“เคทีซี” จับมือกับ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ “DOHOME” มอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เมื่อช้อปสินค้าที่ ดูโฮม ศูนย์ค้าปลีก-ค้าส่ง วัสดุก่อสร้าง ซ่อมแซมและตกแต่งบ้าน และใช้คะแนน KTC FOREVER สามารถแลกรับส่วนลดสูงสุด 20% ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 - 30 เมษายน 2567

 

นายณัฐสิทธิ์ สุนทราณู ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เคทีซีมุ่งมั่นนำเสนอความคุ้มค่า ที่พร้อมตอบโจทย์การให้บริการทางการเงินในทุกไลฟ์สไตล์ของสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีทุกกลุ่ม ที่อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัด ให้สามารถใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น อีกทั้งในช่วงเทศกาลต่างๆ น่าจะเป็นโอกาสที่ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายเพื่อครอบครัว และคนใกล้ชิด อาทิเช่น ช่วงเทศกาลตรุษจีนและวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึง ตลอดจนยังมีโครงการ “อีซี่ อี-รีซีท” (Easy E-Receipt) ของภาครัฐที่เข้ามามีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพื่อเป็นการสร้างความคุ้มค่าให้แก่สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีและลูกค้าของดูโฮมอย่างต่อเนื่อง เราจึงจัดแคมเปญมอบส่วนลดเพิ่มสูงสุด 20% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีตามเงื่อนไขที่กำหนด ที่ดูโฮมทุกสาขาที่ร่วมรายการ และใช้คะแนน KTC FOREVER ตั้งแต่ 2,000 คะแนนขึ้นไป โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ktc.promo/dohome”

 

ด้าน นางสาวอริยา ตั้งมิตรประชา กรรมการบริหาร บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME เสริมว่า “กว่า 40 ปี ที่ดูโฮม มีนโยบายหลักในการตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการสินค้าเพื่อบ้าน ภายใต้คอนเซ็ปต์ ครบ ถูก ดี ที่ดูโฮม ทั้งสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มซ่อมแซมและกลุ่มตกแต่งบ้าน อาทิ กระเบื้องและสุขภัณฑ์ เครื่องครัว-โคมไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือช่าง สีเคมีภัณฑ์ รวมถึงอุปกรณ์สำนักงาน และสินค้าอุปโภคบริโภค และเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพและเพิ่มความสะดวกในการชำระค่าสินค้าให้แก่ลูกค้าดูโฮม จึงได้ร่วมกับ บัตรเครดิตเคทีซี มอบสิทธิพิเศษที่หลากหลายให้กับลูกค้า อาทิ ผ่อนชำระ 0% ทุกชิ้นทั้งร้าน และโปรโมชันพิเศษต่างๆ กรณีลูกค้าชำระสินค้าแบบเต็มจำนวน และแลกคะแนนผ่านบัตรเครดิตเคทีซี และพร้อมต่อยอดความร่วมมือเพื่อตอบโจทย์ความคุ้มค่าให้กับลูกค้า”

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC 02 123 5000 หรือติดตามโปรโมชันของเคทีซีได้ที่ https://www.ktc.co.th หรือ www.DOHOME.co.th หรือ Line official : @Dohome หรือ Facebook fan page : Dohomeonline หรือ สายด่วน 1746 สำหรับผู้สนใจสมัครบัตรเครดิตเคทีซี ทุกประเภท คลิก https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรเครดิตควรใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX Securities Co., Ltd.) เรือธงด้านการลงทุนภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) ร่วมสนับสนุนมาตรการภาครัฐ “Easy E-Receipt” ชวนนักลงทุนคนไทยลงทุนแบบคุ้มค่ากับ InnovestX เพื่อใช้สิทธิในการขอลดหย่อนภาษี สูงสุด 50,000 บาท โดยลูกค้า InnovestX สามารถนำเอกสารยืนยันการซื้อขายหน่วยลงทุน หรือใบกำกับภาษีในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์ (E-receipt/E-tax invoice) ที่แสดงข้อมูลการเสียค่าธรรมเนียม หรือค่านายหน้าจากการลงทุน เมื่อลงทุนกับ บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ อาทิ กองทุนรวม หุ้นต่างประเทศ หุ้นไทย ตราสารอนุพันธ์ เพื่อยื่นประกอบการใช้สิทธิขอลดหย่อนภาษี ปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567 โดยนักลงทุนจะได้รับเอกสารยืนยันการซื้อขาย หรือใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-receipt/E-tax invoice) ทางอีเมลที่ผูกไว้กับบัญชี เพื่อให้การลงทุนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกนอกเหนือจากการซื้อสินค้าและบริการในการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีง่ายๆ ผ่าน Easy e-Receipt

Easy e-Receipt คือ มาตรการลดหย่อนภาษีประจำปี 2567 ที่กรมสรรพากรกำหนดให้บุคคล ธรรมดาสามารถนำใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-receipt/E-tax invoice) ของการซื้อสินค้า และบริการจากร้านค้าที่จดทะเบียนในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีใน ปี 2567 ได้สูงสุด 50,000 บาท

สำหรับลูกค้า InnovestX และนักลงทุนที่สนใจลงทุนพร้อมใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี Easy e-Receipt สามารถเริ่มลงทุนได้ที่แอปพลิเคชัน InnovestX หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Direct Message Facebook InnovestX, Line OA: @InnovestX

** ระยะเวลาการลงทุนและการลงทุนในแต่ละผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างกัน อาจส่งผลต่อการใช้สิทธิ์ตามมาตรการ Easy E-Receipt กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขก่อนการลงทุน

*** ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษี จากกรมสรรพากรก่อนตัดสินใจลงทุน สามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการที่ บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ หรือ Facebook: InnovestX

ชอปทุกชิ้นที่บิ๊กซี ทุกสาขาทั่วประเทศ  ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2567

กรุงเทพประกันชีวิต ชวนคนไทยวางแผนการเงิน พร้อมใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี

บลจ.อีสท์สปริง ประเทศไทย จัดงานมหกรรมการลงทุนเพื่อวางแผนภาษี “โค้งสุดท้าย! คัดเน้นๆ SSF-RMF หลากหลายธีมลงทุนจากทั่วโลก

 นายจักรพงษ์ เมษพันธุ์ หรือ โค้ชหนุ่ม จาก The Money Coach,  นายถนอม เกตุเกม จากเพจ TaxBugnoms, นายเธียรวิชญ์ จิตตมานนท์กุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายฝึกอบรม บมจ. พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต, นายอติชาญ เชิงชวโน จากเพจ spin9 ยูทูบเบอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ชื่อดัง และ นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.อีสท์สปริง มาร่วมพูดคุย และร่วมให้มุมมองการลงทุนเพื่อวางแผนภาษีไว้อย่างน่าสนใจ

ในช่วงเริ่มต้นงานสัมมนา นายถนอม ได้กล่าวถึงการวางแผนภาษีไว้ว่า การวางจัดการการเงินของตัวเองเพื่อให้มีเงินเหลือและเงินเก็บ ไม่ได้จำกัดแค่การจัดการลดหย่อนภาษีเท่านั้น เพราะหากเราเข้าใจ ก็จะทำให้เรามีเงินมากขึ้น นอกจากนั้นยังพบว่าหลายคนยังติดกับดักของผู้ชนะ คือ ยิ่งได้เงินภาษีคืนมากเท่าไหร่ก็นับว่าเป็นชัยชนะมากเท่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป

หลังจากนั้นโค้ชหนุ่มได้กล่าวเสริมว่า จริง ๆ แล้ว ทุกคนทราบดีว่าภาษี คือ ค่าใช้จ่ายขนาดใหญ่ แต่หลายคนกลับมองข้าม ไปโฟกัสการใช้จ่ายอย่างอื่นมากกว่า ดังนั้น การวางแผนภาษี ในทางหนึ่งก็คือการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีศิลปะ บางครั้งการมุ่งมั่นที่จะลดหย่อนภาษีมากเกินพอดี ก็อาจทำให้เราไม่มีเงินมาจับจ่ายใช้สอยได้ ดังนั้นการวางแผนภาษีที่มีความพอดีนี้ จะต้องดูทั้งความคุ้มครองและความมั่งคั่งด้วย เพราะโจทย์ไม่ใช่ว่าซื้อประกันหรือยัง แต่โจทย์คือเรามีความคุ้มครองเพียงพอหรือไม่ และในทางเดียวกันการลงทุนในกองทุนที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีนั้น เราก็ควรถามตัวเองด้วยเหมือนกันว่าส่วนที่เราลงทุนเพียงพอกับที่ใช้จ่ายในตอนเกษียณอายุหรือไม่ ซึ่งในตอนท้าย ทั้งสองท่านมีความเห็นตรงกันว่า ปีนี้ค่อนข้างเป็นปีที่มีความยาก ทั้งในด้านการวางแผนการเงินเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวม และในด้านการเลือกกองทุน เพราะปีนี้เป็นปีที่ค่อนข้างท้าทายในเกือบทุกสินทรัพย์

ต่อมา นายเธียรวิชญ์ ได้ให้แง่คิดในการเลือกซื้อประกันไว้ว่าต้องให้ความสำคัญที่ความคุ้มครองด้วย และควรคำนึงมากกว่าแค่ส่วนลดหย่อนภาษีที่ได้รับ โดยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์หลากหลายให้เลือกที่สามารถตอบโจทย์ความคุ้มครองได้ครอบคลุมแน่นอน

หลังจากนั้น เพื่อเจาะลึกเทรนด์น่าลงทุนในอนาคต นายอติชาญ เชิงชวโน จากเพจ spin9 ได้มาแนะนำเทรนด์ที่น่าสนใจไว้หลายเทรนด์ด้วยกัน  โดยมีเทรนด์ในช่วง 3-5 ปี ที่โดดเด่น คือ พลังงานสะอาด เพราะเราเห็นนโยบาย Net Zero นโยบายกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture) เป็นรูปธรรมมากขึ้น และมีดัชนีชี้วัดง่าย ๆ ตอนนี้หลายคนก็เริ่มคิดแล้วว่ารถคันต่อไปจะเป็นรถยนต์ EV หรือเปล่า สำหรับ EV เป็นเทรนด์ใหญ่ ที่ไม่ได้มีเฉพาะในไทย ในต่างประเทศ เทรนด์นี้ไปไกลมาก เพราะในปี 2030 ทั้งบริษัท Mercedes Benz และ BMW ตั้งเป้าจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100%

ในช่วงท้ายของงานสัมมนา คุณบดินทร์ได้กล่าวว่า สำหรับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้ อยากให้มองกองทุนหุ้นโลกเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว แต่ผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยก็สามารถเลือกกองทุนตราสารหนี้โลกเพื่อกระจายความเสี่ยงได้ โดยได้แนะนำ 3 กองทุน น่าลงทุน คือ กองทุน TMBGQGRMF กองทุน T-ES-GCG-SSF และ T-ES-GCG-RMF และกองทุน TMBGINCOMERMF

สำหรับกองทุน TMBGQGRMF เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลกโดยเน้นการคัดเลือกบริษัทที่ทั้งเติบโต (Growth) และมีคุณภาพ (Quality) ปรับน้ำหนักหุ้นอย่างเป็นระบบตามภาวะเศรษฐกิจ ด้วยทีมนักวิเคราะห์ที่คอยจับตามวัฏจักรธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพิ่มน้ำหนักหุ้นเติบโตเมื่อเศรษฐกิจดี และสับเปลี่ยนเข้าหุ้นคุณภาพเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ จัดพอร์ตกระจายการลงทุนในหุ้น 60-90 บริษัท และจำกัดไม่ให้น้ำหนักหุ้นกระจุกตัวใน Top-holding มากจนเกินไป เหมาะสำหรับจัดเป็น Core Portfolio

กองทุน T-ES-GCG-SSF และ T-ES-GCG-RMF 2 กองทุนคู่แฝดที่เน้นลงทุนหุ้นเติบโตจากทั่วโลกเพียง 25-35 บริษัท โดยเลือกลงทุนในบริษัทคุณภาพที่มีการเติบโตสม่ำเสมอ เหมาะเน้นการลงทุนระยะยาว

สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก แนะนำกองทุน TMBGINCOMERMF เน้นลงทุนในตราสารหนี้หลากหลายประเทศทั่วโลก ปรับสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ประเภทต่าง ๆ เช่น เงินฝาก หุ้นกู้ พันธบัตร ตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อค้ำประกัน ตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง และเน้นลดความผันผวนในช่วงที่ทิศทางดอกเบี้ยกำลังเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ หากสนใจลงทุน สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eastspring.co.th หรือโทร 1725 ในวันและเวลาทำการ หรือผ่านช่องทางการขายของบริษัทฯ หรือตัวแทนการสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับแต่งตั้ง

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวด้วย ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click