January 30, 2025

LH Bank จัดงานสัมมนา Opportunities Beyond Borders สำหรับกลุ่มลูกค้าที่สนใจการลงทุนในหัวข้อ “Taiwan Investment Forum” เจาะลึกภาพรวมเศรษฐกิจการลงทุนไต้หวัน พลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจโลกและเป็นผู้นำซัพพลายเชนเทคโนโลยี พร้อมเสนอขายกองทุนใหม่ LH Taiwan Growth and High Dividend Fund: LHTWGHD กองทุนหุ้นไต้หวัน IPO 13-20 ม.ค. 68 ชูโอกาสการลงทุนใน ETF (Exchange Traded Fund) ที่เน้นปันผลและการเติบโต โดยมีผู้เชี่ยวชาญชั้นนำร่วมถ่ายทอดความรู้และมุมมองศักยภาพของตลาดกองทุนไต้หวัน

นายฉี ชิง-ฟู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank ประธานเปิดงาน กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานสัมมนา Opportunities Beyond Borders ในหัวข้อ “Taiwan Investment Forum” เจาะลึกภาพรวมเศรษฐกิจการลงทุนไต้หวัน พร้อมเสนอขาย LHTWGHD กองทุนหุ้นไต้หวันที่ LH Bank และ LH Fund ร่วมมือกันเพื่อสร้างโอกาสลงทุนใน ETF ไต้หวันที่เน้นปันผลและ การเติบโตให้กับลูกค้า โดยมีลูกค้าให้ความสนใจเข้าร่วมงานสัมมนาอย่างล้นหลาม โดยงานสัมมนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรกิตติมศักดิ์และกูรูชั้นนำได้แก่ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ผู้จัดรายการประวัติศาสตร์ 8 Minutes History – THE STANDARD นายธงชัย ชาสวัสดิ์ อดีตอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ, เอกอัครราชทูตไทยและผู้แทนรัฐบาลไทยในไต้หวัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในประเทศไต้หวันจาก CTBC Investments และ LH Fund มาร่วมเปิดมุมมองและวิเคราะห์การลงทุน พร้อมเปิดตัวกองทุน แอล เอช ไต้หวัน โกรท แอนด์ ไฮ ดิวิเดนด์ (LH Taiwan Growth and High Dividend Fund: LHTWGHD) ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนที่มองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะไต้หวันซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่เติบโตด้านเทคโนโลยีและความยั่งยืน

ด้านนายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LH Fund กล่าวว่า ไต้หวันมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ด้วยความเชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และความสามารถในเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง ทำให้ได้รับการยอมรับ ในฐานะผู้นำระดับโลกและเป็นฟันเฟืองสำคัญในห่วงโซ่อุปทาน AI โดยอุตสาหกรรม AI โลกกำลังเติบโต อย่างก้าวกระโดด คาดการณ์ว่ามูลค่าการผลิตจะขยายตัวเฉลี่ย 17.3% ต่อปี และจะทะลุ 3.68 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2034 ด้วยบทบาทสำคัญในเทคโนโลยีแห่งอนาคต ไต้หวันกำลังเดินหน้าสร้าง ความเปลี่ยนแปลงในตลาดโลกและผลักดันเศรษฐกิจของไต้หวันให้เติบโตอย่างมั่นคง

LH Fund ได้เล็งเห็นความสำคัญในบทบาทของไต้หวันบนเวทีเศรษฐกิจโลก รวมทั้ง LH Fund เป็นบริษัทในกลุ่ม CTBC Bank ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่เป็นธนาคารพาณิชย์เอกชนที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน และได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ A จาก S&P Global Ratings ทำให้ LH Fund โดดเด่นในเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ ในไต้หวันเป็นอย่างดี ประกอบกับหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตและจ่ายเงินปันผลสูงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจสำหรับ นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนระยะยาว

LH Fund จึงเปิดตัวกองทุน แอล เอช ไต้หวัน โกรท แอนด์ ไฮ ดิวิเดนด์ (LH Taiwan Growth and High Dividend Fund: LHTWGHD) ซึ่งเป็นกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศแบบ Feeder Fund ลงทุนในกองทุนหลัก CTBC TIP Customized Taiwan Growth and High Dividend ETF สกุลเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (New Taiwan Dollar: NTD) จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน (Taiwan Stock Exchange) บริหารจัดการโดย CTBC Investments Co., Ltd. ซึ่ง LHTWGHD จะลงทุนในกองทุนหลักโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV มีระดับความเสี่ยงของกองทุนอยู่ที่ระดับ 6 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงและ ความผันผวนของตลาดได้ โดยกองทุนหลักมุ่งหวังติดตามผลการดำเนินงานของดัชนี TIP Customized Taiwan Growth and High Dividend Index (“ดัชนีอ้างอิง”) ประกอบด้วยหุ้น 50 บริษัทที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล และมีศักยภาพการเติบโตระยะยาว เช่น หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี สินค้าอุปโภคบริโภค และโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและสูงกว่าตลาด

นายมนรัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน LHTWGHD จะเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 13-20 มกราคม 2568 ผู้ที่สนใจสามารถลงทุนครั้งแรกเริ่มต้น 1,000 บาท โดยสามารถทำรายการผ่าน LHFund Online หรือ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทุกสาขา หรือตัวแทนการขายหน่วยลงทุนที่ได้รับการแต่งตั้ง และติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ www.lhfund.co.th หรือ โทร 02-286-3484 กด 7

อย่างไรก็ดี ภายใต้ข้อมูลและความเห็นของผู้เชียวชาญ  นักลงทุนพึงศึกษาและตระหนักในรปะเด็นคือ 

· ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

· เนื่องจากกองทุนป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ซึ่งอาจไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

· ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

นายฉี ชิง-ฟู่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ขยายตัวต่อเนื่องเพียงเล็กน้อยจากการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี การลงทุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนชะลอลงตามการอนุมัติงบประมาณของภาครัฐที่มีความล่าช้าและการส่งออกที่ฟื้นตัวช้า สำหรับเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังของปีคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรกจากการใช้จ่ายของภาครัฐที่มีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น การลงทุนภายในประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศที่ขยายตัวดีขึ้น 

กลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังคงให้ความสำคัญกับ Sustainable Banking เพื่อมุ่งสู่ การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) จากการดำเนินงานของธุรกิจธนาคาร รวมถึงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อมและการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการปรับตัว สำหรับธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของธนาคารแห่งประเทศไทย และปี 2567 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงาน โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมมาภิบาล (ESG100) เป็นปีที่ 9 รวมทั้งได้รับการคัดเลือกให้อยู่ใน Universe ของกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 โดยสถาบันไทยพัฒน์  

ผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2567 กลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิ 891 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 25.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรจากการดำเนินงานก่อนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้จำนวน 1,990 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหลักๆ เป็นผลจากเงินปันผลที่ลดลงเนื่องจากกลุ่มธุรกิจทางการเงินยังคงลดพอร์ตการลงทุน  รายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ครึ่งแรกของปี 2567 เติบโตได้ดีผ่านการขยายฐานสินเชื่อลูกค้าทั้งลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจ ทั้งช่องทางดิจิทัลและพันธมิตรทางธุรกิจ ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 846 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นผลจากเงินปันผลที่ลดลง สินเชื่อเติบโตร้อยละ 8.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 หลักๆ เป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อธุรกิจและกลุ่มลูกค้าไต้หวัน และสินเชื่อกลุ่มลูกค้าไต้หวันเพิ่มขึ้นร้อยละ 31 ผ่านเครือข่ายของ CTBC Bank ธนาคารเอกชนอันดับ 1    ของไต้หวัน ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มธุรกิจ และ Trade Finance เติบโตร้อยละ 19 ทั้งนี้ ธนาคารคุม NPL ให้อยู่ที่ร้อยละ 3 รวมทั้งได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญอย่างระมัดระวังโดย NPL Coverage อยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 188 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม   

ด้านเงินฝาก ธนาคารได้ขยายฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อยเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผ่านช่องทาง Digital Banking และออกผลิตภัณฑ์เงินฝากต่างๆ เช่น เงินฝากบัญชีออมทรัพย์ดิจิทัล B-You Wealth ดอกเบี้ยสูงสุด 5.55% แคมเปญผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัล รับฟรี บัตรแรบบิท LH Bank Success Infinite Prestige Collection แคมเปญผลิตภัณฑ์เงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) และผลิตภัณฑ์ LH Bank Health Care Saving รวมถึงบัญชีออมทรัพย์เพื่อธุรกิจอัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได 

ทิศทางธุรกิจครึ่งหลังของปี 2567 ธนาคารยังคงเน้นขยายตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยและขับเคลื่อน การเติบโตกลุ่มลูกค้า SMEs ธนาคารได้พัฒนาระบบ Corporate E-Banking และ Mobile Banking เพื่อให้บริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการปรับกระบวนการพิจารณาสินเชื่อให้รวดเร็ว และเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน (Sustainable Banking) ที่ดำเนินธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล การบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม และล่าสุดธนาคารได้จับมือเป็นพันธมิตรกับสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ “EEI” และอุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ “MASCI” รวมถึงบริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด “ABEAM”  บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจชั้นนำระดับโลก เพื่อดำเนินโครงการเพื่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับผู้ประกอบการ (Green Transition Advisory Loan) เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม SMEs ไทยให้สามารถปรับตัวอย่างยั่งยืน 

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LH Fund กล่าวว่า ช่วงครึ่งแรกของปี 2567 บริษัทได้ปรับลักษณะการดำเนินการในการบริหารกองทุน โดยเน้นการวิเคราะห์ข้อมูลและปรับเปลี่ยนกองทุนหลัก ( Master Fund ) เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดและ   เพิ่มโอกาสในการสร้างผลการดำเนินงานที่ดีกว่าเดิม ส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องโดยเฉพาะ REIT ประเภทโรงแรมและพื้นที่ค้าปลีก ได้แก่ LHHOTEL, LHSC และ QHHRREIT ที่ได้รับอานิสงค์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว 

กลยุทธ์ครึ่งหลังของปี 2567 บริษัทยังคงขยายฐานลูกค้ากองทุนส่วนบุคคล รวมทั้งขยายฐานลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การจัดการ รวมถึงให้ความสำคัญในด้าน ESG เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนให้กับกองทุนรวมและนักลงทุน สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทได้รับ        ความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องส่งผลธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทได้ พัฒนาระบบ Life Path เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสามารถเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนได้แบบอัตโนมัติ 

นายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Securities) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) 6 เดือนแรกของปี 2567 ปรับตัวลดลง 8.1% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 มาอยู่ที่ 1,300.96 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติยังขายต่อเนื่อง มียอดขายสุทธิ 115,983      ล้านบาท โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,238 ล้านบาท ลดลง 22.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยลบที่กดดันดัชนี เช่น ปัจจัยด้านการเมืองในประเทศและต่างประเทศ และท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่จะคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น  

ผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 158.8 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 หลักๆ มาจากรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลงอย่างมากตามปริมาณ     การซื้อขายของตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงถึง 22.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาสที่ 3 บริษัทจะเปิดให้บริการธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor : FA) เพื่อต่อยอดการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างครบวงจร รวมทั้งได้พัฒนาบริการด้านระบบเทคโนโลยีผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อสร้าง Engagement ของลูกค้า รวมทั้ง การบริหารต้นทุนอย่างเหมาะสมท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นที่มีความผันผวนและมีปริมาณการซื้อขายที่ลดลง 

ชูกลยุทธ์ปี 2567 เร่งขยายพอร์ตสินเชื่อ SME และลูกค้ารายย่อย พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

ฟรี! บัตรแรบบิทคอลเลกชันพิเศษพร้อม Top Up ในบัตร 200 บาท

X

Right Click

No right click