รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มาแรงและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในบรรดาผู้ใช้รถยนต์ โดยเฉพาะในหมู่ผู้ซื้อรถยนต์หน้าใหม่ เพราะโดดเด่นทั้งเรื่องความสะดวกสบายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อรถไฟฟ้าสักคันควรเช็กให้รอบคอบ fintips by ttb #เรื่องเงินที่รู้จริงแบบเพื่อนที่รู้ใจ อยากชวนทุกคนมาเช็กและทำความเข้าใจเรื่องที่จำเป็นต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ทุกการใช้เงินของคุณคุ้มค่ามากที่สุด
1. ประเภทรถยนต์ไฟฟ้า
ประเภทของรถยนต์ไฟฟ้าจะแบ่งตามวิธีการทำงานและพลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อน โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้
2. สำรวจความพร้อมด้วยเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าน่ารู้
หลายคนอาจกังวลเรื่องความพร้อมและบริการต่าง ๆ เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ แต่ปัจจุบันตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราสามารถติดตามเทรนด์และความเคลื่อนไหว เพื่อให้ไม่พลาดข่าวสาร รวมทั้งช่วยเสริมความมั่นใจและไขข้อสงสัยต่าง ๆ ได้อีกด้วย โดยเทรนด์ที่น่าสนใจล่าสุด มีดังนี้
3. ไลฟ์สไตล์เราเป็นแบบไหน เหมาะกับรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่
แน่นอนว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและการทำงานก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ควรพิจารณาควบคู่ เช่น
4. ข้อมูลสำคัญ เพื่อการดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้า
ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เราควรจะต้องทราบข้อมูลที่สำคัญในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า เช่น
ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ามีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ซึ่งก่อนตัดสินใจซื้อควรต้องศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้เข้าใจก่อนว่า รถยนต์ไฟฟ้านั้นมีกี่ประเภท ไลฟ์สไตล์การใช้งานแบบไหนที่เหมาะกับตัวเอง รวมไปถึงการดูแลรักษาต่าง ๆ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อได้อย่างคุ้มค่า และขับขี่อย่างปลอดภัยตลอดอายุการใช้งาน
และเมื่อเลือกรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบไลฟ์สไตล์ได้แล้ว ก็อย่าลืมวางแผนการเงินก่อนตัดสินใจซื้อ โดยหากคุณกำลังมองหา ไฟแนนซ์รถ หรือ สินเชื่อเพื่อซื้อรถใหม่สักคัน สินเชื่อรถยนต์ใหม่ ทีทีบีไดรฟ์ มีโซลูชัน หรือสินเชื่อที่ตอบโจทย์คุณได้ ให้คุณรู้ผลอนุมัติเบื้องต้นไว ภายใน 30 นาที ผ่อนได้นาน สูงสุด 84 เดือน และสมัครได้ง่าย ๆ เพียงใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว (ลูกค้าทีทีบีไดรฟ์)
มาร่วมวางแผนชีวิตทางการเงิน เพื่อสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้นไปพร้อมกัน ด้วยเคล็ดลับทางการเงินดี ๆ ได้ที่ “fintips by ttb” เรื่องเงินที่รู้จริงแบบเพื่อนที่รู้ใจ
การมีภาระหนี้สินมากเกินกว่าจะจัดการไหว อาจส่งผลกระทบต่อการเงินในมิติต่าง ๆ ของชีวิตได้ ดังนั้น fintips by ttb เรื่องเงินที่รู้จริงแบบเพื่อนที่รู้ใจ จึงขออาสาพาไปพบกับ 3 เรื่องที่คนเป็นหนี้ต้องรู้ เพื่อหยุดปัญหาหนี้เรื้อรังได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยให้พิชิตหนี้ได้ไวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งรักษาสุขภาพทางการเงินและสุขภาพใจได้อีกด้วย
สิ่งแรกขอชวนทุกคนมาเช็กปัญหาหนี้กันก่อน หากยังไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังเผชิญปัญหาหนี้อยู่หรือไม่ ให้ลองสำรวจตัวเองง่าย ๆ ด้วย 4 สัญญาณเหล่านี้
ถ้าหากพบว่ามีสัญญาณเหล่านี้ และคิดว่าตัวเองเริ่มมีปัญหา สามารถติดต่อธนาคารที่ได้ทำการกู้สินเชื่อไว้เพื่อหาวิธีแก้หนี้อย่างยั่งยืนร่วมกันได้ และมาดูพร้อม ๆ กันได้เลย กับ “3 สิ่งที่ต้องรู้ หยุดปัญหาหนี้เรื้อรังได้ ให้พิชิตหนี้ได้ไวขึ้น”
1. มาตรการแก้หนี้ยั่งยืน คือ แนวทางแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนแบบครบวงจรโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดให้สถาบันการเงิน หรือธนาคารให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม โดยดูแลลูกค้าสินเชื่อที่ประสบปัญหาด้านการชำระหนี้ กำหนดสิทธิเพื่อคุ้มครองลูกค้าสินเชื่อ สนับสนุนวินัยด้านการเงิน และการบริหารจัดการหนี้ที่ดี
2. มาตรการแก้หนี้ยั่งยืนประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่
1) การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา เพื่อให้สถาบันการเงิน หรือธนาคารช่วยเหลือลูกค้าที่มีปัญหาหนี้ ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ สำหรับวางแผนการชำระหนี้ให้ลูกค้ารายย่อยและ SMEs ที่ไม่เคยผ่านการปรับโครงสร้างหนี้มาก่อน โดยธนาคารจะเสนอแนวทางปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีเงินคงเหลือเพียงพอต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมทั้งธนาคารต้องเสนอแนวทางการช่วยเหลือ (Product Program) อย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อให้ลูกค้าที่เริ่มมีปัญหาในการชำระหนี้ไม่เป็นหนี้เสีย ส่วนสำหรับคนที่เป็นหนี้เสีย(Non-Performing Loan : NPL) จะไม่ถูกโอนขายหนี้ก่อน 60 วัน นับจากวันที่เสนอเงื่อนไขปรับปรุงโครงสร้างหนี้
นอกจากนี้ ยังมีโครงการคลินิกแก้หนี้สำหรับคนที่มีปัญหาหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ค้างชำระเกิน 120 วัน เมื่อเข้าร่วมโครงการจะได้รับการปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ให้ผ่อนเฉพาะเงินต้นนานสูงสุด 10 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยเพียง 3-5% ต่อปี และยกดอกเบี้ยค้างเดิมให้เมื่อชำระครบตามสัญญา รวมไปถึงยังมีทางด่วนแก้หนี้ และหมอหนี้เพื่อประชาชน ที่จะคอยช่วยให้คำปรึกษาด้านการแก้ปัญหาหนี้อย่างครบวงจร
2) การแก้ปัญหาหนี้เรื้อรัง เป็นแนวทางที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เมษายน 2567 โดยให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาหนี้อย่างต่อเนื่อง (กลุ่มเปราะบาง) ให้สามารถจบหนี้ได้ โดยกำหนดให้คนที่เป็นหนี้เรื้อรังจากสินเชื่อส่วนบุคคลประเภทวงเงินหมุนเวียน แต่ยังไม่เป็นหนี้เสีย และมีการชำระดอกเบี้ยรวมมากกว่าเงินต้นรวมในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งยังมีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 20,000 บาท จะได้รับความช่วยเหลือให้ปิดยอดหนี้ได้เร็วยิ่งขึ้น ผ่านการเปลี่ยนประเภทสินเชื่อเป็นแบบผ่อนชำระรายงวด (Installment Loan) เพื่อให้ปิดจบหนี้ได้ภายใน 5 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงไม่เกิน 15% ต่อปี ทั้งนี้ ไม่รวมสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล และบัตรเครดิต
3)การคุ้มครองสิทธิลูกหนี้ เพื่อให้มีความเป็นธรรมกับลูกหนี้มากขึ้น ทั้งการให้ความรู้เรื่องสินเชื่อ การบริหารจัดการหนี้ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและสร้างวินัยทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น
3. สิทธิคุ้มครองเพื่อแก้หนี้อย่างยั่งยืน มีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 ประกอบด้วย
1) ไม่ต้องจ่ายค่า Prepayment Fee หรือค่าปรับจากการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนกำหนด โดยจะต้องปิดยอดหนี้ก่อนวันที่ครบกำหนดในสัญญา รวมไปถึงสัญญาเก่าที่ยังมีผลอยู่ด้วยเช่นกัน โดยจะมีผลกับสินเชื่อทั้ง 5 ประเภท ได้แก่
2) ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยลูกค้าสินเชื่อจะไม่ถูกคิดค่าธรรมเนียมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ยกเว้นค่าประเมินราคาหลักประกัน ซึ่งจำเป็นต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณากำหนดเงื่อนไขการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
3) ไม่มีการคิดดอกเบี้ยแบบทบต้นของสินเชื่อรายย่อยทั้งหมด รวมไปถึงกรณีที่บัญชีเดินสะพัดของสินเชื่อวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี หรือ Overdraft ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป
4) ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้เองว่าจะกดเงินทันทีหรือไม่ หลังจากได้รับอนุมัติสินเชื่อบัตรกดเงินสดแล้ว นอกจากนี้ยังมีสิทธิ์ที่จะได้รับข้อมูลสำคัญที่ถูกต้องและครบถ้วน เพื่อสามารถใช้เปรียบเทียบข้อมูลได้ รวมถึงมีสิทธิ์ที่จะได้รับแจ้งเตือนให้มาชำระหนี้อย่างมีวินัย
ลองมาสำรวจสัญญาณปัญหาหนี้ดังกล่าวข้างต้นกันดู หากสำรวจตัวเองแล้วพบว่าเริ่มมีปัญหา อย่าลังเลที่จะติดต่อธนาคารที่เราเป็นลูกค้าสินเชื่อเพื่อหาวิธีแก้หนี้อย่างยั่งยืน ส่วนใครที่กำลังจะขอสินเชื่อ อย่าลืมทำความเข้าใจ อัตราดอกเบี้ย และคำนวณดอกเบี้ยที่จะต้องชำระ ไม่ว่าจะเป็นชำระคืนปกติตามกำหนด จ่ายขั้นต่ำ หรือผิดนัดชำระ เพื่อช่วยวางแผนการเงินให้ดียิ่งขึ้น
มาร่วมออกแบบชีวิตทางการเงินในวันนี้และในอนาคต เพื่อพิชิตเป้าหมายการมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ด้วยเคล็ดลับทางการเงินดี ๆ ได้ที่ “fintips by ttb” เรื่องเงินที่รู้จริงแบบเพื่อนที่รู้ใจ
เพียงคลิก https://www.ttbbank.com/th/fintips-pr
หรืออ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/fintips-bot1-pr
ค้นหาตัวช่วยพิชิตหนี้ได้ ที่ https://www.ttbbank.com/phi-chit-nee-fintips-pr
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารฯ กำหนด
ทราบหรือไม่ มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ ต้องทำเรื่องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา