‘อินโน พรีคาสท์’ มุ่งสู่ Net Zero ใช้เทคโนโลยีสีเขียว ‘คาร์บอนเคียว’ ผลิตพรีคาสท์คาร์บอนต่ำ รายแรกในวงการอสังหา ล่าสุด คว้า ‘ฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์’ รายแรกและรายเดียวในอุตสาหกรรมพรีคาสท์ในไทย และ ‘ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์’ ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำที่สุดในอุตสาหกรรมเดียวกัน ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดูแลสิ่งแวดล้อม พร้อมเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง ควบคู่การปรับกระบวนการทำงาน เพื่อตอบสนองความต้องการและแก้ปัญหาของลูกค้า

นายพรเทพ ศุภธราธาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด กล่าวว่า อินโน พรีคาสท์ ที่มุ่งมั่นก้าวสู่ Net Zero โดยได้นำเทคโนโลยีคาร์บอนเคียว (CarbonCure) มาใช้ในการผลิตพรีคาสท์คาร์บอนต่ำเป็นรายแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่รวบรวมจากโรงงานปิโตรเคมีฉีดเข้าไปในขั้นตอนการผสมคอนกรีต ซึ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่เป็นตัวการทำลายสิ่งแวดล้อม การผลิตแผ่นพรีคาสท์ด้วยเทคโนโลยีคาร์บอนเคียวจึงช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้อีกทางหนึ่ง

“เทคโนโลยีคาร์บอนเคียวสามารถลดปริมาณการใช้ซีเมนต์ได้ 5% แต่ยังคงประสิทธิภาพความแข็งแกร่งของคอนกรีตได้ตามมาตรฐาน ทำให้ได้บ้านที่มีคุณภาพและแข็งแรง พร้อมกันนี้ ยังลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 3,000 ตันต่อปี” นายพรเทพ กล่าว

นอกจากจะสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนด้าน Heart to Earth ของกลุ่มพฤกษาแล้ว อินโน พรีคาสท์ ได้พัฒนากระบวนการผลิต เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การนำเทคโนโลยี CarbonCure เข้ามาใช้ในการผลิต, การพัฒนาสูตรผสมคอนกรีต, การใช้แนวคิด “ขยะเหลือศูนย์” (Zero Waste) สำหรับเครื่องผลิตเหล็กเสริมอัตโนมัติ และระบบ Concrete Recycling System, การพัฒนาการก่อสร้างด้วยระบบ Hybrid Slab ช่วยลดนํ้าหนักในการขนส่ง และการติดตั้งโซลาร์เซลล์ในโรงงานผลิต เพื่อประหยัดพลังงาน เป็นต้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ อินโน พรีคาสท์ ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ถึง 2 ประเภท ในเดือนพฤษภาคม 2567 ได้แก่ ฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint Reduction) ซึ่งนับเป็นรายแรกและรายเดียวในอุตสาหกรรมพรีคาสท์ในประเทศไทย และ ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product) ซึ่ง อินโน พรีคาสท์ เป็นผู้ผลิตพรีคาสท์ที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยการผลิตต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์เดียวกันของผู้ผลิตรายอื่น ที่ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ ซึ่งชิ้นงานผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Product Wall) ได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 426.34 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e) ต่อผนังคอนกรีต 1 ลูกบาศก์เมตร (m3) โดยในปี 2566 ที่ผ่านมาสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 3,700 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e)

นายพรเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มพฤกษาได้กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% ภายในปี 2573 และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อินโน พรีคาสท์ มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมและปรับกระบวนการทำงานอย่างไม่หยุดยั้ง  เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาของลูกค้า อีกทั้งยังมีเป้าหมายที่ต้องการส่งมอบการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ยกระดับชีวิตของผู้คนในสังคม ซึ่งสอดคล้องตามกรอบแนวคิด อยู่ดี มีสุข ของกลุ่มพฤกษาด้วยเช่นกัน

พฤกษา โฮลดิ้ง แตกไลน์ธุรกิจรับเทรนด์ตลาดซูเปอร์มาร์เก็ต็ต็Hออนไลน์ ปั้น ‘Clickzy Mart’ แพลตฟอร์มเดลิเวอรีรวมสินค้าอุปโภค บริโภค ของกินของใช้ เชื่อมต่อผู้บริโภคและร้านค้าใกล้บ้าน ให้ซื้อขายได้ง่ายขึ้นใน ‘คลิก’ เดียว จัดส่งรวดเร็ว แก้ Pain Points ผู้บริโภคกลุ่ม Millennials หรือ Gen Y ที่มีเวลาจำกัด ต้องเผชิญปัญหาการจราจร ความแออัดของร้านค้า เครียดกับการแพลนเรื่องมื้ออาหาร และระบบการจัดส่งแบบเก่าที่ต้องเลือกเวลารวมทั้งมีค่าจัดส่งที่สูง พร้อมส่งเสริมร้านค้าหรือผู้ประกอบการรายเล็กในท้องถิ่นให้มีรายได้เพิ่ม คาดผลตอบรับดี ปี 67 ตั้งเป้าโกยรายได้ 70 ล้านบาท

นายบุญไทย แก้วโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเนอร์จี โกรท จำกัด ผู้บริหารกลุ่มงานสตาร์ทอัพ ในเครือ พฤกษา โฮลดิ้ง กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าราว 50 ล้านล้านบาท ในปี 2570  ขณะที่ผู้บริโภคกลุ่ม Millennials หรือ Gen Y (อายุ 25-40 ปี) ซึ่งเป็นฐานผู้บริโภคสำคัญ อยู่ในวัยทำงาน และมีกำลังซื้อ มักต้องเผชิญกับปัญหาการขาดเวลา ปัญหาการจราจรบนท้องถนน ความแออัดของร้านค้า ความเครียดที่เกิดจากการตัดสินใจว่าจะทำอาหารอะไรในแต่ละวัน ตลอดจนปัญหาจากการจัดส่งแบบเก่าที่ต้องเลือกเวลาในการจัดส่ง และมีค่าจัดส่งที่สูง ขณะที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ซึ่งเติบโตมาในยุคดิจิทัล ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย การประหยัดเวลา และสนใจสิ่งแวดล้อม โดยมีการใช้เวลาบนโลกออนไลน์เฉลี่ย 8 ชั่วโมง 55 นาทีต่อวัน และพร้อมที่จะลงทุนในสินค้าและประสบการณ์ที่เพิ่มคุณภาพชีวิตและความสุขของตนเอง จึงเป็นที่มาที่ทำให้ พฤกษา โฮลดิ้ง ตัดสินใจเพิ่มบริการเดลิเวอรี Clickzy Mart (คลิกซิมาร์ท) ภายใต้แนวคิด Local Market and Premium Healthy Groceries’ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่และมุ่งเน้นส่งเสริมร้านค้าท้องถิ่นให้มีรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมการจัดส่งที่รวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง*  ซึ่งสอดคล้องตามกรอบแนวคิด ‘อยู่ดี มีสุข’ ของกลุ่มพฤกษา โฮลดิ้ง  

Clickzy Mart เป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ www.clickzy.com ในรูปแบบ Hyperlocal Marketplace ที่รวบรวมสินค้าเอาไว้มากมาย เพียงคุณมีคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือโทรศัพท์มือถือ ก็สามารถช้อปปิงที่ Clickzy Mart ได้จากทุกที่ตลอด 24 ชม. และเรายังมีระบบบริการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วทันใจ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไร จะสั่งเยอะ สั่งน้อย Clickzy Mart ก็พร้อมบริการจัดส่งให้ถึงมือ นอกจากนั้น เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ เลือกช็อปสินค้าได้แบบไร้กังวล Clickzy Mart ยังมีฟังก์ชันดีๆ ไว้ให้บริการ ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า เพียงแค่เลือกสินค้าที่ต้องการแล้วกดเปรียบเทียบราคาได้เลยง่ายๆ ทั้งนี้ สำหรับ Clickzy Mart นอกจากจะมุ่งมั่นช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้แก่ผู้บริโภค เรายังมุ่งเน้นที่จะส่งเสริมให้ร้านค้าหรือผู้ประกอบการรายเล็กในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการที่ผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการบนแพลตฟอร์มของเราด้วย” นายบุญไทย กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซินเนอร์จี โกรท ยังกล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับสินค้าที่นำมาให้เลือกสรรบนแพลตฟอร์มของ Clickzy Mart มีทั้งสินค้าจากร้านค้าในท้องถิ่นใกล้บ้านลูกค้า ตลอดจนสินค้าอุปโภค บริโภค  ระดับพรีเมียมจาก Villa Market ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ Clickzy Mart โดยกลุ่มลูกค้าของ Clickzy Mart หลักๆ คือผู้บริโภคกลุ่ม Millennials หรือ Gen Y รวมถึงผู้ที่ต้องการใช้บริการซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ที่มีคุณภาพ สะดวก รวดเร็วทันใจ ซึ่งในปีนี้ Clickzy Mart จะเริ่มให้บริการลูกค้าในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนกลางก่อน และจะปูพรมขยายบริการไปยังพื้นที่ต่างๆ ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (รวม 79 พื้นที่) ในปี 2568  

“จากการที่ Clickzy Mart สามารถช่วยแก้ Pain Points ของลูกค้าในด้านต่างๆ รวมถึงจุดเด่นในเรื่องของสินค้าที่มีความหลากหลายในราคาที่เหมาะสม การจัดส่งที่รวดเร็วทันใจ และยังเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้ร้านค้าหรือผู้ประกอบการรายเล็กในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น เชื่อว่า Clickzy Mart จะได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยในปี 2567 คาดว่า Clickzy Mart จะสร้างรายได้ประมาณ 70 ล้านบาท และคาดว่าจะโตขึ้นอีก 200% ในปีหน้า สอดคล้องกับเทรนด์ของตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว” นายบุญไทย กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์บนแพลตฟอร์มที่รวมสินค้าอุปโภค บริโภค ของกินของใช้จากร้านค้าใกล้บ้าน พร้อมการจัดส่งที่รวดเร็ว สามารถสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิก Clickzy Mart ได้ที่ https://clickzymart.com/ ซึ่งสำหรับลูกค้าใหม่ รับส่วนลดทันที 50 บาท ไม่มียอดสั่งซื้อสินค้าขั้นต่ำ เพียงใส่โค้ด "CMNM50" ตั้งแต่วันนี้-31 ส.ค. 2567

เดินเกมแตกไลน์ธุรกิจนำเข้าสมาร์ตเฟอร์นิเจอร์จาก ซันเรย์ แบรนด์ใหญ่สิงคโปร์

พร้อมผนึกพันธมิตรในเครือส่งมอบความพิเศษ สร้างปรากฏการณ์แลนด์มาร์กสีรุ้งใหม่ ใจกลางอารีย์ ที่ชวนทุกคนมาปลุกพลังความมั่นใจในตัวเอง ฉลอง Pride Month

รณรงค์ลูกบ้าน 31 โครงการ คัดแยกขยะ สร้างสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่ เพื่อโลกที่ยั่งยืน

Page 1 of 20
X

Right Click

No right click