November 25, 2024

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยี ชั้นนำอันดับ 1 ของไทย และอันดับ 1 ของโลกด้านความยั่งยืน ด้วยคะแนน DJSI 2023 สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ประกาศดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดใหม่ 5 ชุด อายุตั้งแต่ 2 ปี ถึง 10 ปี ผลตอบแทนระหว่าง 2.95-4.00% ต่อปี ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง ตอกย้ำสถานะที่แข็งแกร่งของ TRUE ที่มีความมั่นคงทั้งในธุรกิจโทรคมนาคม และธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล คาดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 21 - 22 และ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 โดยมีธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบี ยูโอบี บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ รวมถึงการขายผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือ ชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นกู้ TRUE ชุดใหม่ ต่อประชาชนเป็นการทั่วไป (Public Offering) ซึ่งเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ และหุ้นกู้อยู่ที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 คาดว่าจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 21 – 22 และ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ โดยอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ TRUE ชุดใหม่ ทั้ง 5 ชุด มีดังนี้

1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.95% ต่อปี

2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.40% ต่อปี

3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.70% ต่อปี

4. หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.86% ต่อปี

5. หุ้นกู้ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.00% ต่อปี

ซึ่งเฉพาะรุ่นอายุ 10 ปี ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดได้ตั้งแต่หุ้นกู้ครบปีที่ 5 เป็นต้นไป

นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทรู คอร์ปอเรชั่น ประสบความสำเร็จและสามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย EBITDA เติบโตเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน พร้อมทำกำไร (หลังรายการปรับปรุง) ในไตรมาส 3/2567 ถึง 3,107 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ IC) 41,509 ล้านบาท เติบโต 4.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเติบโตของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และออนไลน์ ตลอดจนการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ EBITDA ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ระดับ 24,981 ล้านบาท เติบโต 16.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน หรือเติบโต 2.7% จากไตรมาสก่อน นอกจากนี้อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการยังปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่การควบรวมกิจการที่ 60.2% โดยทรูจะยังคงมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและการผสานปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เพื่อยกระดับการบริการลูกค้าและการบริหารงานภายใน พร้อมมุ่งมั่นสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าเราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี”

การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้คืนหนี้หุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระ (Refinancing) โดยหุ้นกู้ TRUE ชุดใหม่มีอายุระหว่าง 2 ปี ถึง 10 ปี เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่ม โดยนักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะสั้นสามารถเลือกลงทุนในรุ่น 2 ปี ถึง 3 ปี สำหรับนักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะกลางก็อาจเลือกลงทุนในรุ่น 5 ปี หรือนักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะยาวและต้องการรับดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอเพื่อนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็อาจเลือกลงทุนในรุ่น 7 ปี และ 10 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า

หุ้นกู้ TRUE เป็นอีกหนึ่งโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ และคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนครั้งที่ผ่านมาซึ่งมีผู้ลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจจองซื้อครบเต็มจำนวน สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นกู้ที่มีความมั่นคง โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์ตลาดหุ้นกู้ผันผวน และในช่วงดอกเบี้ยขาลง ดังเช่นการที่ธนาคารแห่งประเทศ

ไทยได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนนโยบายลง 0.25% จาก 2.50% เป็น 2.25% เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ดอกเบี้ยนโยบายยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง การลงทุนในหุ้นกู้ TRUE ถือเป็นโอกาสให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนคงที่ในระยะยาวได้

ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 7 แห่ง ได้แก่

• ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking

• ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02 888 8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

• ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777 6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

• ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626 7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai

• ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 285 1555

• บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02 680 4004

• บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02 165 5555 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปฯ Dime! และรวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)

สำหรับผู้สนใจจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet สามารถศึกษาเพิ่มเติมถึงรายละเอียด ขั้นตอน และวิธีการสมัคร TrueMoney Wallet Application และวิธีการจองซื้อ ได้ที่เว็บไซต์ www.truemoney.com หรือติดต่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด โทร. 1240 กด 6

 บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) บริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย ประกาศอัตราดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้อายุ 3 ปี ที่จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไปในระหว่างวันที่ 2-4 กันยายน 2567 ที่ 5.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยสามารถจองซื้อผ่านสถาบันการเงิน 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง บล.บลูเบลล์ บล.เอเซีย พลัส และบล.หยวนต้า อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ BBB- เป็น “ระดับลงทุน” ซึ่งสะท้อนขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ ในการรับงานก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐขนาดใหญ่ มั่นใจตอบโจทย์ผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่ดี ในบริษัทที่มีความมั่นคง ด้วยมูลค่างานในมือ (Backlog) เกือบ 5 หมื่นล้านบาท ที่สามารถทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2571   

นายเติมพงษ์  เหมาะสุวรรณ  รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ บริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ กำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี ในอัตรา 5.50% ต่อปี โดยจะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป ในระหว่างวันที่ 2-4 กันยายน 2567 ผู้สนใจสามารถจองซื้อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด  บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด  

“นอกเหนือจากอัตราผลตอบแทนที่จูงใจผู้ลงทุนแล้ว ที่ผ่านมาผู้ที่เคยลงทุนในหุ้นกู้ UNIQ มีความพึงพอใจที่ได้รับดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 3 เดือน ไม่เคยมีประวัติผิดนัดหรือเลื่อนชำระดอกเบี้ย ซึ่งทำให้มั่นใจว่า หุ้นกู้ชุดใหม่นี้จะได้รับความสนใจและการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งอายุหุ้นกู้ 3 ปี เป็นรุ่นที่ตรงกับความต้องการของผู้ลงทุนส่วนใหญ่ด้วย” นายเติมพงษ์กล่าว 

 

ทั้งนี้ หุ้นกู้ UNIQ ชุดนี้ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ BBB- จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็น “ระดับลงทุน” (Investment grade) ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือองค์กรอยู่ที่ BBB ซึ่งสะท้อนขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ ในการรับงานก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐขนาดใหญ่และมีมูลค่างานในมือ (Backlog) จำนวนมาก โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มีมูลค่างานคงเหลือที่รอการส่งมอบและรับรู้รายได้จำนวน 49,574.45 ล้านบาท ซึ่งสามารถทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2571 ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 34.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ถึง 133.41% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่บริษัทฯ มีโครงการที่มีลักษณะการทำงานคล้ายๆ กัน ทำให้การบริหารรวมถึงการใช้เครื่องจักรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการซื้อวัสดุก่อสร้างในปริมาณมากๆ ทำให้บริษัทฯ มีขีดความสามารถในการจัดซื้อวัสดุก่อสร้างในราคาที่ลดลงได้ 

นอกจากนี้ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะส่งผลดีกับบริษัทฯ ในระยะต่อไปอีกด้วย โดยบริษัทฯ ได้เข้าร่วมประมูลงานต่างๆ ของภาคราชการและรัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่าจะได้รับงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเชี่ยวชาญของ UNIQ ที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย ที่มีความสามารถดำเนินโครงการขนาดใหญ่ มูลค่าโครงการสูง หรือเป็นโครงการที่ต้องอาศัยความชำนาญหรือเทคโนโลยีเฉพาะด้าน  เช่น สถานีกลางบางซื่อ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างสะพานโครงสร้างเหล็กและสะพานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก งานก่อสร้างอุโมงค์รถยนต์ลอดใต้ทางแยก งานก่อสร้างทางพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กและแอลฟัลท์ติกคอนกรีต งานระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน ทั้งไฟฟ้า ประปา และโทรศัพท์  

ผู้ลงทุนที่สนใจหุ้นกู้ UNIQ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อสถาบันการเงินที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังนี้ 

สำหรับผู้ลงทุนทุกประเภท (ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน) 

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือโทร 0-2111-1111 โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Money Connect by Krungthai บนแอปพลิเคชัน Krungthai Next 

ซีพี ออลล์” ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น  เซเว่น เดลิเวอรี่ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เตรียมออกหุ้นกู้เสนอขายแก่ประชาชนเป็นการทั่วไป จำนวน 4 ชุด อายุหุ้นกู้ตั้งแต่ 4 ปี 4 วัน ถึง 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง 3.05 – 3.75% ต่อปี โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายครั้งนี้ได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ระดับ “AA-” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นของบริษัท ทั้งจากระดับกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นและอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่ลดลง เตรียมเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 19 - 21 สิงหาคม 2567 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 4 แห่ง รวมถึงขายผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet พร้อมเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังมิจฉาชีพหลอกลงทุน 

นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ซีพี ออลล์” กำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 4 ปี 4 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.05% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.20% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 8 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.55% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.75% ชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 6 เดือน โดย“ซีพี ออลล์” จะเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป ระหว่างวันที่ 19-21 สิงหาคม 2567 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ รวมทั้งเสนอขายผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet 

หุ้นกู้ “ซีพี ออลล์” ที่จะเสนอขายในครั้งนี้ ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 มาอยู่ที่ระดับ “AA-” แนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “คงที่” (Stable) จากระดับ “A+” สะท้อนถึงสถานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น มีระดับกำไรที่ปรับตัวดีขึ้น และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่ลดลง และยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จากการมีสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และมีธุรกิจสนับสนุนที่เข้มแข็ง รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ 

ด้านสถาบันการเงินผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ เชื่อมั่นว่าหุ้นกู้ “ซีพี ออลล์” จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากธุรกิจของ “ซีพี ออลล์” ซึ่งเป็นที่รู้จักในแบรนด์ “เซเว่น อีเลฟเว่น” เป็นแบรนด์ที่ประชาชนทั่วไปคุ้นเคย เข้าถึงสินค้าและบริการได้สะดวกในทุกช่องทาง ขณะเดียวกัน ผู้ลงทุนยังมั่นใจในโอกาสและศักยภาพการเติบโตของ“ซีพี ออลล์” ซึ่งการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ มั่นใจว่า ด้วยอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ “ซีพี ออลล์” ภายใต้อันดับความน่าเชื่อถือใหม่ที่ปรับเพิ่มมาอยู่ระดับ “AA-” แนวโน้มเป็น “คงที่” (Stable) จะเพิ่มความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นอีกสำหรับผู้ลงทุนที่มองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ พร้อมขอเน้นย้ำเพิ่มเติมให้ผู้ลงทุนโปรดระวังมิจฉาชีพที่แอบอ้างชื่อ “ซีพี ออลล์” หลอกลงทุน โดยนำเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริงผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook และแอปพลิเคชั่น LINE เป็นต้น ทั้งนี้ ช่องทาง CP ALL ของจริง ต้องมีสัญลักษณ์ติ๊กถูกสีฟ้า (Verified Account) เท่านั้น  

ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้ “ซีพี ออลล์” ที่ต้องการความมั่นใจว่าจะไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ สามารถสอบถามผ่านสถาบันการเงินทั้ง 4 แห่งที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL บริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ "A" ต่อประชาชนในระหว่างวันที่ 1-4 กรกฎาคม 2567 ประกาศอัตราดอกเบี้ยสำหรับช่วง 5 ปีแรกไว้ที่ 6.10% ต่อปี และจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดเดิมของ อินโดรามา เวนเจอร์ส ที่จะมีอายุครบ 5 ปีในเดือนพฤศจิกายน 2567

สถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ เปิดเผยว่า หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ นี้ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี ด้วยปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญอย่างอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ที่ระดับ “A” และอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ที่ “AA-” แนวโน้ม “คงที่” จัดอันดับโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 ซึ่งสะท้อนสถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง รวมทั้งเส้นทางการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ อัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจก็เอื้อต่อการลงทุนในช่วงเวลาที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ประวัติการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ที่ผ่านมาของ อินโดรามา เวนเจอร์ส ซึ่งมีการไถ่ถอนทุกห้าปีและจ่ายดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ ยังเพิ่มความน่าสนใจให้กับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ครั้งนี้ด้วย

หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ อินโดรามา เวนเจอร์ส จัดจำหน่ายผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส และ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต

“เรามั่นใจว่าหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ของ อินโดรามา เวนเจอร์ส จะตอบโจทย์ผู้ลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสการลงทุนระยะยาว ด้วยผลตอบแทนที่เอื้อกับสถานการณ์ที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลง” สถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าว

ทั้งนี้ อินโดรามา เวนเจอร์ส เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก โดยมีโรงงานกว่า 140 แห่งในกว่า 30 ประเทศ ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก ทั้งเอเชียแปซิฟิก อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป และแอฟริกา ภายใต้วิสัยทัศน์ของอินโดรามา เวนเจอร์ส ที่มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ผลิตเคมีภัณฑ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับชีวิตของผู้คนนับหลายพันล้านในทุกๆ วัน ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ถูกนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อาหารและเครื่องดื่ม สุขอนามัย การดูแลส่วนบุคคล อุตสาหกรรมยานยนต์ และอื่นๆ อีกมากมาย ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ขั้นต้น ซึ่งรวมถึงสารเคมีที่จำเป็นในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ไปจนถึง

ผลิตภัณฑ์ขั้นปลาย อาทิ เส้นใย เส้นด้าย และเม็ดพลาสติก PET ที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% ซึ่งใช้ในหลากหลายสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน

 

ในไตรมาสแรกของปี 2567 อินโดรามา เวนเจอร์ส มี EBITDA เท่ากับ 366 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมีสินทรัพย์ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 รวมมูลค่ากว่า 627,000 ล้านบาท โดยทริสเรทติ้งให้มุมมองว่า ผลการดำเนินงานและการเงินของ อินโดรามา เวนเจอร์ส น่าจะมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2567 เป็นต้นไป

นักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ของ อินโดรามา เวนเจอร์ส สามารถติดต่อผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังนี้

- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Bangkok Bank Mobile Banking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา

- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Money Connect by Krungthai บนแอปพลิเคชัน Krungthai Next

- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) * โทร. 02-888-8888 กด 869

- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ** โทร. 02-777-6784

- ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-626-7777

- บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) )*** โทร. 02-165-5555

- บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร.02-695-5000

- บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050

- บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351-59

- บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร 02-680-4004

- บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร 02-779-9000

* ซึ่งรวมถึง บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

** ซึ่งรวมถึง บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

***ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)

17 เมษายน 2567 : ช.การช่าง เคาะผลตอบแทนหุ้นกู้ 4 ชุด อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.40% ต่อปี อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.61% ต่อปี อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.78% ต่อปี และอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.10% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยจะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปในระหว่างวันที่ 25-29 เมษายน 2567 ผ่านสาขาและช่องทางออนไลน์ของธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทย เผยหุ้นกู้ฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A- แนวโน้ม “คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2567 สะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างและลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน มั่นใจการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐสนับสนุนความแข็งแกร่งของธุรกิจ ขณะที่งานในมือเกือบ 1.3 แสนล้านบาท และผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุน

บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ผู้ดำเนินธุรกิจก่อสร้างที่สามารถรับบริหารโครงการขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนทุกรูปแบบ และมีความสามารถในการพัฒนา ลงทุน และบริหารโครงการสัมปทานระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานขนาดใหญ่ในประเทศและภูมิภาคอย่างครบวงจร กำหนดดอกเบี้ยหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน ประกอบด้วย

หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.40% ต่อปี

หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.61% ต่อปี

หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.78% ต่อปี

หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.10% ต่อปี

กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน และจะเสนอขายช่วงวันที่ 25 - 29 เมษายน 2567 (โดยในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 27-28 เมษายน 2567 จองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น) ผ่านสถาบันการเงิน 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทย โดยหุ้นกู้ชุดที่ 2 - 4 มีเงื่อนไขให้ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดไถ่ถอน ตามเงื่อนไขที่ระบุในข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้

ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวเป็นหุ้นกู้ประเภทชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อีกทั้งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2567 ที่ระดับ

“A-” แนวโน้ม “คงที่” เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กร สะท้อนสถานะของบริษัทฯ ในการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำในประเทศไทย ที่มีความสามารถในการรับงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่และโครงการที่มีความซับซ้อน และมีความยืดหยุ่นทางการเงินที่เกิดจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ รวมถึงโอกาสในการเติบโตจากมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ โดย ณ สิ้นปี 2566 บริษัทฯ มีปริมาณงานในมือที่รอรับรู้รายได้ มูลค่า 128,535 ล้านบาท

นายณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ช.การช่าง เปิดเผยว่า ช.การช่าง เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ใหญ่ที่สุดในหมวดธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้าง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีความสามารถในการด้านก่อสร้างและรับบริหารโครงการขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย ทำให้บริษัทฯ มีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพ

ปัจจุบัน บมจ.ช.การช่าง ดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภท ได้แก่ (1) ธุรกิจการก่อสร้าง ทั้งระบบขนส่งมวลชน ท่าอากาศยาน ถนน ทางด่วน สะพาน พลังงาน ระบบน้ำและท่าเรือ และ (2) ธุรกิจการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภค ด้วยการเป็นผู้ลงทุนพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคด้านต่างๆ โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ประกอบธุรกิจก่อสร้างและบริหารทางพิเศษ รวมถึงบริหารจัดการโครงการระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้า ในสัดส่วน 35.18% บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW ผู้ผลิตจำหน่ายน้ำประปาและบริหารจัดการน้ำเสีย ในสัดส่วน 19.40% และถือหุ้นในบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ผู้ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ในสัดส่วน 30.00% (ข้อมูลโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566)

บมจ. ช.การช่าง ยังได้รับคะแนนประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาวหรือ “ดีเลิศ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2566 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) และได้รับการประเมิน ESG Rating ในระดับ A จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประจำปี 2566 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มีการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนภายใต้หลักธรรมาภิบาลอีกด้วย

“โครงการที่มีอยู่เดิมจะช่วยสร้างความมั่นคง ส่วนโครงการใหม่จะสร้างการเติบโต ซึ่งเรามีพร้อมทั้ง 2 ส่วน ผู้ลงทุนจึงมั่นใจได้ว่า การลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ นั้นเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุน” นายณัฐวุฒิกล่าว

ทางด้านสถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ช.การช่าง กล่าวเพิ่มเติมว่า มั่นใจว่าหุ้นกู้ ช.การช่าง จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุน ด้วยจุดแข็งในหลายด้าน รวมถึงอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A- ซึ่งระดับความเสี่ยงของหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุด ของ ช.การช่าง อยู่ที่ระดับ 3 (จากความเสี่ยงสูงสุดที่ระดับ 8) ประกอบกับผลประกอบการของ ช.การช่าง ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 มีรายได้รวม 14,419 ล้านบาท ปี 2565 มี

รายได้รวม 19,660 ล้านบาท และปี 2566 รายได้รวมเติบโตขึ้นเป็น 37,956 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิปี 2564 – 2566 เท่ากับ 906 ล้านบาท, 1,105 ล้านบาท และ 1,501 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้ ช.การช่าง สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 10,000 บาท สำหรับผู้ลงทุนสถาบัน และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป

โดยติดต่อผ่าน 2 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Bualuang mBanking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 0-2111-1111 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click