ระยะหลังมานี้ รัฐบาลและธนาคารชาติใหญ่ๆ ในโลก ได้ทดลองหรือเตรียมทดลองออกใช้เงินดิจิตัลสกุลตัวเองเกือบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นจีน อเมริกา อียู ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ไทยเองก็เอาด้วย

บ้างก็ทดลองเฉพาะในแวดวงธนาคารเป็น Wholesale Only เช่นสหรัฐอเมริกา อียู ญี่ปุ่น และไทย มีเฉพาะแต่จีนเท่านนั้นที่ได้รวมเอาประชาชนทั่วไปจำนวนหนึ่งให้เข้ามาทดลองใช้ด้วย รัฐบาลไทยเอง ก็กำลังจะแจกเงินดิจิตอลให้ราษฎรคนละหมึ่นบาท ต้นปีหน้า
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเงินดิจิตัลใหม่นี้มันโอนไปมาบน Blockchain หรือ Distributed Ledger ไม่ใช่ Centralized Ledger แบบเดิมที่เราคุ้นเคยกัน
เทคโนโลยีบล็อกเชนนี้ ทำให้ทุกธุรกรรมสามารถทำตรงระหว่างคู่ค้าโดยตัดตัวกลางออกไป และข้อมูลของธุรกรรมนั้นจะถูกบันทึกไว้บน Blockchain ซึ่งถ้าธนาคารชาติยอมให้เป็นสาธารณะ ทุกคนก็จะเปิดดูได้อย่างโปร่งใส
เช่นแต่เดิม นาย A. ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารกสิกร โอนเงินให้ นาย B. ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารกรุงเทพฯ นาย A ต้องเข้าแอ็ปของกสิกร แล้วสั่งให้โอนเงิน ซึ่งต้องอาศัยธนาคารชาติเป็นตัวกลางในการ Clearing คือส่งคำสั่งไปที่ธนาคารกรุงเทพฯ เพื่อให้เดบิตบัญชีของนาย B.
แต่ถ้าเป็นบล็อกเชน นาย A. สามารถสั่งจ่ายเงินจาก Wallet ของตัวเอง ไปเข้า Wallet ของนาย B. ได้โดยตรงทันทีเลย ทำให้ตัดขั้นตอน กินเวลาน้อยและต้นทุนถูกลง
ถ้าทุกคนทำแบบนี้ ธนาคารก็เตรียมตัวเจ๊งได้เลย !


บล็อกเชนมันอนุญาตให้ประชาชนของชาติต่างๆ ทุกคนที่อาศัยอยู่ทั่วประเทศของตนหรือกระจายไปทั่วโลก สามารถเปิดบัญชีตรงกับธนาคารชาติของตัวเองได้เลย ไม่จำเป็นต้องผ่านธนาคารพาณิชย์หรือสาขาของธนาคารพาณิชย์อีกต่อไป
ถ้าแบงก์ชาติไทยอนุญาตให้ทำได้ ต่อไปคนไทยเราทุกคนก็จะมีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยฝากถอนผ่าน Wallet ในโทรศัพท์มือถือของตัว และเมื่อถึงเวลารับดอกเบี้ยราย 6 เดือน มันก็จะเดบิตเข้ามาในว็อลเล็ตโดยอัตโนมัติ
และถ้าแบงก์ชาติขยายบริการ ก็อาจจะทำธุรกรรมแบบอื่นได้ด้วย เช่นกู้เงิน ซื้อประกัน รวมถึงบริการเสริมต่างๆ แบบที่ธนาคารพาณิชย์ทำอยู่
เงินดิจิตัลแบบนี้จะทำให้อำนาจของธนาคารชาติเพิ่มขึ้นอีกมาก และจะทำให้อุตสาหกรรมการเงินถูก Disrupt หากนำระบบนี้มาใช้ทันทีในระดับประชาชน
มันจะช่วยให้รัฐบาลดำเนินนโยบายการเงินง่ายขึ้น สามารถเพิ่มลดปริมาณเงินในระบบได้ทันที สามารถให้เงินช่วยเหลือประชาชนตามโครงการต่างๆ ได้ทันทีโดยเดบิตบัญชีและส่งเงินเข้าวอลเล็ตเลย อีกทั้งการเก็บภาษีก็จะเกิดประสิทธิภาพสูงเพราะหักไปเข้าบัญชีรัฐบาลได้เลย และต่อไปก็จะแก้ปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินได้ในตัว เพราะเท่าที่เป็นมา เมื่อสถาบันการเงินใดมีปัญหา คนขาดศรัทธาหรือเชื่อข่าวลือตามๆ กัน มักแห่ไปถอนเงิน ที่เรียกว่า Bank Run ธนาคารพาณิชย์ก็จะล้มลงถ้าธนาคารชาติเข้าช่วยไม่ทัน แต่แบบใหม่นี้ถึงแม้คนแห่ไปถอนเงิน ก็ไม่เป็นไร เพราะธนาคารชาติมีเงินเหลือเฟือให้ถอน สามารถพิมพ์เงินขึ้นมาแก้วิกฤติได้ทันที และคนก็จะเลิกกลัวไปเองเพราะธนาคารชาติจะไม่ล้ม เนื่องจากรัฐบาลเป็นเจ้าของ
แต่ในทางร้ายก็น่ากลัวไม่น้อย เพราะบนบล็อกเชนนั้นเราสามารถกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ได้ด้วยเทคโนโลยี Smart Contract เช่น กำหนดว่าวอลเล็ตของราษฎรที่อายุต่ำกว่า 18 ปี จะไม่สามารถใช้เงินดิจิตัลของตัวซื้อสุราได้ หรือราษฎรที่ทำผิดกฎหมายบางอย่างจะถูกอายัดบัญชี ห้ามเบิกถอน หรือเบิกถอนได้ในจำนวนจำกัดในแต่ละวัน หรือแม้แต่ราษฎรที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ก็อาจจะถูกตั้งเงื่อนไขบางประการได้ ฯลฯ
การเพิ่มอำนาจของธนาคาชาติแบบนี้ ย่อมเท่ากับรัฐบาลจะสามารถกุมชะตากรรมของประชาชนได้อย่างชงัดและเขม็งเกลียวยิ่งขึ้น
หากวันหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ไปอยู่ในมือรัฐบาลที่ฉ้อฉล หรือแม้แต่รัฐบาลที่ซื้อสัตย์ ทว่าลุแก่อำนาจ สิทธิและเสรีภาพของพวกเราในการครอบครองทรัพย์และกรรมสิทธิ์เหนือทรัพย์ของเรา ย่อมน่าเป็นห่วง
เพราะจะมี Big Brother คอยสอดส่องเราอยู่ทุกฝีก้าว

โดย ทักษ์ศิล ฉัตรแก้ว / Editor in Chief _MBA magazine

29/09/2566

 

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้นำในธุรกิจพลังงานสะอาด โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เสนอขายหุ้นกู้ให้กับผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน (Public Offering) จำนวน 3 รุ่น ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 7 แห่ง โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้ง ที่ระดับ A- สะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แข็งแรงจากธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ และ ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2566 ซึ่งเป็นการเสนอขายแก่ประชาชนเป็นการทั่วไป

 

โดยหุ้นกู้เสนอขายครั้งนี้ มีจำนวน 3 รุ่น และกำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน (ตลอดอายุหุ้นกู้) ได้แก่

1. รุ่นอายุ 1 ปี อัตราผลตอบแทน 3.20% ต่อปี

2. รุ่นอายุ 3 ปี อัตราผลตอบแทน 3.70% ต่อปี

3. รุ่นอายุ 5 ปี อัตราผลตอบแทน 4.10% ต่อปี

เสนอขายผ่านสถาบันการเงิน 7 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ และ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย)

สำหรับหุ้นกู้ EA มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ “A-” เมื่อดูระดับความเสี่ยงที่มี 8 ระดับ (ต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 1 และสูงสุดที่ระดับ 8) กรีนบอนด์ของ EA รุ่นอายุ 1 ปี มีความเสี่ยงเพียงระดับ 2 เท่านั้น ส่วนรุ่นอายุ 3 ปี และ 5 ปี มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 3 ในขณะที่ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับ สูงกว่าผลตอบแทนจากการฝากเงินทั่วๆ ไปอย่างชัดเจน

EA เป็น “ผู้นำในธุรกิจพลังงานสะอาด” เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมากว่า 10 ปี ด้วยผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 16,860.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 6,589.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 64.16 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ ธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน รวมถึงธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน

EA ขับเคลื่อนธุรกิจ ภายใต้แนวคิด "MISSION NO EMISSION" โดยมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไออนที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์กำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 1 GWh และกำลังขยายกำลังการผลิตที่ 4 GWh ในช่วงไตรมาสที่ 2/2567 อีกทั้งมีโรงงานผลิตและประกอบยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ มีกำลังการผลิตสูงสุด 9,000 คันต่อปี โดยที่ผ่านมา EA ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง เช่น รถโดยสารไฟฟ้าหรือ E-Bus ที่วิ่งให้บริการในหลากหลายเส้นทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รถบรรทุกไฟฟ้า เรือโดยสารไฟฟ้า ตลอดจนมีสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้ากว่า 490 สถานี ครอบคลุมทุกภูมิภาค

EA ได้รับรางวัลที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการและผลการดำเนินงานที่ดีหลายรางวัล เช่น รางวัลด้านองค์กรยอดเยี่ยม ได้แก่ รางวัล Most Innovative Energy Solution Provider Thailand 2021 โดย World Business Outlook, รางวัล Outstanding Company Performance Awards 2022 ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 100,000 ล้านบาท โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและวารสารการเงินธนาคาร

การที่ EA ออกหุ้นกู้เป็น “กรีนบอนด์” ดังกล่าว สามารถบ่งบอกได้ว่า ผู้ลงทุนจะได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย เนื่องจากธุรกิจของ EA เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด เพื่อโลกที่ยั่งยืน โดยบริษัทฯ ได้รับการประเมินเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืน MSCI ESG Ratings 2023 ระดับ A โดย MSCI และล่าสุดยังได้รับรางวัล Corporate Excellence Award ในเวทีระดับสากล Asia Pacific Enterprise Award s จัดโดย Enterprise Asia Enterprise Asia ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรางวัลที่สะท้อนประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารจัดการองค์กรที่ดีเลิศ มีการเติบโตที่มั่นคงแข็งแกร่งและยั่งยืน

นอกจากนี้ EA ยังมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยจะเห็นได้จากรางวัลต่างๆ ที่ได้รับ เช่น รางวัลประเภทนวัตกรรมยอดเยี่ยมด้านผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ รางวัล Emerging Technology of the Year : The 2020 Global Energy Awards ผลงานเรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry โดย : S&P Global Platts, รางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยมแห่งปี ผลงานเรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน), รางวัล Best Innovative Company Awards 2022 ผลงานนวัตกรรมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน AMITA Technology (Thailand) โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและวารสารการเงินธนาคาร

ผู้ลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินทั้ง 7 แห่ง ดังนี้

· ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยกเว้นสาขาไมโคร โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bualuang mBanking

· ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) * หรือ โทร. 02-777-6784 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY ได้อีก 1 ช่องทาง)

· ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอปพลิเคชัน - CIMB Thai Digital Banking ได้อีก 1 ช่องทาง)

· บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050

· บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675

· บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-820-0410

· บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร.02-009-8351-59

* ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” ประกาศอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้อายุ 3 ปี ที่ระดับ 5.00% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน พร้อมเสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไประหว่างวันที่ 8-10 สิงหาคม 2566 ด้านสถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่ายเผยกระแสตอบรับดีมาก สะท้อนความเชื่อมั่นในแผนการดำเนินธุรกิจภาพรวม และยังมั่นใจใน “แบรนด์” ของสิงห์ เอสเตท ซึ่งเป็นที่ยอมรับในตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการบริหารที่ยึดหลักบรรษัทภิบาลหลังได้รับการประเมินของ IOD ในระดับ 5 ดาวหรือ “ดีเลิศ”

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ ออกหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี โดยแต่งตั้งสถาบันการเงินชั้นนำ จำนวน 4 แห่ง เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 ที่ระดับ “BBB” ซึ่งเป็นกลุ่ม “ระดับลงทุน” (Investment grade) ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือองค์กรอยู่ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable)

สำหรับ บมจ.สิงห์ เอสเตท ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบคลุม ธุรกิจโรงแรม ภายใต้การบริหารงานของ ‘เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท’ (SHR) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นอย่างชัดเจนในปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน SHR เป็นเจ้าของโรงแรมทั้งสิ้นจำนวน 38 แห่ง ห้องพัก 4,552 ห้อง ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญกระจายอยู่ใน 3 ภูมิภาค 5 ประเทศ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย บริษัทฯ มีนโยบายในการพัฒนาทั้งแนวสูงและแนวราบหลากหลายรูปแบบ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม และโฮมออฟฟิศ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ได้แก่ ศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานให้เช่า ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงและให้ผลตอบแทนต่อการลงทุนอยู่ในเกณฑ์ดี รวมถึงธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน

 

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท มุ่งมั่นขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสร้างสังคมที่มีคุณภาพชีวิตกับทุกคน (inclusive growth) ภายใต้วิสัยทัศน์สร้างความหลากหลายที่สมดุล เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน (Sustainable Diversity) โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายสร้างการเติบโตด้วยการขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ “S EXCELS” เพื่อผลักดันรายได้และกำไรให้เติบโตสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ในปี 2566 บริษัทฯ ได้รับคัดเลือกให้เป็นหุ้นยั่งยืนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว หรือ ‘ดีเลิศ’ (Excellent CG Scoring) และล่าสุดได้รับรางวัล Most Admired Company ในสาขาความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเชื่อว่า ทั้งหมดนี้จะทำให้ผู้ลงทุนมั่นใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ

ด้านสถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ บมจ.สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า หุ้นกู้ สิงห์ เอสเตท ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากจากผู้ลงทุน ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักคือความเชื่อมั่นในแผนการดำเนินธุรกิจในภาพรวม บนกลยุทธ์การกระจายธุรกิจที่หลากหลายและมีโอกาสสร้างการเติบโตในอนาคต รวมถึง “แบรนด์” ที่ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศของ สิงห์ เอสเตท อีกทั้งผู้ลงทุนยังมั่นใจในความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในฐานะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ที่มีความเข้มแข็งทั้งโครงสร้างธุรกิจ ฐานะการเงิน และการดำเนินการภายใต้หลักบรรษัทภิบาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนแสวงหา ขณะเดียวกัน อายุของหุ้นกู้ที่เหมาะสม สอดคล้องกับผลตอบแทนที่น่าพอใจ ทำให้หุ้นกู้ของบริษัทฯ ได้รับการตอบสนองอย่างดีจากผู้ลงทุนประชาชนรายย่อย

ทั้งนี้ หุ้นกู้ สิงห์ เอสเตท จะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนในระหว่างวันที่ 8-10 สิงหาคม 2566 ผ่าน 4 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่

o ธนาคารกรุงเทพ (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือโทร.1333

o ธนาคารกรุงไทย โทร. 02-111-1111 หรือจองซื้อทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT

o ธนาคารกสิกรไทย (โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) โทร 02-888-8888 กด 819

o บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร โทร. 02-165-5555 หรือ Application DIME

 

สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากร่างหนังสือชี้ชวน ได้ที่ www.sec.or.th

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

 บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ 2 รุ่น ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ได้แก่ รุ่นอายุ 1 ปี 10 เดือน 5 วัน อัตราดอกเบี้ย [4.50 - 4.70]% ต่อปี และรุ่นอายุ 2 ปี 10 เดือน 5 วัน อัตราดอกเบี้ย [5.70 – 5.90]% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน

คาดเปิดจองระหว่างวันที่ [7 – 9] มีนาคม 2566 โดยหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในกลุ่ม “ระดับลงทุน” จากทริสเรทติ้ง ที่ระดับ “BBB-” พร้อมแต่งตั้ง 7 สถาบันการเงินเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย ประกอบด้วย ธ.กรุงไทย ธ.กสิกรไทย ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย บล.เอเซีย พลัส บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง บล.ดาโอ (ประเทศไทย) และบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ทริสเรทติ้งเผยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะทางการตลาดของบริษัทฯ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม ตลอดจนสัดส่วนรายได้ที่มีนัยสำคัญจากโครงการร่วมทุน ด้านผู้บริหารมั่นใจหุ้นกู้ได้รับการตอบรับ หลังธุรกิจอสังหาฯ รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศของจีนส่งผลให้กำลังซื้อกลับมาคึกคัก

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นข้อมูลเพื่อเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 2 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นอายุ 1 ปี 10 เดือน 5 วัน อัตราดอกเบี้ย [4.50 - 4.70]% ต่อปี และรุ่นอายุ 2 ปี 10 เดือน 5 วัน อัตราดอกเบี้ย [5.70 - 5.90]% ต่อปี โดยบริษัทฯ จะประกาศอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนให้ทราบอีกครั้ง กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน (เว้นแต่ดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะมีระยะเวลา 1 เดือน 5 วัน) ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 ที่ระดับ “BBB-” และมีแนวโน้ม “คงที่” (Stable) เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กร

หุ้นกู้ชุดดังกล่าวจะเสนอขายผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 7 แห่งที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โดยคาดว่าจะเสนอขายในระหว่างวันที่ [7 - 9] มีนาคม 2566

บริษัทฯ มั่นใจว่า หุ้นกู้ ‘อนันดา’ จะยังคงได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากอันดับความน่าเชื่อถือจากทริสเรทติ้งในระดับลงทุน (Investment grade) รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่จูงใจ ตลอดจนอายุของหุ้นกู้ที่ไม่ยาวเกินไป และส่วนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นมาจากแนวโน้มของธุรกิจ ซึ่งในขณะนี้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวโดยมีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้นกว่าปี 2565 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรัฐบาลจีนตัดสินใจเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาดไว้ ทำให้คาดว่าจะมีชาวจีนเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น และส่งผลให้กำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มลูกค้าต่างชาติจะเริ่มกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ความต้องการที่อยู่อาศัยของลูกค้าคนไทยยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อนันดาฯ กล่าว

ขณะที่ทริสเรทติ้ง ระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้สะท้อนถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทฯ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม ตลอดจนสัดส่วนรายได้ที่มีนัยสำคัญจากโครงการร่วมทุน โดยทริสเรทติ้งคาดว่า ในช่วงปี 2566 - 2568 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ซึ่งรวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนน่าจะอยู่ที่ระดับ 1.5-2.0 พันล้านบาทต่อปี และบริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป

อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยโครงการคอนโดมิเนียมจะเน้นพัฒนาบนทำเลศักยภาพใกล้สถานีรถไฟฟ้า เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตของผู้พักอาศัย ส่วนโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม เน้นแนวคิดและการออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในเซกเม้นท์ต่างๆ โดยในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2565 (ม.ค. - ก.ย. 2565) บริษัทฯ มียอดโอนทั้งสิ้น 9,306 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อประสบการณ์การทำงานของอนันดาฯ ที่สามารถเข้าถึงและเข้าใจลูกค้าคนเมืองทั้งตลาดคอนโดมิเนียมและแนวราบในเมืองได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้อนันดาฯ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 7 แห่ง ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดังนี้

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 ต่อ 819 โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่านhttps://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา)

ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน CIMB Thai Digital Banking

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร. 02-695-5000

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-351-1800 กด 1

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351-56

“ซีพี ออลล์” ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เซเว่น เดลิเวอรี่ และ ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ จำนวน 3 รุ่น อายุ 4 ปี อายุ 7 ปี และอายุ 12 ปี เสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป(ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน) อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง [2.95 – 4.35]% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน คาดว่าจะเสนอขายในเดือนกุมภาพันธ์ 2566

ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 7 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร รวมถึงขายผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet โดยบริษัทฯ และหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A+ แนวโน้ม “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566

 

นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ซีพี ออลล์” เตรียมพร้อมที่จะเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 3 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นอายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย [2.95 – 3.10]% ต่อปี รุ่นอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย [3.55 – 3.75]% ต่อปี และรุ่นอายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ย [4.20 – 4.35]% ต่อปี สำหรับหุ้นกู้รุ่นอายุ 12 ปี บริษัทฯ สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ทั้งหมดหรือบางส่วนได้เมื่อหุ้นกู้ครบปีที่ 7 โดยหุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่น มีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ จะเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป คาดว่าจะเสนอภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ผ่านสถาบันการเงิน 7 แห่งที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) รวมถึงมีการขายผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet เพื่อเพิ่มความสะดวกและตอบโจทย์นักลงทุนยุคดิจิทัล อีกด้วย

สำหรับหุ้นกู้ชุดดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 ที่ระดับ A+ แนวโน้ม “คงที่” (Stable) ซึ่งสะท้อนถึงพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ อาทิ การเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อในประเทศไทย อีกทั้งมีการรุกขยายธุรกิจออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คือประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาว ลักษณะของธุรกิจค้าปลีกที่สร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง มีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับผลตอบรับสูงจากลูกค้า โดยปัจจุบันมีลูกค้าสมาชิก “All Member” อยู่มากกว่า 14 ล้านคน

ทั้งนี้ “ซีพี ออลล์” เป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักในการบริหารร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ “เซเว่น อีเลฟเว่น” ที่ให้บริการความสะดวกกับชุมชน โดยในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 บริษัทฯ มีสาขา “เซเว่น อีเลฟเว่น” เปิดให้บริการมากกว่า 13,000 สาขา และภายในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 700 สาขา ในรูปแบบ Standalone โดยเน้นร้านขนาดใหญ่ในรูปแบบร้านเดี่ยว (Standalone) ที่มีพื้นที่จอดรถหน้าร้าน ส่วนการขยายสาขาในต่างประเทศ คาดว่าในปี 2566 จะเริ่มเห็นสาขาของ “เซเว่น อีเลฟเว่น” ใน สปป.ลาว ขณะที่ในประเทศกัมพูชามีการเปิดสาขาไปแล้วกว่า 40 สาขา และยังจะขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจแบบ O2O ที่ผสมผสานช่องทาง Omni-Channel ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงบริการเดลิเวอรี่ของ ‘เซเว่น อีเลฟเว่น’ (7Delivery) ที่จัดส่งสินค้าถึงบ้าน ผ่านทางแอปพลิเคชั่น เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคอีกด้วย

“การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีของผู้ลงทุนที่แสวงหาการลงทุนในตราสารที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ และเป็นกิจการที่มีความมั่นคงภายใต้อุตสาหกรรมค้าปลีกที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ภายหลังจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ผลการดำเนินงานของซีพี ออลล์ ในไตรมาส 3 ปี 2565 ที่ผ่านมามีการฟื้นตัวและเติบโตอย่างโดดเด่น และยังมีแนวโน้มที่ดีในผลการดำเนินงานสำหรับปี 2565 และต่อเนื่องในปี 2566 จากธุรกิจท่องเที่ยวที่เติบโตสูง อีกทั้งบริษัทฯ ยังเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนระดับโลก โดยได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI ในกลุ่มอุตสาหกรรม Food & Staples Retailing กลุ่มดัชนี DJSI Emeeging Markets ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 (2017-2022) และกลุ่มดัชนี DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 (2018-2022) โดย “ซีพี ออลล์” เป็นองค์กรเดียวในประเทศไทยในกลุ่มดัชนี DJSI World ของกลุ่มอุตสาหกรรมนี้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยตอกย้ำความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนที่จะเลือกลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกันนายเกรียงชัยกล่าว

 

สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ บมจ.ซีพี ออลล์ ซึ่งกำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินทั้ง 7 แห่ง

1. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bualuang mBanking ได้อีก 1 ช่องทาง)

2. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน KMA ได้อีก 1 ช่องทาง)

3. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-111-1111 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai Next ได้อีก 1 ช่องทาง)

4. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 ต่อ 819 (โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา)

5. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)* โทร. 02-777-6784 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY ได้อีก 1 ช่องทาง)

6. ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Application - CIMB Thai Digital Banking ได้อีก 1 ช่องทาง)

7. บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)** โทร. 02-165-5555

* ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

** ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)

 

ทั้งนี้ ผู้สนใจจองซื้อหุ้นกู้ผ่านทางระบบจองซื้อของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ที่อยู่ในแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet สามารถศึกษาเพิ่มเติมถึงรายละเอียด ขั้นตอน และวิธีการสมัคร TrueMoney Wallet Application และวิธีการจองซื้อ พร้อมภาพตัวอย่างประกอบโดยสังเขปได้ที่เว็บไซต์ www.truemoney.com หรือติดต่อขอคำแนะนำเรื่องขั้นตอน และวิธีการสมัครจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด โทร. 1240 กด 6

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click