December 05, 2025

ช.การช่าง เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป (Public Offering)  จำนวน 4 ชุด อายุ 3 ปี 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ยระหว่าง [3.30-4.20]% ต่อปี คาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 18 และ 21-22  เมษายน 2568 โดยมีธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เผยหุ้นกู้ฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ  A- แนวโน้ม “คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 สะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างและลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ด้วยงานในมือ (Backlog) สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 210,153 ล้านบาท

บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ผู้นำด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในระดับภูมิภาคอย่างมีคุณภาพและครบวงจร รวมถึงมีศักยภาพในการพัฒนา, การลงทุนเชิงกลยุทธ์, และการบริหารโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าโครงการสูงและมีความซับซ้อนในการก่อสร้างได้ทุกรูปแบบ  เตรียมออกหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด เสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป ประกอบด้วย

หุ้นกุ้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.30-3.50]% ต่อปี  

หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.60-3.80]% ต่อปี

หุ้นกู้ชุดที่ 3  อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.80-4.00]% ต่อปี

หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.00-4.20]% ต่อปี

สำหรับหุ้นกู้ชุดที่ 2 – 4 มีเงื่อนไขให้ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก่อนครบกำหนดไถ่ถอน ตามเงื่อนไขที่ระบุในข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้

โดยกำหนดจ่ายดอกเบี้ยคงที่ทุก 6 เดือน ซึ่งบริษัทฯ จะประกาศผลตอบแทนที่แน่นอนอีกครั้ง ทั้งนี้ คาดว่าจะเสนอขายได้ในระหว่างวันที่ 18 และ 21-22  เมษายน 2568 ผ่านสถาบันการเงิน 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

สำหรับหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 ที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่” เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กร  สะท้อนสถานะของบริษัทฯ ในการเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำในประเทศไทย ที่มีความสามารถในการรับงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่และโครงการที่มีความซับซ้อน และมีความยืดหยุ่นทางการเงินที่เกิดจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ รวมถึงโอกาสในการเติบโตจากมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ

ปัจจุบัน บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภท ได้แก่ (1) ธุรกิจการก่อสร้าง ทั้งระบบขนส่งมวลชน ท่าอากาศยาน ถนน ทางด่วน รถไฟทางคู่ สะพาน ระบบพลังงาน ระบบน้ำและท่าเรือ และ (2) ธุรกิจการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภค ด้วยการเป็นผู้ลงทุนพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคด้านต่างๆ โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการทางพิเศษและระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้า รวมถึงการพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่เกี่ยวเนื่องกับระบบทางพิเศษและรถไฟฟ้าในสัดส่วน 37.18% บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW ผู้ผลิตจำหน่ายน้ำประปาและบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจรในสัดส่วน 19.40% และถือหุ้นในบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ผู้ผู้ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าแก่ กฟผ. และ กฟภ. ในสัดส่วน 30.00% (ข้อมูลโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567)

นายณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้ และชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้ ซึ่งจะเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างทางการเงิน รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ ให้มากขึ้น โดยบริษัทฯ เชื่อว่า หุ้นกู้ ช.การช่าง จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

“หุ้นกู้เป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุนโดยรวมที่มีความผันผวน หุ้นกู้ ช.การช่าง ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ “A-” ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุน ทั้งผู้ที่เคยลงทุนในหุ้นกู้ ช.การช่าง มาแล้ว และผู้ลงทุนรายใหม่ที่เห็นถึงความมั่นคงและโอกาสในการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งที่ผ่านมา หุ้นกู้ของบริษัทฯ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้น โดยสามารถจ่ายได้ครบถ้วนและตรงตามกำหนดเวลาทุกครั้ง” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ทั้งนี้ ความแข็งแกร่งของ ช.การช่าง ยังสะท้อนผ่านผลการดำเนินงาน โดย ณ สิ้นปี 2567 บริษัทฯ มีปริมาณงานในมือที่รอรับรู้รายได้ มูลค่า 210,153 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่ ทั้งนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากสัญญาก่อสร้างในปี 2567 อยู่ที่ 37,458 ล้านบาท คิดเป็น 97% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 973 ล้านบาทจากปีก่อน คิดเป็นเพิ่มขึ้น 3% ปัจจัยหลักมาจากบริษัทฯ และบริษัทย่อยรับรู้รายได้ในการก่อสร้างทั้งโครงการที่มีอยู่และโครงการใหม่ รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งเงินลงทุนจากกิจการที่บริษัทฯ เข้าไปลงทุน

ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ มีการลงนามในสัญญาขนาดใหญ่ อาทิเช่น

  • เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 บริษัทฯได้ลงนามเป็นผู้รับจ้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มกับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นประมาณ 109,216 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัญญางานออกแบบและก่อสร้างงานโยธา (Civil Works Contract) มีมูลค่าโครงการ 82,502 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และสัญญาจ้างงานจัดหาระบบรถไฟฟ้า (M&E Works Contract) มีมูลค่าโครงการ 26,714 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
  • เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 บริษัทฯได้ลงนามเป็นผู้รับจ้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน กับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในสัญญาจ้างจัดหาขบวนรถไฟฟ้าเพิ่มเติมและปรับปรุงระบบรถไฟฟ้า มีมูลค่าโครงการ 6,800 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับการเซ็นสัญญางานก่อสร้างในปี 2568 ประกอบด้วย โครงการทางด่วนยกระดับชั้นที่ 2 มูลค่าประมาณ 35,000 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ส่วนต่อขยายฝั่งใต้) งานระบบและซ่อมบำรุง มูลค่าประมาณ 27,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังคาดว่าจะได้เซ็นสัญญางานก่อสร้างใหม่อีกอย่างน้อยปีละประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากเร่งรัดการประมูลงานและการเซ็นสัญญางานก่อสร้างในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของภาครัฐ เช่น งานก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง งานรถไฟทางคู่ และงานขยายสนามบิน เป็นต้น

และเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ ได้รับการประเมิน ESG Rating ประจำปี 2567 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพิ่มขึ้นจากระดับ A สู่ระดับ AA รวมถึงได้รับคะแนนประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาวหรือ “ดีเลิศ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2567 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มีการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนภายใต้หลักธรรมาภิบาล

ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้ ช.การช่าง สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยติดต่อผ่าน 3 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 0-2111-1111 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02 888 8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

ขอย้ำเตือน ผู้ลงทุนโปรดระวังมิจฉาชีพที่แอบอ้างชื่อบริษัทฯ หลอกลงทุน นำเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริง โดยเฉพาะช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook และแอปพลิเคชั่น Line เป็นต้น ขอให้นักลงทุนพิจารณาผลตอบแทนที่เป็นไปได้ หรือติดต่อสอบถามผ่านสถาบันการเงินทั้ง 3 รายที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายก่อนตัดสินใจลงทุน

CK ประกาศงบไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิ 704 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ในงวดเดียวกัน 283% และมีรายได้ก่อสร้าง 18,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.34% และมีรายได้รวม 19,456 ล้านบาท

นายณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่าสำหรับผลการดำเนินงาน งวด 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีผลประกอบการค่อนข้างดีเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งเป็นผลมาจากความคืบหน้าของโครงการทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทมีรายได้ก่อสร้างงวด 6 เดือนอยู่ที่ 18,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.34% มีรายได้รวม 19,456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.56% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2565 สาเหตุหลักมาจากโครงการสำคัญของบริษัท ได้แก่ โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงด้านใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ โครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ได้เข้าสู่ช่วงของเนื้องานหลักทำให้รับรู้รายได้เข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง สร้างกำไรสุทธิให้บริษัทในครึ่งปีแรกได้ 704 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้นเติบโตกว่าในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาจาก 7.10% เป็น 7.36%

นอกจากนี้ CK จะมีการลงนามโครงการก่อสร้างอีก 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการทางหลวงหมายเลข 118 สายเชียงใหม่ - เชียงราย ตอนที่ 3 มูลค่า 800 ล้านบาท จะลงนามในวันที่ 16 สิงหาคม 2566 และโครงการโรงบำบัดน้ำเสียและระบบบำบัดน้ำเสียธนบุรี สัญญาที่ 1 มูลค่า 2,404 ล้านบาท คาดว่าจะลงนามได้ภายในปลายไตรมาสที่ 3 ทำให้ภาพรวมผลประกอบการในไตรมาส 3/2566 ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องและสามารถเติบโตได้จาก Backlog ในปัจจุบันซึ่งมีมูลค่าราว 140,000 ล้านบาท ทั้งนี้ CK ยังมีศักยภาพในการเข้าประมูลแข่งขันโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐในอนาคตได้อีกหลายโครงการ อาทิ โครงการรถไฟทางคู่ เฟสที่ 2 โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง โครงการทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย โครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานกรุงเทพ(ดอนเมือง)

เฟส 3พร้อมจ่ายเงินปันผล

ในส่วนการจ่ายเงินปันผลคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในงวดวันที่ 1 ม.ค. ถึง 30 มิ.ย. 2566 ในอัตรา 0.15 บาท/ หุ้น มูลค่ารวม 254 ล้านบาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 28 ส.ค. 2566 และวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (record date) ในวันที่ 29 ส.ค. 2566 ซึ่งจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 ก.ย. 2566

บริษัทลูกแข็งแกร่ง

นายณัฐวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า CK ยังได้อานิสงส์จากส่วนแบ่งกำไรและเงินปันผลจากบริษัทในกลุ่ม อย่างบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) “BEM” บริษัท ซีเคพาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) “CKP” และบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) “TTW” ที่ช่วยสนับสนุนผลประกอบการได้เป็นอย่างดี โดยในไตรมาสนี้ CK มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 255 ล้านบาท และยังได้รับเงินปันผลเข้ามาจาก TTW จำนวน 232 ล้านบาทอีกด้วย

กลุ่มบริษัท ช.การช่าง นำโดย นายณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) และคณะผู้บริหารบริษัทในเครือ ร่วมนำแจกันดอกไม้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา พร้อมลงนามถวายพระพรขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพระพลานามัยแข็งแ รงสมบูรณ์ในเร็ววัน ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เมื่อเร็วๆ นี้

X

Right Click

No right click