December 23, 2024

กรุงเทพฯ 28 กันยายน 2565 : STA เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้และหุ้นกู้ดิจิทัล อายุ 4 ปี ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือระดับ “A” แนวโน้ม “คงที่” จัดอันดับโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สะท้อนความมั่นคงของธุรกิจจากแนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยางธรรมชาติและความต้องการใช้ถุงมือยางที่ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง คาดเสนอขายเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยหุ้นกู้ทั่วไปจองซื้อผ่านธนาคารกสิกรไทย และหุ้นกู้ดิจิทัลจองซื้อผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทย

นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ผู้นำในธุรกิจยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลกและผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 2 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้ทั่วไป และหุ้นกู้ดิจิทัล โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด มีอายุ 4 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้นกู้ฯ ให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป ซึ่งจะแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับผลตอบแทนให้ทราบในภายหลัง ทั้งนี้ หุ้นกู้ฯ และบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ที่ระดับ “A” แนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยคาดว่าจะเสนอขายในเดือนพฤศจิกายน 2565

ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยางธรรมชาติและความต้องการใช้ถุงมือยางที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ ที่ดีขึ้น โดยทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทฯ จะมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่งในช่วง 12 - 18 เดือนข้างหน้า โดยบริษัทฯ มีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวน 2.7 - 4.4 พันล้านบาทในระหว่างปี 2565 - 2567 ในการนี้ ทริสเรทติ้ง ประมาณการว่า กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทฯ จะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.2 - 1.5 หมื่นล้านบาทต่อปี โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 บริษัทฯ มีเงินสดในมือและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 1.75 หมื่นล้านบาท และมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท

“บริษัทฯ มั่นใจว่า หุ้นกู้ STA จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนที่เป็นประชาชนทั่วไปเป็นอย่างดี หลังจากก่อนหน้านี้เราประสบความสำเร็จจากการขายหุ้นกู้ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ที่จองซื้อเข้ามาเกินจำนวนที่จัดสรรไว้ สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของผู้ลงทุน ที่มองเห็นโอกาสจากความมั่นคงของกิจการที่ยังสามารถเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ ขณะเดียวกัน การเสนอขายหุ้นกู้ให้กับประชาชนทั่วไปในครั้งนี้ บริษัทฯ ยังเพิ่มความหลากหลายในการเข้าถึงการลงทุน ซึ่งจะทำให้การลงทุนในหุ้นกู้สะดวกยิ่งขึ้น” นายวีรสิทธิ์กล่าว

สำหรับช่องทางการจำหน่ายหุ้นกู้ฯ ของ STA ในครั้งนี้ จะแบ่งเป็นหุ้นกู้ทั่วไป เสนอขายผ่านธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท และหุ้นกู้ดิจิทัล เสนอขายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 1,000 บาท

ปัจจุบัน บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายยางธรรมชาติแบบครบวงจร (Full Supply Chain) ในหลากหลายประเทศ เริ่มตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ ได้แก่ การทำสวนยางพาราในประเทศไทย ธุรกิจกลางน้ำ ประกอบด้วย การผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติ ทั้งยางแท่ง (TSR) ยางแผ่นรมควัน (RSS) และน้ำยางข้น (Concentrated Latex) รวมถึงธุรกิจปลายน้ำ ได้แก่ การผลิตและจำหน่ายถุงมือยาง และสินค้าสำเร็จรูป อาทิ ท่อไฮดรอลิกแรงดันสูง โดยบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนดอกเบี้ยในระดับต่ำ เนื่องจากได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ในระดับที่แข็งแกร่ง

กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร STA กล่าวด้วยว่า การออกและเสนอขายหุ้นกู้ฯ ของ STA ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการขยายกำลังการผลิตยางแท่ง 140,160 ตันต่อปี ที่โรงงานจังหวัดตรัง คาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จและเริ่มทยอยเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนมิถุนายนและเดือนกันยายนปี 2566 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายกำลังการผลิตยางธรรมชาติในปี 2566 เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดและรักษาความเป็นผู้นำธุรกิจยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลก ขณะที่แผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายมีปริมาณการขายยางธรรมชาติทุกประเภทรวม 1.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้นกว่า 20% จากปีก่อนที่มีปริมาณการขายรวมประมาณ 1.3 ล้านตัน

X

Right Click

No right click