

“บัตรบลูเครดิตการ์ด (Blue Credit Card)” บัตรเครดิตร่วมระหว่างธนาคารกสิกรไทย กับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เพิ่มความคุ้มค่า 2 ต่อ เมื่อเติมน้ำมัน ณ สถานีบริการ พีทีที สเตชัน และจ่ายด้วยบัตรบลูเครดิตการ์ด
คุ้ม 1 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4%* โดยไม่ต้องใช้คะแนนแลก
(จำกัด 3 สิทธิ/ท่าน/เดือน รวมสูงสุด 120 บาท/ท่าน/เดือน)
คุ้ม 2 ใช้คะแนนสะสม K Point ทุก 500 คะแนน แลกรับส่วนลดค่าน้ำมัน 100 บาท
ลงทะเบียนรับสิทธิ์เครดิตเงินคืนก่อนใช้จ่ายด้วยบัตรบลูเครดิตการ์ดครั้งแรก เพียงครั้งเดียว โดยส่ง SMS พิมพ์ BLCB เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตร 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4545888 (ค่าบริการขึ้นกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ) หรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ที่ www.kasikornbank.com/k_bluepromo เริ่มตั้งแต่ 1 กันยายน 2568 – 31 ธันวาคม 2568
นอกจากนี้ผู้ถือบัตรยังสามารถรับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ในการใช้จ่ายจากบัตรบลูเครดิตการ์ด* ได้แก่
ผู้สนใจสามารถสมัครบัตรบลูเครดิตการ์ด ได้ผ่าน K PLUS, เว็บไซต์ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา *ศึกษารายละเอียด ข้อจำกัด เงื่อนไขเพิ่มเติมที่ www.kasikornbank.com/k_bluepromo
*ใช้เท่าที่จำเป็น และชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
เคทีซีตอกย้ำความเป็นบัตรเครดิตหลักในการใช้จ่ายทุกวัน จับมือพีทีที สเตชั่น จัดแคมเปญแบ่งเบาค่าใช้จ่ายคนไทยที่ใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ และการเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงวันหยุดยาว พร้อมกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์และวันหยุดยาว สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4% โดยไม่ต้องใช้คะแนน และรับเครดิตเงินคืนเพิ่มอีก 13% เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER ในการแลกรับ ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2568 – 31 กรกฎาคม 2568 ณ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ทั่วประเทศที่ร่วมรายการ

นายสุวัฒน์ เทพปรีชาสกุล ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การจัดแคมเปญ ‘โปรใหม่ ใหญ่กว่าเดิม’ เป็นความร่วมมือระหว่างเคทีซีกับพีทีที สเตชั่น สะท้อนกลยุทธ์ในการมอบประสบการณ์ความคุ้มค่าให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี ทุกประเภท เพื่อให้บัตรเครดิตเคทีซีเป็นบัตรฯ ที่สมาชิกนึกถึงและเลือกใช้เป็นบัตรหลัก (default card) โดยเฉพาะในหมวดหมู่สถานีบริการน้ำมันและการเดินทาง นับเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายหลักในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ซึ่งเคทีซีเล็งเห็นถึงความสำคัญในการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับสมาชิก จึงได้จัดสิทธิพิเศษในรูปแบบต่างๆ และพบว่าการมอบเครดิตเงินคืนโดยไม่ต้องใช้คะแนน รวมถึงการแลกคะแนนในอัตราที่คุ้มค่าถือเป็นการคืนกำไรให้สมาชิกอย่างแท้จริง และยังสร้างการมีส่วนร่วม (engagement) กับฐานสมาชิกในระยะยาว”

นายถนัดพล ดุละลัมพะ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์และการตลาดค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า “สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ภายใต้การกำกับดูแลของ OR มุ่งเน้นการยกระดับประสบการณ์แก่ผู้บริโภค การร่วมมือกับเคทีซี ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเติมเต็มความคุ้มค่าพร้อมทั้งส่งมอบน้ำมันคุณภาพให้แก่ผู้บริโภค เพื่อเติมเต็มความมั่นใจ และความสะดวกสบายด้วยสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศตลอดการเดินทาง อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการออกแบบแคมเปญที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการอย่างแท้จริง และเชื่อว่าแคมเปญ ‘โปรใหม่ ใหญ่กว่าเดิม’ จะช่วยสร้างความพึงพอใจ และสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิกบัตรเคทีซี ในยุคที่ความประหยัดและความสะดวกเป็นหัวใจหลัก โดยพร้อมเดินหน้าพัฒนาแคมเปญที่สร้างประโยชน์ร่วมกัน”

สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เมื่อใช้บริการเติมน้ำมัน ณ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ทุกสาขาทั่วประเทศ คือ รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4% ไม่ต้องใช้คะแนนแลก (สูงสุด 40 บาทต่อเซลส์สลิป) เพียงเติมน้ำมันครบ 1,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป หรือรับเครดิตเงินคืน 3% (สูงสุด 21 บาทต่อเซลส์สลิป) เมื่อเติมน้ำมันครบ 700 – 999 บาทต่อเซลส์สลิป ตามเงื่อนไขที่กำหนด รวมทั้งแลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนเพิ่มอีก 13% ได้ไม่จำกัด เมื่อแลกด้วยคะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC 02 123 5000 หรือติดตามโปรโมชันของเคทีซีได้ที่ https://www.ktc.co.th สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ผู้ถือบัตรเครดิตควรใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
นายวิศน สุนทราจารย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กรและความยั่งยืน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ร่วมแบ่งปันมุมมองเรื่อง ESG และการลงมือทำสู่ผลสำเร็จ ผ่านเวที เสวนา CREATIVE TALK CONFERENCE FORECAST 2024 รู้ก่อน เริ่มก่อน เปลี่ยนแปลงก่อน ในหัวข้อ ESG FORECAST ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน เพื่อตอกย้ำแนวคิดเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability) ที่การดำเนินธุรกิจต้องคำนึงเรื่องของ ESG ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ซึ่งไม่ควรเป็นเพียงแนวคิดของธุรกิจ แต่ต้องลงมือทำทันที

นายวิศน เปิดเผยว่า จากภาวะโลกร้อนที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นโลกเดือด (Global Boiling) ทำให้เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นใหญ่ของปี 2024 เนื่องจากชีวิตของผู้คนกำลังได้รับผลกระทบมากขึ้น ทั้งทางด้านสุขภาพ ภัยธรรมชาติ และความมั่นคงทางด้านอาหาร เป็นต้น รวมทั้งความเหลื่อมล้ำที่จะยิ่งขยายตัวกว้างขึ้น ซึ่งสุดท้ายจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
OR มีวิสัยทัศน์และแนวคิดในการสร้างความยั่งยืน และให้ความสำคัญต่อแนวคิด ESG ผ่านการดำเนินการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องมาตลอดส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา OR ได้รับคัดเลือกจาก S&P Global ให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) ในกลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Index) ที่ได้รับคะแนนสูงสุดในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก (Retailing) โดย OR ได้นำแนวคิด ESG มาเป็นกรอบการบริหารจัดการที่ใช้ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมผ่านแนวทาง OR SDG หรือ SDG ในแบบฉบับของ OR เพื่อช่วยในการขับเคลื่อน ทั้ง 3 มิติ ประกอบด้วย SMALL มุ่งเน้นการให้โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก DIVERSIFIED เน้นสร้างโอกาสเพื่อการเติบโตในทุกรูปแบบผ่านแฟลตฟอร์มต่าง ๆ ของ OR และ GREEN ที่มุ่งสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 อย่างมีประสิทธิภาพ

“จากวิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth หรือเติมเต็มโอกาสเพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน วันนี้ OR ได้เติม ”In Action” หรือการลงมือทำเข้าไปด้วย เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่าเรามี Action เยอะมาก โดย OR มีความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่ที่ OR มีสถานประกอบการตั้งอยู่ เช่น คลังน้ำมันของ OR ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ และสำหรับสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และคาเฟ่ อเมซอน ซึ่ง 80% มีเจ้าของเป็นเอสเอ็มอี และมีส่วนที่ดำเนินการโดย OR เพียง 20% เท่านั้น เราต้องการเปิดโอกาสให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน มีอะไรก็แชร์กัน ซึ่งเป็นแนวคิดที่เราใช้มาตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจ เพราะเรามองว่านี่คือ License to Operate ซึ่งเป็นมุมมองที่ OR ทำมานาน และจากวิสัยทัศน์ รวมทั้งเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนไป เราจึงทำให้มีความเป็นรูปธรรมและทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น”
นายวิศน เล่าว่า OR ตระหนักถึงความสำคัญของภาคธุรกิจในการเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม โดยได้ดำเนินการผ่านโครงการต่าง ๆ มากมาย เช่น การรับซื้อเมล็ดกาแฟจากโครงการหลวงต่าง ๆ ที่เข้าไปส่งเสริมการปลูกกาแฟให้กับเกษตรกร โดย OR มุ่งมั่นที่จะเข้าไปช่วยส่งเสริมเกษตรกรให้มีการปลูกกาแฟอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มีผลผลิตมากขึ้น นอกจากทำให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคงแล้ว ยังทำให้คนไม่ทิ้งบ้านและครอบครัวไปทำงานในเมืองใหญ่ สร้างเกราะป้องกันด้วยสังคมที่อบอุ่น รวมถึงลดปัญหาความเหลื่อมล้ำอีกด้วย

นอกจากนี้ OR ยังสามารถเป็นแพลตฟอร์มที่จะเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอี หรือคนตัวเล็กเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน โดยมีทั้งแพลตฟอร์มทางกายภาพ (physical platform) คือสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 2,100 แห่ง ซึ่งเวลาที่ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำก็จะเปิดให้นำผลผลิตมาจำหน่ายในสถานีบริการ และยังมีร้านไทยเด็ดที่เป็นช่องทางจำหน่ายให้กับชุมชนที่มีผลิตภัณฑ์น่าสนใจ สามารถทำให้ยอดขายผลิตภัณฑ์ของชุมชนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และในปีที่ผ่านมา OR ได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน เอ็กซ์พลอร์ (explORe) ซึ่งเป็นดิจิทัล แพลตฟอร์ม (digital platform) ให้พันธมิตรของ OR เข้ามาร่วมใช้งาน ซึ่งจะขยายให้ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต
“ESG เป็นเทรนด์สำคัญที่ธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กต้องดำเนินการ เพราะตอนนี้เราเห็นแล้วว่ามีความคาดหวังไปถึงทั้งห่วงโซ่อุปทานด้วย นั่นหมายความว่า บริษัทที่มีการดำเนินการด้าน ESG จำเป็นต้องค้าขายกับคู่ค้าที่มี ESG ในระดับเดียวกัน ดังนั้น ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2024 เชื่อว่าทุกคนจะเน้นเดินหน้าเรื่อง ESG เข้มข้นขึ้น โดยไม่ต้องรอให้มีกฎหมายบังคับ โดย OR ก็พร้อมที่จะดำเนินการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย NET ZERO ภายในปี 2050 ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการด้วยการส่งเสริมธุรกิจทุกประเภทของ OR ให้เป็นธุรกิจสีเขียว โดยเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดปริมาณขยะที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มปริมาณการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การนำร่องเปิดสถานีชาร์จ EV Station PluZ การติดตั้ง Solar Rooftop ในพื้นที่ดำเนินงานของ OR เป็นต้น” นายวิศน กล่าวสรุป