December 05, 2025

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH และ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ BKIH ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 (เม.ย.-มิ.ย.) มีกำไรสุทธิ 978.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.5 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 9.19 บาท สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนของปี 2568 บีเคไอ โฮลดิ้งส์ มีรายได้จากการประกันภัย 15,735.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,549.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15.6 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 14.55 บาท

โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2568 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 3.75บาท ในวันที่ 5 กันยายน 2568 และเมื่อรวมกับเงินปันผลไตรมาสที่ 1 เท่ากับจ่ายเงินปันผล 6 เดือนแรกของปี 2568 ให้แก่ผู้ถือหุ้น 7.50 บาทต่อหุ้น  

ในส่วนของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่สร้างรายได้หลักของบีเคไอ โฮลดิ้งส์ (BKIH) ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 (เม.ย.-มิ.ย.)  มีรายได้จากการประกันภัย 7,593.0 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 และมีค่าใช้จ่ายในการบริการประกันภัยสุทธิ 6,946.5 ล้านบาท ส่งผลให้มีผลการดำเนินงานการบริการประกันภัย 646.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19.4 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 453.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 โดยเมื่อรวมรายได้อื่นและหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทำให้มีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 1,117.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว มีกำไรสุทธิ 980.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.6 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 9.21 บาท

โดยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนของปี 2568 มีรายได้จากการประกันภัย 15,735.7 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 และมีรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 893.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 โดยเมื่อรวมรายได้อื่นและหักค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นแล้ว ทำให้กรุงเทพประกันภัยมีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 1,782.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13.8 และเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว มีกำไรสำหรับงวด 1,544.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16.3 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 14.51 บาท

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ BKIH ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 571.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30.5 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น 5.37 บาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2568 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 3.75 บาท ในวันที่ 6 มิถุนายน 2568  

โดยปัจจุบันบีเคไอ โฮลดิ้งส์ (BKIH) มีบริษัทย่อยที่สร้างรายได้หลักคือ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI ที่ยังคงรักษาเสถียรภาพทางการเงินได้เป็นอย่างดีแม้ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว โดยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) กรุงเทพประกันภัยมีรายได้จากการประกันภัย 8,142.7 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 และมีค่าใช้จ่ายในการบริการประกันภัยสุทธิ 7,832.9 ล้านบาท ส่งผลให้มีผลการดำเนินงานการบริการประกันภัย 309.8 ล้านบาท ลดลง 266.8 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 46.3 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 576.6 ล้านบาท สำหรับรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 440.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.7 โดยเมื่อรวมรายได้อื่นและหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทำให้กรุงเทพประกันภัยมีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 665.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30.2 และเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว มีกำไรสุทธิ 564.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 31.9 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 5.30 บาท

บีเคไอ โฮลดิ้งส์และบริษัทย่อย ยึดมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตด้วยความมั่นคง สร้างความเชื่อมั่นด้วยฐานะการเงินที่ แข็งแกร่ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ตลอดจนมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม

บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2 นำโดยดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน (กลาง) กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมจากมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น พร้อมด้วยคณะกรรมการ (จากซ้ายไปขวา) นายกองเอกเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช กรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการตรวจสอบ และนายสิงห์ ตังทัตสวัสดิ์ กรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนและสรรหา โดยที่ประชุมฯ มีมติอนุมัติเห็นชอบทุกวาระการประชุมตามที่คณะกรรมการเสนอ ณ อาคารกรุงเทพประกันภัย สำนักงานใหญ่ ถนนสาทรใต้ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เปิดเผยว่า นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างต่อเนื่องที่บริษัทฯ ได้รับผลการประเมินอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET ESG Ratings) ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2567 ได้รับผลการประเมินในระดับ AAA ซึ่งเป็นระดับสูงสุดติดต่อกัน 2 ปี (ปี 2566 และปี 2567) อีกทั้งยังได้รับผลคะแนนรวมสูงกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน โดยการประเมินในภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทฯ ตามกระบวนการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) รวมถึงมีคุณสมบัติของบริษัทจดทะเบียนตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด โดยผลการดำเนินงานด้าน ESG ของบีเคไอ โฮลดิ้งส์ ที่มีความโดดเด่นด้านการมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง ด้วยการบริหารงานตามหลักบรรษัทภิบาล ให้ความใส่ใจในการบริหารจัดการที่คำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และมีความรับผิดชอบต่อชุมชนรอบข้าง สังคม ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มเป็นอย่างดี รวมถึงมีแนวทางการดำเนินงานและการบริหารจัดการที่แสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถทางการแข่งขันและการสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการดูแลและรับผิดชอบต่อลูกค้า คู่ค้า พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ตามที่บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “BKI”) ได้มีการจัดตั้งบริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยได้ประกาศทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) แลกเปลี่ยนหุ้นจาก BKI เป็น BKIH ในอัตรา 1 หุ้นสามัญของ BKI ต่อ 1 หุ้นสามัญของ BKIH ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 5 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดผู้ถือหุ้นของ BKI ได้ทำการตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการแล้วกว่า 97.72%ดังนั้น หลังจากกระบวนการแลกเปลี่ยนหุ้นตามแผนการปรับโครงสร้างของบริษัทฯ สำเร็จลุล่วงด้วยดี BKIH จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเริ่มทำการซื้อขายในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า BKIH ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียน 106,471,000 หุ้น จำนวนหุ้นชำระแล้ว 104,045,168 หุ้น ราคาพาร์ 10 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ หุ้น BKI จะถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ในวันเดียวกันที่หุ้นของ BKIH เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

BKIH พร้อมดำเนินธุรกิจตามทิศทางเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสมต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน มุ่งสร้างผลประกอบการที่ดี ผ่านการลงทุนในธุรกิจหลักด้านการประกันภัยและธุรกิจอื่นที่หลากหลายและมีศักยภาพ ขยายการลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยยังคงยึดมั่นดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล สร้างประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อต่อยอดสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนร่วมกัน

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click