตลาด Spot และอัตราการระดมทุนที่มีทิศทางเชิงบวกเนื่องจากเทรดเดอร์มองหาโอกาสในการทำกำไรจากการอนุมัติ Ethereum Spot ETF อย่างกะทันหันในสหรัฐฯ
โดย Bitget มีการเติบโตสูงกว่าการเติบโตของผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดซื้อขายอนุพันธ์ทั้งหมด โดยมีการเพิ่มขึ้นของการเปิดสถานะตราสารอนุพันธ์ 39.2% ในขณะที่ผู้เล่นรายใหญ่อื่น เช่น Binance และ OKX มีการเพิ่มขึ้น 33.2% และ 22.1% ตามลำดับ
นอกจากนี้ตามข้อมูลของ Similarweb แพลตฟอร์ม Bitget มีอัตราการเข้าชมเพิ่มขึ้น 50% โดยตลาดหลักมาจากภูมิภาค CIS (กลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต) ตามด้วยตลาดลาตินอเมริกาและเอเชียใต้
รายงานความโปร่งใสไตรมาสที่ 2/2567 ของ Bitget ยังได้เปิดเผยทุนสำรองของ Bitget อย่างโปร่งใสแสดงให้เห็นว่าในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา จำนวนการถือครองของผู้ใช้ใน BTC, USDT, ETH เพิ่มขึ้น 73%, 80% และ 153% ตามลำดับ ซึ่งบ่งชี้ถึงเงินทุนไหลเข้าเกือบ 700 ล้านดอลลาร์
ตามข้อมูลบน DeFiLama ในเดือนมิถุนายน Bitget บันทึกเงินทุนไหลเข้าสูงสุดที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ แซงหน้าการไหลเข้าของ Binance, OKX, Bybit และตลาดซื้อขายรายใหญ่รายอื่น ๆ CCData ไม่ใช่ผู้ให้บริการข้อมูลรายเดียวที่เน้นย้ำถึงการเติบโตและศักยภาพของ Bitget เมื่อเร็ว ๆ นี้ Forbes ได้จัดอันดับโทเค็น Bitget (BGB) เป็นหนึ่งใน 10 โทเค็นที่มีผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดในปี 2024 โดยเพิ่มขึ้น 100% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024
“ผลงานที่เติบโตขึ้นนี้มาจากความพยายามของเราที่จะให้บริการกับลูกค้าที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วโลกรวมถึงมาตราการทำงานที่ได้มาตราฐานเพื่อที่จะเติบโตไปพร้อมกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่ปีนี้มีแนวโน้มเชิงบวก” นางสาวเกรซี่ เฉิน กล่าว