โมเดอร์นฟอร์มแบรนด์แห่งนวัตกรรม เปิดตัวการลงทุนใน FIN$TREET (ฟินสตรีท) Tech Startup Company โดย ทักษะ บุษยโภคะ (กลาง) ประธานกรรมการบริหาร บริษัทโมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กิติพัฒก์ เนื่องจำนงค์ (ขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัทโมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ ดร.โกศล ทรัพย์ประเสริฐ (ซ้าย) ผู้ก่อตั้ง FIN$TREET (ฟินสตรีท) ณ โชว์รูมโมเดอร์นฟอร์ม เพลินจิต
ทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการลงทุนใน FIN$TREET (ฟินสตรีท) ว่า “โมเดอร์นฟอร์มให้ความสำคัญกับวิวัฒนาการปัจจุบันซึ่งเป็นการตอบสนองนโยบายของภาครัฐ ที่มุ่งสู่ Digitalization ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกอุตสาหกรรมในธุรกิจกำลังปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ Digital Transformation ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย สำหรับโมเดอร์นฟอร์มได้นำเรื่องของ Digital Transformation มาปรับใช้ในการบริหารจัดการหลายๆส่วน และโครงการที่เราได้ตัดสินใจลงทุนไปเมื่อไม่นานมานี้ก็คือการลงทุน Tech Startup Company คือ FIN$TREET ซึ่งโมเดอร์นฟอร์ม ร่วมลงทุนอยู่ในสัดส่วน 10% และ HBot จากการศึกษา พัฒนาและก่อตั้งของดร. โกศล
ในขณะนี้ กำไร ที่ได้จากกำลงทุน และกำไรที่ได้จากขาย อัตราส่วนอยู่ที่ 30% ต่อ 70% ภายใน 2 ปี คาดว่าจะมีอัตราส่วนอยู่ที่ 50% ต่อ 50% ในอนาคตอีก 3-5 ปีข้างหน้า โมเดอร์นฟอร์มจะไม่ได้อยู่แค่ในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์เพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นบริษัทโฮลดิ้ง ขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไฟแนนซ์ โรงแรม โรงพยาบาล เพื่อให้เกิดวิธีการใหม่ๆ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน และส่งเสริมให้ต่างฝ่ายต่างแข็งแกร่งมากขึ้น ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของโมเดอร์นฟอร์มให้ก้าวหน้า ทันต่อสถานการณ์โลกอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงสร้างกลุ่มลูกค้า ขยายฐานลูกค้า ต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่ให้เติบโต และก้าวหน้าไปได้อีกในอนาคต
คุณกิติพัฒก์ เนื่องจำนงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริม นอกจากจะเน้นเรื่อง Digital แล้ว สิ่งที่ทำมาตลอดคือ เราจะไม่หยุดนิ่งและเพิ่มพันธมิตรไปเรื่อยๆ และสาเหตุที่โมเดอร์นฟอร์มตัดสินใจลงทุนในฟินสตรีทเพราะเรามองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้น รวมถึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่ยืนยันและแสดงให้เห็นว่าโมเดอร์นฟอร์มนั้น เป็นแบรนด์และเป็นบริษัทที่มีวิสัยทัศน์ทันสมัย และยังทำให้เราดู younger ขึ้นอีกด้วย เรามองว่าการลงทุนในธุรกิจต่างๆ เป็นผลดีกับทั้ง 2 ฝ่าย เพราะจะได้แลกเปลี่ยน knowledge, know-how ที่เรามีให้กันและกัน และเสริมให้เราทั้ง 2 แข็งแกร่งมากขึ้น
FIN$TREET ตั้งใจพัฒนา SMART Credit Report ให้เป็นอีกทางเลือก ที่จะช่วยในการประเมิน คำนวณ วิเคราะห์ถึงสุขภาพทางการเงินและความสามารถในการผ่อนชำระ ที่มองเห็นถึงความสามารถของผู้กู้ในอนาคต โดยวิเคราะห์สุขภาพทางการเงินของผู้ใช้งานจากการบูรณาการของข้อมูลที่ถูกจัดเก็บจากหลายมิติ ทั้งทาง โซเชียล การชำระภาษีเงินได้ พฤติกรรมการใช้เงิน และที่สำคัญที่สุดคือข้อมูลที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติผ่านการใช้งานระบบ FIN$TREET ตัวอย่างเช่น ระบบจะสามารถบอกได้ว่าคนที่มีความเข้าใจและสามารถปลดหนี้บัตรเครดิตได้ น่าจะมีแนวโน้มที่จะไม่มีหนี้เสียอีก หรือคนที่เคยผ่านการรีไฟแนนซ์บ้านบ่งชี้ได้ถึงวินัยทางการเงินที่ดีSMART Credit Report ให้ข้อมูลในมิติที่ลึก แต่รวดเร็วแบบ real time ให้กับทั้งสถาบันการเงิน ผู้ให้กู้ยืม โดยจะครอบคลุมทั้งลูกค้าชั้นดี ลูกค้าทั่วไป คนที่เคยเสียประวัติ หรือไม่มีข้อมูลเครดิต
ด้วยกลยุทธ์เจาะตลาดแบบเข้าถึง โดยการนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพบน FIN$TREET Facebook ช่วยสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ทำให้มีกระแสตอบรับผู้ใช้ต่อโพสต์มากถึง 6 ล้านการเข้าถึงแบบ organic รวมถึงการที่ลูกเพจแชร์หลายๆโพสต์ต่อๆกันไปร่วม 100,000 shares ส่งผลให้อัตราการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการของ FIN$TREET ได้พุ่งทะยานแบบก้าวกระโดดกว่า 10 เท่าตัวในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันมีฐานผู้ใช้งานกว่า 130,000 คน บน Facebook และในขณะเดียวกันระบบ FIN$TREET สามารถรองรับผู้ใช้งานที่ต้องการคำปรึกษาส่วนตัว ด้วยการใช้ A.I. Chatbot แบบตัวต่อตัว 1:1 ในกรณีที่เป็นเรื่องซับซ้อน และต้องใช้การวิเคราะห์เชิงลึกช่วยให้คำปรึกษาเพิ่มเติม เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ใช้งานไม่เพียงแต่เข้ามาหาความรู้บนหน้าเพจเท่านั้น ซึ่งจะทำให้แพลตฟอร์มเกิดการพัฒนายิ่งๆขึ้นไปในรูปแบบ Machine Learning
นอกเหนือจากระบบ Chatbot ที่สามารถให้คำปรึกษาแบบอัตโนมัติ FIN$TREET จึงได้พัฒนาสร้างระบบ จับคู่ ที่ช่วยหาผู้ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ มาให้คำปรึกษา แนะนำ ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือด้านการบริหารจัดการหนี้สิน ออมเงิน ลงทุน หรือการวางแผนทางการเงิน แบบแชทตัวต่อตัว 1:1 บนแพลตฟอร์มของ FIN$TREET เริ่มเปิดใช้งานฟีเจอร์ล่าสุดนี้ มี.ค. 2561 ซึ่งบริการนี้จะเป็นการเปิดมิติใหม่ของการให้คำปรึกษาทางการเงินแบบ exclusive ส่วนตั๊วส่วนตัว ก่อให้เกิด peer-to-peer learning โดยใช้ระบบเก็บข้อมูลประวัติการรับบริการและวิธีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ผ่านเทคโนโลยีBlockchain”