ธนาคารกรุงไทย ร่วมกับ แพทยสภา เปิดตัวแอปพลิเคชัน MD eConnect ผู้ช่วยบริหารจัดการสำหรับแพทย์และนักศึกษาแพทย์ทั่วประเทศ เชื่อมโยงข้อมูลสำคัญบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ลดการเดินทาง เข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ตอบโจทย์วิถีชีวิตรูปแบบใหม่ พร้อมมุ่งเป้าต่อยอดความร่วมมือ ยกระดับการพัฒนาบริการด้านสาธารณสุขทั่วประเทศอย่างยั่งยืน

ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา กล่าวว่า แพทยสภาเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และยกระดับการให้บริการด้านสาธารณสุขให้ทันสมัย มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล และตอบโจทย์การใช้ชีวิตวิถีใหม่ตามนโยบาย Thailand 4.0 โดยในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากธนาคารกรุงไทย นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเชื่อมโยงข้อมูลสมาชิกของแพทยสภาในระบบ MD eService และพัฒนาขึ้นมาเป็น แอปพลิเคชัน MD eConnect ที่สามารถใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ ได้ทุกที่ทุกเวลา 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการให้บริการกับสมาชิกแพทยสภาซึ่งปัจจุบันมีแพทย์จำนวนประมาณ 70,000 คน และนักศึกษาแพทย์จำนวนประมาณ 16,800 คนทั่วประเทศ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (PDPA) เป็นสำคัญ และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วยเทคโนโลยี Self-Sovereign Identity (SSI) ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ ของแพทยสภา ผดุงไว้ซึ่งความเป็นธรรม มุ่งเน้นการพัฒนามาตรฐานวิชาชีพ และมาตรฐานด้านสุขภาพของประชาชน

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการ พร้อมยกระดับชีวิตคนไทยทุกกลุ่มในทุกมิติ โดยให้ความสำคัญกับแผนงานด้านการรักษาพยาบาลและสุขภาพ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ระบบนิเวศน์หลักของธนาคาร เดินหน้ายกระดับระบบสาธารณสุขของประเทศโดยพัฒนาระบบ Krungthai Digital Health Platform สำหรับกลุ่มโรงพยาบาล คลินิก และร้านยา รวมถึงพัฒนาฟังก์ชันและบริการใหม่ๆ ของ Health Wallet บนเป๋าตังสำหรับประชาชน เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข และสร้างระบบการบริการสุขภาพที่ทันสมัย รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และมีการขยายความร่วมมือกับโรงพยาบาลพันธมิตร ในการพัฒนา Smart Hospital มาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดร่วมมือกับแพทยสภา พัฒนาแอปพลิเคชัน MD eConnect ยกระดับการให้บริการแก่แพทย์ภายใต้การดูแลของแพทยสภาประมาณ 70,000 คน และเตรียมพร้อมขยายการให้บริการ รองรับนักศึกษาแพทย์ทั่วประเทศ ด้วยฟีเจอร์ที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการ ของผู้ใช้ เชื่อมต่อกับระบบยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ให้สามารถยืนยันตัวตนผ่านแอปฯ "เป๋าตัง" ซึ่งเป็น Thailand Open Digital Platform เพื่อสร้างบัญชีผู้ใช้งาน เพื่อความมั่นใจ แม่นยำและอำนวยความสะดวกผู้ใช้ พร้อมด้วยฟีเจอร์ Digital MD Card บัตรประจำตัวในรูปแบบ Virtual ID ที่เชื่อมโยงข้อมูลจาก MD Card สามารถแสดงบัตรประจำตัวผู้ประกอบการวิชาชีพเวชกรรมในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์แทนการใช้กระดาษ นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัวผ่านแอปฯ ด้วยตนเองได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้การจัดการ ด้านข้อมูลส่วนบุคคล และการจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบเอกสารรับรอง (Verifiable Credential: VC) ดำเนินการผ่านระบบดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี Self-Sovereign Identity (SSI) ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล พร้อมเพิ่มระดับความปลอดภัยในการใช้งานด้วยรหัส PIN และ Biometric

MD eConnect เป็นแอปพลิเคชันที่จะช่วยอำนวยความสะดวกแพทย์และนักศึกษาแพทย์ ที่มีข้อจำกัด ในเรื่องเวลา ตอบโจทย์ให้ชีวิตง่ายขึ้นในแอปฯ เดียว ครอบคลุมทุกบริการ สะดวก ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งการสมัคร และจ่ายค่าธรรมเนียมการออกบัตร MD Card การลงทะเบียนสมัครเรียนและสอบ เช็กคะแนนในระบบการศึกษาต่อเนื่องของแพทย์ (CME) และการลงคะแนนเลือกตั้งแพทยสภา พร้อมบริการอัปเดตข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์แพทยสภาให้ไม่พลาดกิจกรรมและข้อมูลสำคัญ เพิ่มช่องทางการติดต่อกับแพทยสภา ด้วยบริการส่งเรื่องร้องเรียน และคำปรึกษาผ่านบริการกล่องข้อความ

ธนาคารกรุงไทย มุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานบริการสาธารณสุข นำเทคโนโลยีดิจิทัลพัฒนาเชื่อมต่อข้อมูลและประวัติการรักษาคนไข้ในระบบ HIE (Health Information Exchange) จากโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการกว่า 260 โรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อให้แพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลด้วยการสแกน QR Code แทนการกรอกบัญชีผู้ใช้งานและรหัสผ่าน ช่วยให้การถ่ายโอนข้อมูลรวดเร็ว ครบถ้วนและถูกต้อง ประหยัดเวลาในการรักษา หลีกเลี่ยงการตรวจรักษาที่ไม่จำเป็น และช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่องในกรณีที่ผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาต่างโรงพยาบาล นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทย ยังมีแผนร่วมมือกับแพทยสภา ต่อยอดการนำ MD Digital ID เชื่อมโยงกับระบบต่างๆ ทางการแพทย์ เพื่อให้การยืนยันตัวตนของแพทย์ถูกต้อง ได้มาตรฐาน ป้องกันการปลอมแปลง โดยสามารถนำไปสนับสนุนการออกเอกสารรับรองในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ใบรับรองแพทย์ดิจิทัล เพื่อเป็นเอกสารประกอบการพิจารณาและในการเบิกจ่าย โดย MD Digital ID ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นในการเข้ารับบริการ การแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine ให้กับประชาชน เพื่อการยกระดับการบริการ สร้างระบบการบริการสุขภาพที่ทันสมัย รวดเร็ว มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ เสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบสาธารณสุขในประเทศอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน

พล.อ.ท. นพ. อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภากล่าวว่า แพทยสภาจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อจัดทำโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศ ร่วมกับธนาคารกรุงไทยเป็นเวลากว่า 2 ปี โดยเชื่อมโยงฐานข้อมูล ของแพทยสภาและการบริการของสมาชิกผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม สมาชิกที่สนใจสามารถใช้บริการ MD eConnect ในเฟสแรกและส่งคำแนะนำกลับมายังแพทยสภา เพื่อนำไปพัฒนาและยกระดับการให้บริการให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้สมาชิกแพทยสภาสามารถดาวน์โหลดแอปฯ MD eConnect และแอปฯ เป๋าตัง เพื่อใช้ยืนยันตัวตน ได้ตั้งแต่วันนี้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tmc.or.th หรือสอบถามข้อมูลการใช้งาน MD eConnect ได้ที่ แพทยสภา หมายเลขโทรศัพท์ 02-590-1887 และ 099-498-4509 และสอบถามข้อมูลการยืนยันตัวตน ผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ได้ที่ Krungthai Contact Center 02-111-1111

ธนาคารกรุงไทย ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.40% มีผล 3 มกราคม 2566 สะท้อนต้นทุนทางการเงินที่แท้จริง จากกรณีธปท.ปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ เป็นอัตราปกติที่ 0.46% เดินหน้าช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางอย่างตรงจุด ทันการณ์ และฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ (Policy Normalization) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและชัดเจนขึ้น โดยธปท.ประกาศปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ให้กลับเข้าสู่อัตราปกติที่ 0.46% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 จากที่ประกาศปรับลดเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือ 0.23%ต่อปี เพื่อลดต้นทุนสถาบันการเงิน ให้ส่งผ่านความช่วยเหลือไปยังภาคธุรกิจและภาคประชาชน โดยธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทลง 0.40% ไปแล้วก่อนหน้านี้

การปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF ดังกล่าว ส่งผลให้ธนาคารจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทวงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย (MRR) ในอัตรา 0.40% ต่อปี ตามที่ได้ปรับลดลงไป 0.40% ในช่วงก่อนหน้า มีผลตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2566 เป็นต้นไป โดยอัตราดอกเบี้ย MLR เท่ากับ 6.15% MOR เท่ากับ 6.72% และ MRR เท่ากับ 6.77% ต่อปี สอดคล้องกับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

โดยที่ธนาคารกรุงไทย ให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง โดยพิจารณาอย่างรอบคอบให้มีผลกระทบกับลูกค้าน้อยที่สุด โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อย ผู้ประกอบการรายเล็กและกลุ่มเปราะบาง ที่รายได้ยังไม่กลับมาปกติ เพื่อดูแลช่วยเหลือลูกค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยมาตรการความช่วยเหลือจะพิจารณาให้เหมาะสมกับลูกค้า แต่ละกลุ่ม เพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้ตรงจุด และทันการณ์ ครอบคลุมทั้งการลดภาระทางการเงิน การปรับปรุงโครงสร้างหนี้เดิม การไกล่เกลี่ยหนี้ และการเสริมสภาพคล่อง โดยคำนึงถึงศักยภาพและโอกาสในการปรับตัวของลูกค้าในอนาคต พร้อมสนับสนุนการปรับตัวรองรับทิศทางเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว สามารถแข่งขันได้ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้นในทุกมิติ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ กรุงไทยเคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน

“ผู้หญิงอย่าหยุดสวย” วลีฮิตที่ไม่เคยตกยุค ซึ่งปัจจุบันไม่ว่าเพศไหน วัยไหน หรือชาติใด เรื่องความงามเป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงานร่วมถวายแจกันดอกไม้ และลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์โดยเร็ววัน เมื่อวันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2565 ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

 “ธนาคารกรุงไทย” จับมือ “อินฟินิธัส” เปิดตัวบริการใหม่ “เป๋าตังเปย์”  มุ่งเป้าสร้างประสบการณ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์สังคมไร้เงินสด ให้ตรงใจคนรุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิด “เปย์ไป มีแต่ได้” คาดมีผู้ใช้งานกว่า 5 ล้านรายภายในปี 2566

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้นำดิจิทัลแบงกิ้งของไทย วางยุทธศาสตร์ชัดเจนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ใน 5 Ecosystems หลัก ทั้งบริการภาครัฐ การศึกษา การขนส่งมวลชน สุขภาพและการรักษาพยาบาล รวมถึงการชำระเงิน ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการหลักของระบบธนาคาร และเป็นปัจจัยสนับสนุนทุกกิจกรรมในระบบเศรษฐกิจ โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รูปแบบการชำระเงินของไทยเปลี่ยนแปลงไปสู่การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Digital Payment อย่างชัดเจน จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้ประชาชนหันมาใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัลแทนเงินสดมากขึ้น

จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย ล่าสุด ณ เดือนกันยายน 2565 การใช้จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) เพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 400 รายการต่อคนต่อปี จากปี 2564 อยู่ที่ 312 รายการต่อคนต่อปีและปี 2563 อยู่ที่ 202 รายการต่อคนต่อปี โดยช่องทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Internet & Mobile Banking มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 133 ล้านบัญชี มีปริมาณธุรกรรม 2,139 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 48.6% มูลค่ารวม 8.43 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีธุรกรรมที่เติบโตสูงคือ บริการชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) ซึ่งเป็นการชำระเงินของคนรุ่นใหม่ มีไลฟ์สไตล์ชอบความสะดวก รวดเร็ว ทำธุรกรรมได้แบบเรียลไทม์บนมือถือ โดยมีจำนวนผู้ใช้งานถึง 122.6 ล้านบัญชี ปริมาณธุรกรรม 302 ล้านรายการต่อเดือน เพิ่มขึ้น 38.5% มูลค่ารวม 5.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  

และเพื่อตอกย้ำการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมไร้เงินสดอย่างยั่งยืน ธนาคารกรุงไทย ร่วมกับ บริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย จึงพัฒนา “เป๋าตังเปย์” (Paotang Pay) ให้เป็นซูเปอร์วอลเล็ตของคนไทย เพิ่มศักยภาพดิจิทัลเพย์เมนต์แอปฯ “เป๋าตัง” ให้ครบวงจรมากขึ้น เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัล โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้งานกว่า 5 ล้านราย ภายในสิ้นปี 2566

นางประราลี รัตน์ประสาทพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย จำกัด ผู้พัฒนาแอปฯ เป๋าตัง กล่าวว่า ทิศทางการชำระเงินในอนาคตมุ่งสู่ Digital Payment อย่างชัดเจน จากรายงาน Global Payments ของ World Pay ชี้ว่า ปัจจัยสนับสนุนคือ 1. ความนิยมซูเปอร์แอป หรือแอปฯ ที่รวมฟังก์ชันต่างๆเข้าด้วยกัน เพราะช่วยให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์การใช้จ่ายแบบครบวงจรจากแพลตฟอร์มเดียว 2. ผู้บริโภคชอบการชำระเงินที่มีความคล่องตัว ใช้งานง่ายและรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องพกเงินสด 3. ผู้ให้บริการ e-Commerce ชั้นนำต่างเปิดรับการชำระเงินด้วยวอลเล็ต รวมถึงเปิดวอลเล็ตของตัวเอง เพิ่มช่องทางการรับชำระค่าสินค้าและบริการให้ผู้บริโภค 4. มีช่องทางการเติมเงินเข้าวอลเล็ตที่หลากหลายขึ้น ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต บัญชีธนาคาร เป็นต้น 5. การชำระเงินแบบไร้สัมผัสมีการเร่งตัวขึ้น โดยผู้บริโภคเริ่มใช้เงินสดน้อยลงและใช้วอลเล็ตมากขึ้น จากทิศทางดังกล่าว บริษัทจึงพัฒนา “เป๋าตังเปย์” ให้เป็นบริการอีกขั้นของการชำระเงินในรูปแบบซูเปอร์ วอลเล็ตบนแอปฯ เป๋าตัง ที่ผสานความสามารถของ Bank App และ e-Wallet เข้าด้วยกันให้บริการแบบ Open Loop เป็นวอลเล็ตแรก โดยใช้ QR พร้อมเพย์ เป็นตัวกลาง เปิดกว้างทุกการใช้จ่าย ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้จ่ายทุกร้านค้าได้อย่างอิสระ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ มุ่งขยายฐานผู้ใช้งานกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และวัยเริ่มต้นทำงานที่มีเพียง 30% บนแอปฯ เป๋าตังเป็นหลัก และเพื่อให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง “เป๋าตังเปย์” จึงถูกออกแบบและพัฒนาโดยทีมคนรุ่นใหม่ INFINITAS NEXT GEN TEAM ภายใต้แนวคิด “เปย์ไปมีแต่ได้” ครอบคลุมทั้งบริการโอนเงิน เติมเงิน สแกนจ่ายผ่านคิวอาร์พร้อมเพย์ได้ทุกธนาคาร และทุกร้านค้าทั่วไทย รวมถึงใช้ชำระบิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ บัตรเครดิต ประกัน หรือค่าธรรมเนียมหน่วยงานภาครัฐ ฯลฯ ซึ่งจะมาพร้อมสิทธิประโยชน์และภารกิจสนุกๆ เพื่อพิชิตคูปองส่วนลดมากมาย

นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถใช้จ่ายได้ทุกร้านทั่วไทยอย่างแท้จริง ยังได้เปิดตัว บัตรเพลย์ บัตรที่เชื่อมกับ เป๋าตังเปย์ ผสานการใช้งานออนไลน์-ออฟไลน์ ใช้ชำระค่าโดยสารระบบขนส่งมวลชน แบบ Contactless แตะจ่ายได้ทั้งรถ ราง และทางด่วน ใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ และรูดจ่ายผ่านเครื่อง EDC Payment ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการออกบัตร เมื่อออกบัตรภายในวันที่ 31 มกราคม 2566 และใช้จ่ายผ่านบัตรเพลย์ ครบ 1,000 บาท/บัตร/เดือน รับสิทธิ์รับเครดิตเงินคืนเข้าเป๋าตังเปย์ 45 บาทต่อเดือน (จำกัด 1,000 สิทธิ์/เดือน) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 – 28 กุมภาพันธ์ 2566

นางสาวสุพร สุนทรโรหิต Chief Business Innovation Officer บริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย จํากัด กล่าวว่า “เป๋าตังเปย์” พร้อมมอบความสะดวกสบายให้ผู้ใช้งานได้อย่างไร้รอยต่อ เพียงแค่มีแอปฯ เป๋าตัง ก็สมัครใช้งานได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงกรอกข้อมูลบัตรประชาชนข้อมูล CDD (Customer Due Diligence) สแกนใบหน้ายืนยันตัวตน หากสมัครเป๋าตังเปย์สำเร็จ จะสามารถกดสมัครบัตรเพลย์บนแอปฯ เป๋าตังได้ทันที สะดวก และสามารถเติมเงินได้หลายช่องทางทั้ง G-Wallet Krungthai NEXT และ Mobile Banking ของทุกธนาคาร หรือผ่าน QR Code รับเงิน โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565

เป๋าตังเปย์และบัตรเพลย์  หวังสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับการใช้จ่ายของคนไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ “เปย์สนุก” “เปย์ครบ” ทุกธุรกรรม และ “เปย์คุ้ม” รับส่วนลดมากมาย เมื่อสมัครใช้งาน และใช้จ่ายผ่าน เป๋าตังเปย์ที่ร้านค้าถุงเงิน เพียง 50 บาท รับส่วนลด 10 บาททันที สูงสุดคนละ 5 สิทธิ รวม 500,000 สิทธิ และจ่ายเพียงบาทเดียว เมื่อซื้อ Wall’s จำกัด 150,000 สิทธิ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2565 นอกจากนี้ ยังมีคูปองส่วนลดช้อปปิ้ง กิน เที่ยว ทุกเดือนกับพาร์ทเนอร์อีกจำนวนมาก สมัครได้แล้ววันนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://krungthai.com/th/content/personal/paotang-pay หรือ Krungthai Contact Center 02-111-1111

X

Right Click

No right click