นักลงทุนแห่จอง “โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ” สร้างปรากฎการณ์ใหม่แห่งการลงทุนที่เท่าเทียม จำกัดเพียง 240 ล้านโทเคน ย้ำรีบจองซื้อก่อนพลาด
ชู 3 ปัจจัยแกร่ง “พันธมิตร – เงินทุน – ไลเซนส์” มั่นใจโตก้าวกระโดดรับตลาดเงินดิจิทัลทั่วโลกกว่า 40 ล้านล้านบาท
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานกรรมการ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (XPG) เปิดเผยว่า “ปีนี้นับเป็นก้าวสำคัญแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเอ็กซ์สปริง ทั้งการเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)” และการได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน จนสามารถเพิ่มทุนได้สูงถึง 7,111 ล้านบาท ภายในเวลาไม่นาน รวมถึงการร่วมลงทุนจากพันธมิตร เช่น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ใน Digital Financial Service โดยปัจจุบันเอ็กซ์สปริงประกอบด้วย 5 กลุ่มธุรกิจการเงินที่พร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อร่วมกันสร้างโอกาสความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มนักลงทุนทุกระดับได้แก่ ธุรกิจหลักทรัพย์ โดยบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด ธุรกิจจัดการกองทุน โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง เอ เอ็ม ซี จำกัด ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยบริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด และธุรกิจจัดการเงินลงทุน
“การเพิ่มทุนทำให้เอ็กซ์สปริงมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีสภาพคล่องทางการเงินสูง ด้วยเงินทุนจากสัดส่วนผู้ถือหุ้นเดิม 3,094 ล้านบาท และสัดส่วนการเพิ่มทุนอีก 7,111 ล้านบาท ทำให้เอ็กซ์สปริงมีเงินทุนในมือกว่า 10,000 ล้านบาท ที่จะนำไปพัฒนาธุรกิจใน 3 ด้าน อาทิ 1. ธุรกิจดิจิทัล: มุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนรูปแบบดิจิทัล และสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจสำหรับบริการด้านการเงิน 2. ธุรกิจปัจจุบัน: ขยายธุรกิจหลักทรัพย์และให้บริการโซลูชันทางการเงินแบบครบวงจรแก่ลูกค้า การสนับสนุนการลงทุนนอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity) การขยายธุรกิจบริหารจัดการกองทุนและสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารความเสี่ยงและความสามารถด้านเทคโนโลยี 3. ชำระคืนเงินกู้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน”
“สำหรับผลประกอบการของเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ถือว่าน่าพอใจ โดยมีรายได้รวม ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลงทุนแล้ว 167 ล้านบาท สูงกว่ารายได้รวมส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลงทุนของทั้งปี 2563 ที่มีจำนวนรวม 141 ล้านบาท กำไรสุทธิฯ อยู่ที่ 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 791% ซึ่งนับเป็นสัญญาณบวก และทำให้เชื่อมั่นว่าแผนรุกธุรกิจที่แข็งแกร่งในช่วงต่อจากนี้ จะทยอยส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีรายได้เติบโตก้าวกระโดดได้ในปี 2565”
“Transformation & Leap Forward”
ในปี 2564 บริษัทวางแผนรุกธุรกิจครั้งใหญ่สู่การเป็น “Digital Financial Service” ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจร ที่จะเปลี่ยนโลกธุรกิจการเงินเดิมๆ สู่นวัตกรรมการเงิน ด้วยการต่อยอดความเชี่ยวชาญ ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล เชื่อมโยงโลกการเงินปัจจุบันและโลกบริการการเงินดิจิทัลอนาคตเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงโลกการเงินและการลงทุนได้สะดวกและง่ายดาย ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นไม่สูง รวมทั้งสามารถเปิดรับข้อมูลการลงทุนได้อย่างครอบคลุม โปร่งใส และน่าเชื่อถือ ซึ่งนับเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูงในตลาดโลก
ก้าวใหม่ของเอ็กซ์สปริงวันนี้ จึงมาจากการมองเห็นเทรนด์การเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจการเงินดิจิทัลทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมูลค่ากว่า 40 ล้านล้านบาท (1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ) ที่มีโอกาสเติบโตสูงและจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศได้อีกมากในอนาคต ซึ่งเอ็กซ์สปริงวางเป้าการเติบโตไปพร้อมตลาดโลกผ่านสินทรัพย์ที่จะมาแทนที่เงินสกุลต่างๆ เช่น คริปโทเคอเรนซี่ และการซื้อขายทองคำผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งเพียงแค่ตลาดบิทคอยน์ตลาดเดียวก็โตกว่า 24 ล้านล้านบาท (8 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ) รวมทั้งในตลาดแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) และ Decentralized Finance ที่มีขนาดกว่า 11.7 ล้านล้านบาท (3.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ) และ 1.35 ล้านล้านบาท (45,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ตามลำดับ นอกจากนั้น Utility Token และ Security Token ก็ยังเป็นการเงินดิจิทัลที่มีการเติบโตสูงเช่นกัน ด้วยขนาดตลาดในปัจจุบันที่สูงถึง 1.95 ล้านล้านบาท (64,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ทั้งนี้ ทั่วโลกยังนำโทเคนดิจิทัลและระบบบล็อคเชนมาใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ โทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงกับสินทรัพย์ดั้งเดิม เช่น ทอง ตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก (Disruption) ที่จะนำมาสู่โอกาสทางธุรกิจของเอ็กซ์สปริงอีกมากมายในอนาคต
นายระเฑียร กล่าวต่อว่า “3 จุดแข็งของเอ็กซ์สปริง ภายหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือ “พันธมิตร – เงินทุนที่แข็งแกร่ง และการมี 17 Licenses ในมือ” โดยมีเป้าหมายที่จะรุกธุรกิจให้เติบโต ด้วยบทบาทของการเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางธุรกิจของเอ็กซ์สปริง เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทหลักทรัพย์ การมุ่งเน้นหุ้นขนาดกลาง (Mid-cap) เป็นหลัก การบริการครบวงจรสำหรับตลาดทุนและโซลูชันในการขายโทเคนดิจิทัล (ICO) การยกระดับความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจ และการสร้างความแข็งแกร่งให้กับทุนมนุษย์ (Human Capital) นอกจากนี้เอ็กซ์สปริงจะพัฒนาต่อยอดในอนาคต ด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ (AM) และการลงทุนในบริษัทที่อยู่นอกตลาด (PE) เพื่อดึงดูดกลุ่มมั่งคั่งที่มีจำนวนมากขึ้น ตลอดจนลงทุนในแพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบใหม่อีกด้วย”
สำหรับแผนการรุกธุรกิจภายหลังการเพิ่มทุน เอ็กซ์สปริงจะเดินหน้าตามแผนธุรกิจ “Transformation & Leap Forward” เต็มรูปแบบ โดยตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัท บริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง เอ เอ็ม ซี จำกัด “XSpring AMC” บริษัทย่อยของเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล ได้ร่วมมือกับแสนสิริ “ร่วมลงทุนในกองสินทรัพย์” ที่ประกอบด้วยลูกหนี้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์และพักอาศัย และสัญญาหลักประกันซึ่งประกอบไปด้วยที่ดิน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล (NPL) เพื่อนำมาบริหารสินทรัพย์ต่อยอดธุรกิจและสร้างรายได้เพิ่มในระยะยาว รวมทั้งจะรุกธุรกิจ Digital Finance มากขึ้น ผ่านเอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ผู้ ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลในประเทศไทย (ICO Portal) ออก ICO 2 ตัวในปีนี้ คือ “โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ” (SiriHub Investment Token) ซึ่งเป็น Real Estate-backed ICO ตัวแรกของไทยที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ “Ready to use Utility Token” ที่เตรียมเปิดตัวเป็นครั้งแรกในวงการเอนเตอร์เทนเมนต์และ EV Charging Ecosystem ของประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ ชาร์จ แมเนจเม้นท์ (SHARGE) ผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งด้านการให้บริการชาร์จรถ EV ครบวงจร รวมถึงการเปิดรับคริปโทในการซื้อที่อยู่อาศัยและชำระค่าส่วนกลางของแสนสิริทุกโครงการ ครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย
“เอ็กซ์สปริง ยังมีแผนการเปิดตัวธุรกิจนายหน้าและผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital asset broker and dealer) ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และการขอใบอนุญาต Digital asset fund manager ที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ และ Open-architecture licenses เพื่อเพิ่มทางเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุนให้แก่ลูกค้า ตลอดจนการหาโอกาสการลงทุนในบริษัทเอกชนที่มีศักยภาพสูง เป็นต้น กลุ่มธุรกิจเอ็กซ์สปริง ขอขอบคุณผู้ถือหุ้นและนักลงทุนที่ให้ความไว้วางใจ และขอให้มั่นใจว่าบริษัทฯ จะใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจการเงิน ขับเคลื่อนธุรกิจเต็มที่อย่างไม่หยุดยั้ง สร้างโอกาสการลงทุนที่หลากหลายและเหมาะสมเพื่อสร้างผลตอบแทนและความพึงพอใจให้กับนักลงทุนที่สนใจ ทั้งรายเล็กรายใหญ่รวมทั้งกลุ่ม Wealth อันจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายสู่ผู้นำบริการทางการเงินครบวงจรทั้งโลกการเงินปัจจุบันและโลกการเงินดิจิทัลได้ในที่สุด” นายระเฑียร กล่าวปิดท้าย
นายอัฏฐ์ ทองใหญ่ อัศวานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด ในฐานะ ICO Portal (Initial Coin Offering Portal) ที่ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หนึ่งใน ICO Portal รายแรก ๆ ในประเทศไทย กล่าวถึงความน่าสนใจของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ของ 2 วงการธุรกิจว่า “โทเคนดิจิทัลสามารถกำหนดรูปแบบผลตอบแทน ทั้งการได้เป็นผู้ร่วมลงทุน ในรูปแบบโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) หรือจะเป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) ที่กำหนดสิทธิให้ผู้ถือโทเคนได้รับสิทธิในสินค้าและบริการต่างๆ ตามที่กำหนดไว้ เป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจว่ากำลังลงทุนในอะไร มีสิทธิอะไรบ้าง และมีผลตอบแทนที่ชัดเจนอย่างไร ล่าสุดทางเอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ได้รับความไว้วางใจจาก “SHARGE” ผู้ให้บริการ EV Charging Ecosystem เตรียมออกโทเคนดิจิทัลพร้อมใช้ หรือ “Ready-to-Use Utility Token” ที่พร้อมเปิดตัวปลายไตรมาส 3 ของปีนี้ การลงทุนของโทเคนดิจิทัลที่จะเปลี่ยนเป็น Loyalty Program มาพร้อมส่วนลดและ Privilege อื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างฐานกลุ่มลูกค้าในตลาดและโอกาสการเติบโตในอนาคต เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จะช่วยกลั่นกรองการออกผลิตภัณฑ์และนำเสนอนวัตกรรมที่ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงอย่างสะดวกและง่ายดายซึ่งอยู่ในรูปแบบของ Utility Token ภายใต้ Ecosystem ของโลกดิจิทัล”
นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) เปิดเผยว่า “ชาร์จ แมเนจเม้นท์ มีแผนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลา 5 ปี โดยปักหมุดการเป็นผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งด้านการให้บริการชาร์จรถ EV ครบวงจรด้วยเป้าหมายยอดขาย 3,000 ล้านบาท พร้อมโรดแมปธุรกิจ “LIFESTYLE CHARGING ECOSYSTEM NIGHT, DAY, ON-THE-GO” ด้วยจุดแข็งทางธุรกิจของชาร์จ อาทิ การใช้อุปกรณ์นำเข้ามาตรฐานยุโรป ปลอดภัยต่อการใช้ไฟฟ้าแรงสูง มีทีมบริการหลังการขายมืออาชีพดูแลทั่วประเทศ การเข้าถึงไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ด้วยแอปพลิเคชัน SHARGE รองรับการค้นหา-จองสถานีชาร์จและจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชันอย่างง่ายดาย รวมถึงการจับมือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ค่ายรถยนต์ ศูนย์การค้า และธุรกิจพลังงาน ในการสร้าง Ecosystem ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมการใช้งานทั้งกลุ่มชาร์จตามบ้าน ชาร์จที่จุดหมายปลายทาง และชาร์จตามสถานี ในสัดส่วนของลูกค้า SHARGE เองนั้น จะมีทั้งในส่วนของลูกค้ารายใหญ่ ที่ต้องการกระตุ้นให้คนซื้อรถ EV เพิ่มมากขึ้นแต่ยังมีข้อกังวลเรื่องจุดให้บริการ หรือกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีไว้ให้บริการลูกค้า และรายย่อยคือกลุ่มบุคคลทั่วไป ภายในครึ่งปี 64 ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้เร่งเพิ่มหัวจ่ายได้มากขึ้นถึง 300 หัวจ่าย สามารถรองรับการให้บริการชาร์จรถ EV ได้มากถึง 1,000 คัน และภายในปี 65 เราตั้งเป้ามากกว่า 40 สถานีเพื่อรองรับตลาดรถยนต์แบตเตอรี่ 100% ที่ต้องการชาร์จเร็วพิเศษ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันเราเล็งเห็นความสำคัญของ Loyalty Program ที่ในตลาดคู่แข่งเองยังไม่มี บริษัทฯ จึงเล็งเห็นโอกาสการระดมทุนในรูปแบบ Utility Token โดยได้จับมือกับ เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล เปิดตัว “Ready-to-Use Utility Token” โทเคนดิจิทัลพร้อมใช้ ที่จะเปลี่ยนเป็น Loyalty Program ชาร์จรถไฟฟ้าพร้อมส่วนลดค่าไฟ รวมถึง Privilege อื่นๆ จาก Ecosystem ในอนาคต เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตของ SHARGE ตามแผนธุรกิจ 5 ปี ในการก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งผู้ให้บริการธุรกิจชาร์จรถ EV ครบวงจร”
นายปิ่นปราชญ์ จักกะพาก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด (ERX) เป็นบริษัทในเครือของบริษัท เอเลเวตเท็ด รีเทิร์นส์ (Elevated Return : ER) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัลจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในการเป็น “แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange)” ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า “ERX ดำเนินงานโดยคณะผู้บริหารทุกท่านซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในธุรกิจตลาดทุนของประเทศไทยและสากลมายาวนาน นักลงทุนจึงมั่นใจได้ว่า ERX เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้บริษัทฯ เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรายแรกและรายเดียวที่มุ่งเน้นเฉพาะการซื้อขายโทเคนดิจิทัลที่มีการอ้างอิงกับสินทรัพย์การลงทุนที่จับต้องได้ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่พัฒนาโดยเทโซส (Tezos) เนื่องจากมองว่าทำให้ง่ายต่อการเข้าใจของผู้ลงทุนทั่วไป อีกทั้งยังมีระบบรักษาความปลอดภัยและการคุ้มครองผู้ลงทุนที่เป็นมาตรฐานสากล และยังจับมือเป็นพันธมิตรกับ XSpring Digital ซึ่งเป็น ICO Portal ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. เมื่อพิจารณาถึงความพร้อมในด้านต่างๆ แล้ว เราเชื่อมั่นว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านการซื้อขายที่ ERX จะได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนรุ่นใหม่มากขึ้นอย่างแน่นอน”
นายอัฏฐ์ กล่าวปิดท้ายว่า “นับเป็นการรุกเดินหน้าธุรกิจของเอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ที่ได้รับความไว้วางใจจาก SHARGE เพื่อศึกษาการออกสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อรองรับแผนการรุกธุรกิจในอนาคต ทั้งนี้ “XSpring Digital” ในฐานะหนึ่งใน ICO Portal (Initial Coin Offering Portal) รายแรก ๆ ในประเทศไทยที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ในการดำเนินธุรกิจ Digital Financial Service ในด้าน “การให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล” แก่นักลงทุน รวมถึงความร่วมมือจาก ERX หรือ “บริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด” ซึ่งเป็น “ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange)” ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทำให้เชื่อมั่นว่าจะได้รับความสำเร็จตามแผนที่วางไว้ ซึ่งนับว่า XSpring Digital จะเป็นผู้นำในการสร้างต้นแบบการสร้างความหลากหลายใน Digital Financial Service และพัฒนา Ecosystem ในโลกการเงินดิจิทัลที่ทำให้เกิดขึ้นได้จริง และสามารถรองรับการลงทุนในธุรกิจได้หลากหลายอุตสาหกรรม”