ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ “PROSPECT REIT” เตรียมเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 1 จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 130,000,000 หน่วย พร้อมเปิดให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 (Record Date)
จองซื้อในวันที่ 8-14 มีนาคม 2566 ที่ราคาสูงสุด 9.70 บาทต่อหน่วยทรัสต์ สามารถเลือกจองซื้อได้ 2 ช่องทาง 1) ระบบออนไลน์ www.tiscosec.com และ 2) ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด (ผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์) กำหนดอัตราส่วนใช้สิทธิจองซื้อที่ 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.4775 หน่วยทรัสต์ที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติม สำหรับนักลงทุนทั่วไป จองซื้อในวันที่ 16-20 มีนาคม 2566 ช่องทางเดียว ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด จองซื้อในราคาเสนอขายสุดท้าย ซึ่งจะประกาศภายในวันที่ 15 มีนาคม 2566 ผ่านเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังสำรวจความต้องการจองซื้อจากนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) ซึ่งการจัดสรรหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนให้นักลงทุนทั่วไปตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์
ในกรณีที่ราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่า 9.70 บาท ผู้ถือหน่วยเดิมที่ได้จองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนทุกราย จะได้รับเงินส่วนต่างค่าจองซื้อคืนในภายหลังวันจองซื้อวันสุดท้าย ทั้งนี้ คาดการณ์ผลตอบแทนภายหลังการเพิ่มทุนและเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม สูงกว่า 8% ต่อปี
นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ PROSPECT REIT เปิดเผยว่า “การเพิ่มทุนครั้งแรกของ PROSPECT REIT เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของกองทรัสต์ เพื่อนำไปลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินศักยภาพสูงของบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำนวน 2 โครงการ พื้นที่เช่ารวม 70,129 ตร.ม. รวมมูลค่าลงทุนไม่เกิน 1,800 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 2 (BFTZ 2) ถนนเทพารักษ์ มีพื้นที่เช่า 20,996 ตารางเมตร เป็นอาคารสำเร็จรูป Ready Built จำนวน 12 ยูนิต แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ คลังสินค้า โรงงานแบบ Stand-alone และโรงงานขนาดเล็ก เป็นการลงทุนในรูปแบบสิทธิการเช่า ระยะเวลาลงทุนไม่เกิน 28 ปี และโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 3 (BFTZ 3) ถนนบางนา-ตราด กม.19 มีพื้นที่เช่า 49,133 ตารางเมตร ประกอบด้วยอาคารคลังสินค้าสำเร็จรูป 23 ยูนิต โดยที่โครงการ BFTZ 3 ส่วนที่เข้าลงทุนเป็นพื้นที่ Free Zone ทั้งหมด เป็นการลงทุนในรูปแบบกรรมสิทธิ์”
นายมานพ เพชรดำรงค์สกุล หัวหน้าธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT กล่าวว่า “ภายหลังการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งนี้ ประมาณการการจ่ายเงินออกให้ผู้ถือหน่วยของ PROSPECT REIT จะเพิ่มขึ้นจาก 0.84 บาทต่อหน่วย เป็น 0.86 บาทต่อหน่วย (ช่วงเวลาประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566) ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจผันผวนในปัจจุบัน จึงเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตลงทุน”
สำหรับทรัพย์สินศักยภาพสูงทั้งสองโครงการที่ PROSPECT REIT วางแผนเข้าลงทุน มีจุดเด่นคือ อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพโซนบางนา-ตราด จุดยุทธศาสตร์ศูนย์กลางอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ รองรับกิจการทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
อีกทั้งอยู่ในพื้นที่ผังเมืองสีม่วงสำหรับประกอบการอุตสาหกรรม ประกอบกิจการได้ทั้งคลังสินค้าและโรงงาน ที่สำคัญ การลงทุนครั้งนี้จะทำให้ PROSPECT REIT มีพื้นที่ภายใต้การจัดการที่เป็นเขตปลอดอากร หรือ Free Zone เพิ่มขึ้น และเป็นการลงทุนในรูปแบบกรรมสิทธิ์ (Freehold) ถึง 76% ของมูลค่าลงทุนในครั้งนี้ รวมถึงมีทรัพย์สินแบบ Leasehold ที่มีระยะเวลาสิทธิการเช่าที่ยาวขึ้น ซึ่งจะเพิ่มเสถียรภาพให้กับกองทรัสต์ ช่วยสร้างโอกาสการเติบโตที่ส่งผลให้สามารถจ่ายผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแก่ผู้ถือหน่วย
ภายหลังการเพิ่มทุนและเข้าลงทุนเพิ่มเติม กองทรัสต์จะมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารรวม 292,332 ตารางเมตร คาดว่าจะมีมูลค่าสินทรัพย์ตามงบการเงินของกองทรัสต์เพิ่มจาก 3,538 ล้านบาท เป็น 5,338 ล้านบาท
บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ “PROSPECT REIT” เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ ผู้จัดการกองทรัสต์ มีมติอนุมัติจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ประจำไตรมาส 3/2565 ในอัตรา 0.2265 บาทต่อหน่วย โดยมีรายได้รวม 111.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย 0.27% และกำไรสุทธิ 70.13 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1.27% เทียบจากไตรมาสก่อน สืบเนื่องจากไตรมาสนี้มีค่าใช้จ่ายปรับปรุงอาคารเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาคุณภาพของทรัพย์สินให้ดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาพรวมธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าปี 2565 มีทิศทางเติบโตที่ดี เสริมความสามารถในการรักษาอัตราผลตอบแทน (Yield) ของ PPOSPECT REIT ปีนี้ให้อยู่ที่ประมาณ 8-9% ได้
ขณะเดียวกัน ดีมานด์การใช้พื้นที่โรงงานและคลังสินค้าของกลุ่มธุรกิจอาหาร ธุรกิจ E-Commerce ธุรกิจผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ขยายตัวอย่างมาก รวมถึงได้รับแรงหนุนจากธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV car) ที่ขยายฐานการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนเข้ามาในประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะเข้ามาขับเคลื่อนการเติบโตของ PROSPECT REIT ในอนาคต ด้วยที่ตั้งโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน (BFTZ) ถนน บางนา-ตราด กม.23 อยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ด้านโลจิกสติกส์ของไทย รวมถึงมีอาคารคุณภาพในรูปแบบต่าง ๆ ที่หลากหลายให้บริการ ทั้งแบบสำเร็จรูป (Ready Built) และสร้างตามความต้องการ (Built-to-Suit) อีกทั้งอาคารทั้งหมดในโครงการสามารถใช้งานได้ตามความต้องการของผู้เช่า ไม่ว่าจะเป็นโรงงานหรือคลังสินค้า ซึ่งสามารถรองรับความต้องการของผู้เช่าได้ครอบคลุม
นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ กล่าวว่า “ผลงานของ PROSPECT REIT ช่วง 9 เดือนของปีนี้ เดินตามโรดแมปที่ได้วางไว้ ตั้งแต่การเข้าลงทุนรูปแบบกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในโครงการ X44 ถนน บางนา-ตราด กม.18 จาก ผู้พัฒนาโครงการรายอื่นนอกจาก Sponsor หลักเป็นครั้งแรก มีผู้เช่าเป็นผู้ประกอบการธุรกิจสีรถยนต์ ด้วยสัญญาเช่าระยะยาว อีกทั้งครึ่งปีหลังที่เศรษฐกิจฟื้นตัว นักลงทุนต่างชาติเริ่มเดินทางเข้ามาดูพื้นที่อาคารคลังสินค้าและโรงงานก่อนตัดสินใจเช่า ดันอัตราการเช่าในไตรมาส 3 ยังอยู่ในระดับที่สูงถึง 94.4% ซึ่งเรามุ่งเน้นเรื่องคุณภาพของทรัพย์สินและการให้บริการที่ครบวงจร (one stop service) เป็นสำคัญ ผู้เช่าหลักจึงยังวางใจต่อสัญญาครบ 100% ในไตรมาสที่ 3 พร้อมผู้เช่ารายใหม่ในกลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต ได้แก่ ธุรกิจอาหาร และ ธุรกิจผลิตโซล่าเซลล์ ทำให้มีความหลากหลายของผู้เช่าในแต่ละอุตสาหกรรม เป็นอีกจุดเด่นของ PROSPECT REIT ที่สามารถกระจายความเสี่ยงจากฐานผู้เช่า นำมาซึ่งการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยในอัตราที่ดีและสม่ำเสมอต่อเนื่องทุกไตรมาส”
ทั้งนี้ PROSPECT REIT จะทำการปิดสมุดทะเบียนเพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มีสิทธิ์ได้รับประโยชน์ตอบแทนในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ และจ่ายเงินออกให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 7 ธันวาคม 2565
สำหรับแนวโน้มในปี 2566 ยังคงปีทองของอสังริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม จากแรงหนุนทั้งด้านนโยบายส่งเสริมการลงทุนและสิทธิประโยชน์ของนักลงทุนต่างชาติในการเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในช่วง 9 เดือนของปีนี้ พบว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีมูลค่ารวม 275,624 ล้านบาท โดยการลงทุนจากจีน มีเงินลงทุนมากที่สุด ตามด้วยไต้หวัน และญี่ปุ่น ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าการลงทุนใน 2 สาขานี้ จะขยายตัวต่อเนื่อง
“ปัจจุบัน PROSPECT REIT มีมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 3,544.48 ล้านบาท โดยพื้นที่เช่าในโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน บางนา-ตราด กม.23 เป็นพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) ถึง 61% ซึ่งผู้เช่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีในการนำเข้าและส่งออกสินค้า ที่ผ่านมา ผลตอบรับนอกจากลูกค้าไทยที่ให้ความสนใจติดต่อเช่าพื้นที่ นักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะลูกค้าจากจีน สหรัฐอเมริกา เป็นกลุ่มที่น่าจับตามองเช่นกัน ปีหน้าเราได้วางแผนเข้าลงทุนในโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 2 ถนน เทพารักษ์ และ บางกอกฟรีเทรดโซน 3 ถนน บางนา-ตราด กม.19 ที่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพด้านโลจิสติกส์ รองรับลูกค้ากลุ่มโลจิสติกส์และโรงงานขนาดใหญ่ขึ้น พื้นที่ให้เช่ารวม 2 โครงการ 70,129 ตร.ม. มูลค่าเข้าลงทุนไม่เกิน 1,800 ล้านบาท โดยออกหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมจำนวนไม่เกิน 180,000,000 หน่วย และ ยื่น ก.ล.ต. นับ 1 Filing ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อสร้างรากฐานการเติบโตอย่างยั่งยืนและเติมทรัพย์สินคุณภาพเข้าสู่กองทรัสต์เสริมความมั่นคงระยะยาว” นางสาวอรอนงค์ กล่าวปิดท้าย