สภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย หน่วยเผยแพร่ศีลธรรมทางพระพุทธศาสนา (นศพ.) กรมศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ โครงการ "Phenix" (ฟีนิกซ์) แหล่งรวมอาหารและสุดยอดความอร่อยใจกลางเมืองย่านประตูน้ำ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC จัดกิจกรรมพิเศษเนื่องในโอกาสอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากวัดมหาปชาบดีโคตมี ใกล้ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล มาประดิษฐานชั่วคราว ณ ประเทศไทย เป็นครั้งแรก ณ โครงการ “Phenix”
เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลแก่ประชาชนและประเทศชาติ รวมถึงพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ภายในงานมีพระอาจารย์สินทรัพย์ จรณธัมโม วัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์, นายธนพล พรหมสุวงษ์ เลขานุการกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ร่วมด้วย ดร.รุ่งทิพย์ ส่องพราย ประธานอนุกรรมการกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ดร.ศุภาชัย ผ่องสวัสดิโสภาค ประธานกรรมการสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนา หน่วยเผยแพร่ศีลธรรม กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม, ดร.เขมชาติ ปริญญานุสรณ์ (อ.คฑา ชินบัญชร) ที่ปรึกษาอนุกรรมการฝ่ายกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน), นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี, นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี, นายไมเคิล ฮาริท หัวหน้าคณะกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียล บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) และนายอัศวิน คำแวง กรรมการผู้จัดการ-ฟีนิกซ์ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมพิธี โดยมีนายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล รับหน้าที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐานยังบุษบก ทั้งนี้ผู้สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ สามารถร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุฯ ได้ในระหว่างวันที่ 7 – 15 กันยายน 2567 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ Commonspace ชั้น G โครงการ "Phenix" ประตูน้ำ
นายธนพล พรหมสุวงษ์ เลขานุการกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนาธรรม กล่าวว่า "กรมศาสนามีภารกิจสำคัญในการส่งเสริม ทำนุบำรุง และอุปถัมภ์คุ้มครองศาสนาต่างๆ ที่ทางราชการให้การรับรอง ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมของประชาชนในประเทศไทย ดังนั้นจึงรู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับ AWC และโครงการ ‘Phenix’ ในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศเนปาลมาประดิษฐานยังประเทศไทยในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาของเมืองไทย ที่จะเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ จากดินแดนพุทธภูมิ อันจะนำมาซึ่งความร่มเย็นเป็นสุขของแผ่นดิน"
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "พิธีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกอย่างเป็นทางการจากประเทศเนปาลมาสู่ประเทศไทย โดยมาประดิษฐานชั่วคราว ณ โครงการ Phenix ของกลุ่ม บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ นับเป็นความสิริมงคลอย่างยิ่งในการสืบสานพระพุทธศาสนา และเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยและทั่วโลกได้มากราบสักการะบูชา โดยเรามุ่งหวังว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันผ่านความศรัทธาและวัฒนธรรมอันดีงาม รวมถึงเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับทางโครงการฯ และผู้ประกอบการในพื้นที่ประตูน้ำ ในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจด้านการค้า และการท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่มีทั้งคนไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเยือนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงอยากเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติสืบไป"
กิจกรรมพิเศษเนื่องในโอกาสอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (สัณฐานทั่วไป) จากวัดมหาปชาบดีโคตมี ใกล้ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล มาประดิษฐานชั่วคราว ณ Commonspace ชั้น G โครงการ "Phenix" ประตูน้ำ เป็นความร่วมมือของสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย หน่วยเผยแพร่ศีลธรรมทางพระพุทธศาสนา (นศพ.) กรมศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ AWC และโครงการ “Phenix” บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จํากัด (มหาชน) และพันธมิตรในโครงการ "Phenix" พร้อมกิจกรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนาสำหรับพุทธศาสนิกชน ประกอบไปด้วย พิธีเจริญพระพุทธมนต์ พิธีเวียนเทียน สักการะบรมสารีริกธาตุ ถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ และพิธีเจริญจิตตภาวนา เจริญพุทธานุสติ
ทั้งนี้ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญครั้งแรกของเมืองไทย เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ได้อิ่มบุญพร้อมกับอิ่มอร่อยกับร้านอาหารหลากหลายที่ “Phenix” โดยสามารถร่วมพิธีกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมเจริญจิตตภาวนา และเจริญพุทธานุสติได้ ในระหว่างวันที่ 7 – 15 กันยายน 2567 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ Commonspace ชั้น G โครงการ “Phenix” ประตูน้ำ
บรรยากาศงานประกาศผลการแข่งขันเฟ้นหาสุดยอดทีมเชฟเยาวชนนานาชาติ “Thailand World Junior Chef Battle 2024” ในคอนเซ็ปต์ “United World Cuisine in One Competition” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก และเป็นการจัดการแข่งขันครั้งแรกอย่างเป็นทางการของโครงการ “Phenix” (ฟีนิกซ์) แหล่งรวมอาหารและสุดยอดความอร่อยใจกลางเมืองบนพื้นที่ยุทธศาสตร์ย่านประตูน้ำ (World’s Food Wholesale Hub with largest food lounge in Pratunam) ภายใต้การบริหารของ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC โดยเป็นความร่วมมือกับสมาคมเชฟประเทศไทย, สมาคมเชฟโลก (World Association Of Chefs Societies), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จํากัด (มหาชน), และพันธมิตรในโครงการ ‘Phenix’ เพื่อค้นหาสุดยอดเชฟรุ่นใหม่มากฝีมือให้กับวงการเชฟและวงการอาหารระดับโลกในอนาคต ตอกย้ำการส่งเสริมการสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ สนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารไทยในฐานะ Soft Power และปูทางสู่การเป็นศูนย์กลางด้านอาหารชื่อดังระดับโลกอย่างยั่งยืน ซึ่งทีมจาก “ประเทศไทย-ภาคกลาง” สามารถคว้ารางชนะเลิศ รับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธรฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท ไปครองได้สำเร็จ โดยภายในงานมีนายไมเคิล ฮาริท หัวหน้าคณะกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียล บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี ร่วมด้วย นายอัศวิน คำแวง กรรมการผู้จัดการ-ฟีนิกซ์ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน), นายสมศักดิ์ รารองคำ ประธานสมาคมเชฟประเทศไทย, นายวิลเมนต์ ลีออง ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชีย สมาคมเชฟโลก และนาย KK Yau คณะกรรมการผู้ทรงเกียรติของการแข่งขันฯ เข้าร่วมพิธี ณ ห้อง Phenix Grand Ballroom โครงการ “Phenix”
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 4 วัน หรือกว่า 32 ชั่วโมงของการแข่งขันเป็นไปอย่างเข้มข้น ในคอนเซ็ปต์ “United World Cuisine in One Competition” ครั้งแรกของโลก โดยมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 16 ทีม จาก 12 ประเทศ ใน 4 ทวีป ได้แก่ ออสเตรเลีย กรีซ จีน กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ มองโกเลีย มัลดีฟส์ เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา เวียดนาม และตัวแทน 4 ทีมจาก 4 ภูมิภาคของประเทศไทย ร่วมชิงความเป็นสุดยอดเชฟรุ่นใหม่ พร้อมประชันฝีมือและรสชาติแบบถึงเครื่อง พร้อมงัดทุกเทคนิคและทักษะในการทำอาหารมาแบทเทิลกันอย่างเต็มที่ ในรูปแบบ Hot Live! Cooking เก็บคะแนนแบบ Real-time ทุก Stage กับบททดสอบเมนูนานาชาติ 16 สัญชาติ สร้างสรรค์เมนูอาหารสไตล์ต้นตำรับแต่ละสัญชาติในรูปแบบ Authentic และ Modern Chef’s Table กว่า 2,560 จาน ซึ่งงานนี้ทุกทีมต่างแสดงฝีมือในการแข่งขันกันอย่างสุดความสามารถ ซึ่งทีมที่มีผลงานโดดเด่นและปรุงรสชาติเมนูอาหารออกมาได้ดีเยี่ยมที่สุด 4 อันดับแรก ได้แก่ ทีมจากประเทศไทย-ภาคกลาง, ประเทศไทย-ภาคอีสาน, ประเทศไทย-ภาคเหนือ และประเทศกัมพูชา ตามลำดับ ถือเป็นการปิดท้ายการแข่งขัน “Thailand World Junior Chef Battle 2024” ครั้งแรกลงอย่างประสบความสำเร็จ พร้อมด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพที่น่าประทับใจจากผู้แข่งขันทุกทีม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทาง www.phenixbox.com เพจเฟซบุ๊ก Phenix Food Wholesale Hub หรือ Phenix Grand Ballroom อินสตาแกรม @phenixfoodwholesalehub
4 กรกฎาคม 2566, - บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ร่วมกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) สานต่อเจตนารมณ์ด้านความยั่งยืนของทั้งสององค์กรในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ลงนามความร่วมมือสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability Linked Loan) และสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) จำนวน 20,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการคุณภาพระดับเมกะโปรเจกต์ให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับโลก (Mega global destination) ร่วมนำมาตรฐานใหม่เสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่มุ่งเน้นการลดการใช้ทรัพยากร และส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติ สร้างคุณค่าองค์รวมแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) รวมถึงสนับสนุนโครงการริเริ่มต่างๆ เพื่อพัฒนาความยั่งยืนของทรัพยากรทางทะเล และการพัฒนาสังคมในอนาคต พร้อมร่วมสร้างให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การลงทุนอย่างต่อเนื่องของ AWC ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของประเทศ เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนถึงอนาคตทางเศรษฐกิจไทยที่กำลังดีขึ้น ธนาคารไทยพาณิชย์ ตระหนักถึงบทบาทในการร่วมขับเคลื่อนความยั่งยืนให้เกิดขึ้นแก่สังคมไทยในทุกมิติ จึงมีความยินดีที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability Linked Loan) และสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) จำนวน 20,000 ล้านบาท แก่ AWC เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการใหม่ๆ และการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของ AWC อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมของธนาคาร และธุรกิจภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ โดยมีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์จากการดำเนินงานภายในปี 2030 และจากการให้สินเชื่อและการลงทุนภายในปี 2050 ธนาคารมีความเชื่อมั่นในศักยภาพทางธุรกิจของ AWC และเชื่อมั่นว่าการสนับสนุนทางการเงินจำนวน 20,000 ล้านบาทในครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพทางธุรกิจให้แก่ AWC ผ่านการพัฒนาโครงการคุณภาพมากมาย ที่จะสร้างความน่าตื่นเต้นให้แก่วงการอสังหาริมทรัพย์ และเพื่อสนับสนุนประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่ยั่งยืนระดับโลก”
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า “AWC มีความประทับใจ SCB ต่อความมุ่งมั่น วิสัยทัศน์ที่ร่วมกันด้านความยั่งยืน ที่ได้ออกสินเชื่อด้านความยั่งยืนเป็นรายแรกของประเทศ ควบคู่การเดินหน้าผนึกกำลังร่วมสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับทุกภาคส่วน ทั้งนี้ AWC มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ SCB ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ โดย AWC มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการคุณภาพระดับเมกะโปรเจกต์ให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก (Mega sustainable destination) อาทิ โครงการเอเชียทีค ที่จะสร้างเป็นแลนด์มาร์คความยั่งยืนริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้กับกรุงเทพฯ โครงการอควอทีค กลางเมืองพัทยา และโครงการเวิ้ง นาครเกษม ศูนย์กลางคุณค่าประวัติศาสตร์วัฒนธรรมกลางไชน่า ทาวน์ รวมถึงโครงการลานนาทีค ที่มีคุณค่าของเสน่ห์ศิลปวัฒนธรรมล้านนากลางเมืองเชียงใหม่ เป็นต้น ซึ่ง AWC เชื่อมั่นว่าการพัฒนาโครงการต่างๆ ให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านความยั่งยืนระดับโลกนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งเพื่อสานต่อนโยบายและกลยุทธ์หลักของประเทศสู่การเป็นผู้นำการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก
AWC ยังมุ่งพัฒนาอาคารตามมาตรฐานอาคารสีเขียวในระดับสากล อาทิ โรงแรมอินน์ไซด์ บาย มีเลีย กรุงเทพ สุขุมวิท ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน EDGE (Excellence in Design for Greater Efficiencies) และโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง ได้รับการรับรอง LEED & WELL PRECERTIFIED รวมถึงอีกหลากหลายโครงการ โดยใช้สินเชื่อยั่งยืนแรกที่ได้รับการสนับสนุนจาก SCB เมื่อปีที่แล้ว โดยปัจจุบัน AWC ได้ร่วมมือกับพันธมิตรสถาบันการเงินชั้นนำจัดวงเงินสินเชื่อระยะยาวที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนกว่าร้อยละ 75 และตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนวงเงินสินเชื่อระยะยาวเชื่อมโยงความยั่งยืนเป็นร้อยละ 100 เพื่อมุ่งสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศ”
AWC มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กรอบการพัฒนาที่ยั่งยืน 3 เสาหลัก 9 มิติ หรือ 3 BETTERs ประกอบไปด้วย 1) การสร้างคุณค่าด้านสิ่งแวดล้อม (BETTER PLANET) เพื่อโลกที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น 2) การสร้าง
คุณค่าด้านสังคม (BETTER PEOPLE) เพื่อผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 3) การสร้างคุณค่าด้านเศรษฐกิจ (BETTER PROSPERITY) เพื่อเศรษฐกิจของประเทศที่ดีขึ้น โดยที่ผ่านมา AWC ได้ดำเนินโครงการเพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง อาทิ โรงแรม เชอราตัน สมุย ดำเนินโครงการธนาคารปู เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และโรงแรมบันยันทรี กระบี่ ที่ได้ร่วมมือกับมูลนิธิอันดามัน เพื่อนำร่องโครงการท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืน รวมถึงการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ผ่านแนวคิดธุรกิจ reConcept ที่ส่งเสริมการนำเฟอร์นิเจอร์และวัสดุเก่า รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งของโรงแรมที่ไม่ได้ใช้งาน กลับมารีไซเคิลและใช้ซ้ำ เพื่อลดปริมาณขยะฝังกลบ ตลอดจนการลงทุนพัฒนาบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ ที่ส่งเสริมการสร้างงานและสร้างรายได้สู่ชุมชนรอบโครงการ และสนับสนุนผู้ประกอบการไทยท้องถิ่นเพื่อสร้างโอกาสรายได้ที่ยั่งยืนผ่านโครงการ เดอะ GALLERY เป็นต้น
AWC ยังคงดำเนินงานตามแผนแม่บทอนุรักษ์พลังงาน (Energy Efficiency Plan: EEP) สอดคล้องกับกรอบสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนและสินเชื่อสีเขียว เพื่อมุ่งเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านโครงการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาหรือชั้นดาดฟ้าของอาคาร การเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน การเพิ่มประสิทธิภาพระบบทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศ ครอบคลุมโรงแรมในเครือที่มีการดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2019 นอกจากนี้ AWC จะพัฒนาโครงการในเครือตามกรอบเพื่อขอรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียวสากล อาทิ มาตรฐาน EDGE LEED หรือ WELL เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและคํานึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้ทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด
“การลงนามสัญญาในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ร่วมกันของ AWC และ SCB ในการดำเนินธุรกิจ โดย AWC จะยังคงดำเนินการตามกลยุทธ์ความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการริเริ่มต่างๆ ของ AWC เพื่อร่วมสร้างคุณค่าในระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งต่ออุตสาหกรรม ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ภายใต้พันธกิจ “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” พร้อมเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก” นางวัลลภา กล่าวเสริม
AWC ดำเนินงานภายใต้กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อเนื่อง และได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในมาตรฐานสากลต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ การได้รับการประเมินจาก MSCI ESG Rating ในระดับ "AA" ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รายชื่อหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ติดอันดับรายงานความยั่งยืน S&P CSA Yearbook 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งได้รับคัดเลือกเป็น “Top 1% S&P
Global ESG Score 2022” ได้รับรางวัล “Industry Mover” ในฐานะบริษัทที่มีความยั่งยืนของกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญ ได้รับการจัดอันดับรายงานการกำกับดูแลกิจการ ในระดับ “ดีเลิศ” (Excellence CG Scoring) ได้รับการรับรองให้เป็นแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) และได้รับการจัดอันดับในฐานะองค์กรที่มีการกำกับกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในอาเซียนของปี 2564 (ASEAN CG Scorecard)