December 22, 2024

ซีพี ออลล์” ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น  เซเว่น เดลิเวอรี่ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ซีพี  แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เตรียมออกหุ้นกู้เสนอขายแก่ประชาชนเป็นการทั่วไป จำนวน 4 ชุด อายุหุ้นกู้ตั้งแต่ 4 ปี 4 วัน ถึง 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง [3.05 – 3.98]% ต่อปี

โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายครั้งนี้ได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ระดับ “AA-” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นของบริษัท ทั้งจากระดับกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นและอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่ลดลง คาดว่าเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 19 - 21 สิงหาคม 2567 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 4 แห่ง รวมถึงขายผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet พร้อมเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังมิจฉาชีพหลอกลงทุน 

นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ซีพี ออลล์” เตรียมพร้อมที่จะเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย  

หุ้นกู้ชุดที่ 1 

อายุ 4 ปี 4 วัน อัตราดอกเบี้ย [3.05 – 3.25]% ต่อปี 

หุ้นกู้ชุดที่ 2 

อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย [3.20 – 3.45]% ต่อปี 

หุ้นกู้ชุดที่ 3 

อายุ 8 ปี อัตราดอกเบี้ย [3.55 – 3.75]% ต่อปี 

หุ้นกู้ชุดที่ 4 

อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย [3.75 – 3.98]% ต่อปี 

อัตราดอกเบี้ยสุดท้ายจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง คาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 19 - 21 สิงหาคม 2567 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 4 แห่ง ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ รวมทั้งเสนอขายผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet  

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร รวมถึงหุ้นกู้ที่จะเสนอขายครั้งนี้ มาอยู่ที่ระดับ “AA-” แนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “คงที่” (Stable) จากระดับ “A+” สะท้อนถึงสถานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น มีระดับกำไรที่ปรับตัวดีขึ้น และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่ลดลง นอกจากนั้น ยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จากการมีสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และมีธุรกิจสนับสนุนที่เข้มแข็ง รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ  

“ซีพี ออลล์” เป็นที่รู้จักของประชาชนในวงกว้างด้วยแบรนด์ร้าน  “เซเว่น อีเลฟเว่น” ผู้ให้บริการความสะดวกกับทุกชุมชน โดยบริษัทฯ ยังคงกลยุทธ์การเป็นจุดหมายปลายทางของอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Drink Destination) เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสเข้าถึงสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้สโลแกน “หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา” และ “หิวเมื่อไหร่ก็สั่งเลย” โดยมีแผนงานที่จะพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ แบบ O2O เชื่อมโยงช่องทางออนไลน์และออฟไลน์แบบไร้รอยต่อ ผ่านบริการ 7-Delivery ส่งตรงถึงบ้าน นอกจากนี้ ยังมีแนวทางการขยายสาขาและสร้าง “เสน่ห์ร้าน” ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้า (Beyond Customer Experience) โดยมุ่งกระจายตัวให้เข้าถึงทุกชุมชน  ทั้งนี้ ณ ไตรมาส 1 ปี 2567 มีจำนวนร้านสาขารวม 14,730 สาขาทั่วประเทศ และยังคงมีการขยายเครือข่ายร้านสาขาต่อเนื่องไปตามการขยายตัวของชุมชน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แหล่งท่องเที่ยวและทำเลที่มีศักยภาพอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยบริษัทวางแผนที่จะลงทุนเปิดสาขาในประเทศไทยอีกประมาณปีละ 700 สาขา นอกจากนี้ การขยายธุรกิจไปยังประเทศกัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าในต่างประเทศ โดยบริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มเติมตามศักยภาพของแต่ละประเทศ  

ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 1 ปี 2567 ที่ผ่านมา  บริษัทฯ มีรายได้รวม 241,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 6,319 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในกลยุทธ์ด้านสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ขณะที่บริษัทฯ ยังคงดำเนินตามกลยุทธ์ของบริษัทฯ ภายใต้สโลแกน “สะดวกครบ จบที่เดียว (All Convenience)” ทั้งในเรื่องของสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการเป็นศูนย์บริการด้านสุขภาพและความงามของชุมชน ซึ่งสอดรับกับการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัว จำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับมา และกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆที่เพิ่มมากขึ้น  ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็น กลไกที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ตลอดทั้งเศรษฐกิจของประเทศที่เข้าไปดำเนินธุรกิจให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยหลักการ ของการเป็น “เพื่อนที่รู้ใจ” ใกล้ทุกชุมชน และ เป็น “เพื่อนบ้าน” ที่พึ่งพาได้ 

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก FTSE4Good Index ติดต่อกันเป็นปีที่ 6, เป็นสมาชิก DJSI ในกลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7, กลุ่มดัชนี DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 อีกทั้งได้รับการจัดอันดับด้านการกำกับดูแลกิจการจาก IOD ในระดับดีเลิศ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 สะท้อนถึงศักยภาพของ “ซีพี ออลล์”  ที่สามารถสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน เป็นธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และเป็นธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งนี้ในปี 2567 บริษัทฯ ได้กำหนดนโยบายด้านความยั่งยืนองค์กร  “2ลด 4สร้าง 1DNA” เพื่อยึดมั่นเป็นองค์กรที่อยู่เคียงคู่ชุมชน สร้างสรรค์สังคมยั่งยืน ผ่านแนวคิด ESG ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) โดย “2 ลด” จะเน้นลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และ ลดการใช้พลังงาน เป็นแกนขับเคลื่อนด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม,  “4 สร้าง” เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสังคม (Social)  ได้แก่ สร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างชุมชนอุ่นใจ และ “1 DNA” เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านธรรมาภิบาล (Governance) โดยรวมพลังพนักงานกว่า 250,000 คน ขับเคลื่อน “DNA ความดี 24 ชั่วโมง”  

 

ส่งแนวคิด “เปลี่ยนขยะเป็นทรัพย์สิน” สู่เยาวชน-ชุมชน ขยายเครือข่ายจัดการขยะแข็งแกร่งสุดในไทย

ซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่น ผนึกกำลัง 10 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ อาทิ เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC), เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP), ยูนิลีเวอร์ ร่วมต่อยอด “ภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง”

X

Right Click

No right click