กลุ่มบริษัทซีพีเอฟ โดย บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CPFTH ประสบความสำเร็จในการจัดทำเงินกู้ที่สนับสนุนความยั่งยืน (Sustainability-Linked Loan) วงเงินประมาณ 15,000 ล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และสนับสนุนกับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของ CPFTH
บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CPFTH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ผู้ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารประเภทสัตว์บกแบบครบวงจรในประเทศไทย มีความมุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีโภชนาการที่ดี มีคุณภาพและความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค ด้วยกระบวนการผลิตที่ทันสมัยได้มาตรฐานระดับสากล บนพื้นฐานการสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนคำนึงถึงความสมดุลในมิติทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม
นายไพศาล จิระกิจเจริญ ประธานผู้บริหารฝ่ายการเงิน ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทมีความยินดีที่การจัดทำเงินกู้ Sustainability Linked Loan ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ทางการเงินในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย และสะท้อนความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัทซีพีเอฟที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน คำนึงถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
ธุรกรรมครั้งนี้ CPFTH ได้แต่งตั้ง Mizuho Bank, Ltd. เป็นผู้จัดการเงินกู้แต่เพียงผู้เดียว (Sole Mandated Arranger) รวมถึงเป็นผู้ประสานงานด้านดัชนีชี้วัดความยั่งยืน (Sustainability Coordinators) เงินกู้ที่สนับสนุนความยั่งยืนชุดนี้วงเงินประมาณ 15,000 ล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี การขอเงินสนับสนุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และสนับสนุนกับการเติบโตอย่างยั่งยืนของ CPFTH ควบคู่กับสังคมและสิ่งแวดล้อม
เป้าหมายในเรื่องความยั่งยืนของเงินกู้นี้ ประกอบด้วย “การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ” และ “การเพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนในการดำเนินงาน” ซึ่งทั้งสองเป้าหมายย่อยนี้จะช่วยขับเคลื่อน CPFTH และ CPF สู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050
บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CPFTH เป็นบริษัทย่อยที่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ “CPF” ถือหุ้น 99.99% ชูอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ 3.15% - 4.15% เตรียม เสนอขายหุ้นกู้ให้กับผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 17-19 สิงหาคม 2563 นี้ โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ A+ ผ่านธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารซีไอเอ็มบี (ไทย) ธนาคารทหารไทย และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร
นายไพศาล จิระกิจเจริญ ประธานผู้บริหารฝ่ายการเงินของ CPF เปิดเผยว่าตามที่ CPFTH ได้เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนรายใหญ่ และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบันนั้น ล่าสุดทาง CPFTH ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้ทั้ง 5 รุ่นแล้ว ดังนี้ หุ้นกู้อายุ 4 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยประมาณ 3.15-3.20% ต่อปี อายุ 7 ปีประมาณ 3.35-3.45% ต่อปี อายุ 10 ปีประมาณ 3.45-3.55% ต่อปี อายุ 12 ปีประมาณ 3.70-3.80% ต่อปี และอายุ 15 ปีประมาณ 4.00-4.15% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะกำหนดอีกครั้งในช่วงต้นเดือนสิงหาคม และคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 17-19 สิงหาคมนี้
ธนาคารผู้จัดจำหน่ายคาดว่าหุ้นกู้ทั้ง 5 รุ่นที่จะออกและเสนอขายน่าจะได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยกิจการที่มีความมั่นคง มีความน่าเชื่อถือ มีโอกาสและมีศักยภาพในการเติบโต ซึ่งอุตสาหกรรมอาหารเป็นหนึ่งในนั้น โดย CPFTH เป็นบริษัทที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ CPF และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ A+ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ CPFTH
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้ง มองว่าภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยจากผลกระทบของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อบริษัทเพียงเล็กน้อย เนื่องจากสินค้าของบริษัทเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน และทริสเรทติ้งยังมีมุมมองต่อผลประกอบการของบริษัทในปี 2563 ว่าจะได้รับอานิสงส์จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ลดลงและความต้องการอาหาร แช่แข็งที่เพิ่มขึ้น
CPFTH ดำเนินธุรกิจสัตว์บกครบวงจรในประเทศไทย ประกอบด้วยประเภทสัตว์หลัก ได้แก่ สุกร ไก่เนื้อ ไก่ไข่ และเป็ด จำแนกเป็น 3 ธุรกิจหลัก คือ 1. ธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) ได้แก่ การผลิตและการจำหน่ายอาหารสัตว์ 2. ธุรกิจเลี้ยงสัตว์ (Farm) ได้แก่ การเพาะพันธุ์สัตว์ การเลี้ยงสัตว์เพื่อการค้า รวมถึงการแปรรูปเนื้อสัตว์ขั้นพื้นฐาน และ 3. ธุรกิจอาหาร (Food) ได้แก่ การผลิตเนื้อสัตว์แปรรูปกึ่งปรุงสุกและปรุงสุก ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปหรือผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานรวมถึงมีกิจการค้าปลีกอาหารและร้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ต่างๆ เช่น ซีพีเฟรชมาร์ท, ธุรกิจห้าดาว, สตาร์คอฟฟี่, ซีพี คิทเช่น รวมถึงร้านอาหารบุฟเฟต์ อาหารทะเล นานาชาติ ภายใต้ชื่อ “ซีพี ไห่หลาย ฮาร์เบอร์” เป็นต้น
โดยไตรมาสแรกของปี 2563 CPFTH มีรายได้จากการขายเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 3.7 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2562 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 13% ในไตรมาสแรกของปี 2563 เมื่อเปรียบเทียบกับ ระดับ 9% ในช่วงเดียวกันของปี 2562
สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นกู้ของ CPFTH สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อสถาบันการเงินผู้จัดการการจำหน่าย