GreenNode หนึ่งในธุรกิจของ VNG ผู้เชี่ยวชาญบริการ AI Cloud และเป็นพันธมิตร NVIDIA Cloud Partner (NCP) เปิดตัวคลัสเตอร์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ หรือ large-scale AI Data cluster ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย อย่างเป็นทางการ โดย GreenNode ตั้งเป้าเป็นผู้นำบริการ AI Cloud ในภูมิภาคเอเชีย ด้วยการเพิ่มทรัพยากร AI ที่มีประสิทธิภาพการประมวลผลขั้นสูงเพื่อเพิ่มศักยภาพแก่ธุรกิจ AI ในภูมิภาค
ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้เป็นหนึ่งในดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลที่รองรับ AI เป็นแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งดำเนินการโดยทีม Cloud Operation Excellence ของ GreenNode
มร.เดนนิส แอง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจองค์กร ประจำภูมิภาคอาเซียนและออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ของ NVIDIA ย้ำถึงองค์ประกอบสำคัญสองประการที่ทำให้องค์กรก้าวนำหน้าท่ามกลางกระแส GenAI ณ ปัจจุบัน ได้แก่ ดาต้าเซ็นเตอร์ AI และ โรงงาน AI ซึ่งเป็นสิ่งที่ NVIDIA ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับทั้งทีม VNG GreenNode และ ST Telemedia Global Data Centres (STT GDC) "จากความร่วมมือนี้ เราได้ร่วมกันสร้างและส่งมอบองค์ประกอบสำคัญทั้งสองด้านนี้ให้แก่ลูกค้า ผมขอแสดงความยินดีกับ VNG GreenNode กับความสำเร็จนี้ และ NVIDIA พร้อมให้ความร่วมมือเพิ่มเติมในอนาคต"
คลัสเตอร์ AI Cloud ของ GreenNode ในดาต้าเซ็นเตอร์ STT Bangkok 1 ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ เป็นไปตามมาตรฐานระดับโลก โดยได้รับการรับรองมากมาย อาทิ LEED ระดับ Gold, TIA 942 Rating-3 DCDV และมาตรฐาน Uptime Tier III ซึ่ง GreenNode มีเป้าหมายสำคัญในการส่งมอบโซลูชันครบวงจรให้กับทุกธุรกิจที่เดินหน้าสู่เส้นทางของ AI โดยปรับใช้โครงสร้างพื้นฐาน AI ที่มีขนาดกำลังไฟสูงถึง 20 เมกะวัตต์ และติดตั้งเครือข่าย InfiniBand ล่าสุด ซึ่งให้แบนด์วิดท์สูงถึง 3.2 เทระไบต์ต่อวินาที สำหรับรันการทำงานเซิร์ฟเวอร์ของ GreenNode รวมถึงมีแพลตฟอร์มการจัดเก็บข้อมูลแบบไฮเปอร์สเกลสำหรับผู้เช่าหลายรายที่แตกต่างกัน พร้อมมอบบริการ AI Cloud ที่แข็งแกร่งและโครงสร้างพื้นฐาน GPU แก่ทุกลูกค้า
ระหว่างการกล่าวบรรยายในช่วงพิธีการของ มร.ลิโอเนล เยียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้า เซ็นเตอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า "อีก 4 ปีข้างหน้านี้ การลงทุน AI จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประมาณ 30% ซึ่งในภูมิภาคนี้มีความเคลื่อนไหวไดนามิกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ความร่วมมือในวันนี้มีความสำคัญยิ่งขึ้น ผมขอแสดงความยินดีกับ VNG GreenNode กับความสำเร็จที่สามารถนำ AI Cloud มาใช้เชิงพาณิชย์ได้ภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือน และเชื่อว่าหากเราร่วมมือกัน ภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้จะสามารถผลักดันให้ภูมิภาคเอเชียก้าวขึ้นเป็นผู้นำในกระแสเทคโนโลยีระดับโลก
ผลิตภัณฑ์พอร์ตโฟลิโอของ GreenNode ประกอบด้วย 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กราฟิกการ์ด แบบ Bare Metal ที่มีชิปประมวลผล H100 Tensor Core นับพันตัว, แพลตฟอร์มแมชชีนเลิร์นนิ่ง (Machine Learning หรือ ML) และสิทธิ์การเข้าถึงทรัพยากร บริการ หรือ เทคโนโลยีใน NVIDIA AI Factory โดย GreenNode เป็นบริษัทที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฝึกอบรมโมเดลและแพลตฟอร์ม AI ขั้นสูง โดยอาศัยความเชี่ยวชาญเพื่อสนับสนุนบริษัทสตาร์ทอัพผ่านรูปแบบของตนเอง วิธีการนี้ถือเป็นจุดขายที่ย้ำถึงพันธกิจของ GreenNode ที่มุ่งมั่นสร้างความเป็นเลิศในด้านการดำเนินงาน
GreenNode ยังเป็นผู้บุกเบิกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สร้างและนำเสนอแพลตฟอร์มการจัดการพารามิเตอร์ระยะไกล ช่วยให้ลูกค้ากลุ่มธุรกิจในทุกขนาดทั่วโลกสามารถเข้าถึงและปรับขนาดพารามิเตอร์การฝึกอบรมได้อย่างยืดหยุ่น ประหยัดทั้งเวลาและกำลังคน
“การเปิดตัวคลัสเตอร์ข้อมูล AI ครั้งนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่ให้สัญญาณเชิงบวกทั้งในด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและผลการดำเนินงานทางธุรกิจ เนื่องจากแนวคิดดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้จริงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น นี่เป็นเพียงก้าวแรกและเรามุ่งมั่นที่จะลงทุนในระยะยาวเพื่อเป็นผู้ให้บริการ AI Cloud ชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” มร. เล ฮอง มิน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ VNG กล่าว
เมื่อเร็ว ๆ นี้ GreenNode ได้บรรลุข้อตกลงมูลค่าหลายล้านดอลลาร์เพื่อมอบโครงสร้างพื้นฐาน AI และโซลูชัน AI ขั้นสูงให้กับลูกค้าทั่วโลก
"GreenNode ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ให้บริการโซลูชันแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าทั่วโลกด้วยพลังจากชิป GPU อันนับพันในดาต้าเซ็นเตอร์มาตรฐานสากลของ Nvidia และ STT GDC อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายสิ่งที่เราต้องทำ รวมถึงการลงทุนอย่างต่อเนื่องในการวิจัยและพัฒนาเพื่อเป็นผู้บุกเบิกด้าน AI ในภูมิภาคนี้" มร. เหงียน ลี ทัน ซีอีโอของ GreenNode และ VNG Digital Business กล่าว
ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี VNG 2024 ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ VNG มร. เล ฮอง มิน ได้เน้นย้ำถึงปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในปีต่อ ๆ ไป 3 ประการ ได้แก่ AI, “Go Global” และแพลตฟอร์ม VNG มีความโดดเด่นในฐานะหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีไม่กี่แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เปิดรับการใช้งาน AI อย่างรวดเร็วและเต็มรูปแบบ ด้วยการลงทุนจำนวนมากในโครงสร้างพื้นฐาน แพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชัน VNG ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ให้บริการ AI ชั้นนำในเวียดนามและภูมิภาค
อิเกีย ประเทศไทย ประกาศเปิดตัว ‘อิเกีย สุขุมวิท’ สโตร์ อิเกียแห่งที่ 4 ในไทย ณ บริเวณชั้น 3 ศูนย์การค้าดิ เอ็มสเฟียร์ พร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป
ชูคอนเซ็ปต์ ‘City-Centre Store’ แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และร้านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ โดยมุ่งตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการเดินทางให้ชาวกรุง พร้อมประสบการณ์ช้อปปิ้งอย่างเต็มรูปแบบตามแบบฉบับของอิเกีย บนพื้นที่กว่า 12,000 ตร.ม. สานต่อวิสัยทัศน์ระดับโลกในการช่วยให้ชีวิตผู้คนทั่วโลกดีขึ้นทุกวัน ด้วยการตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนเมืองด้วยโซลูชันการตกแต่งบ้านที่ครอบคลุม โดยเฉพาะกลุ่มคนเมืองที่มีรูปแบบการใช้ชีวิตหลากหลาย พร้อมสินค้าที่มีให้เลือกมากมายถึง 8,254 รายการ โดยมีถึงกว่า 4,000 รายการที่สามารถช้อปและนำกลับบ้านได้เลย การสร้างโอกาสในการทำงานที่ส่งเสริมความหลากหลายและการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมให้แก่ทีมงานกว่า 180 คน และความมุ่งมั่นในการพัฒนาชุมชนโดยรอบสู่ความยั่งยืน โดยการเปิดตัวซิตี้สโตร์แห่งแรกในประเทศไทยครั้งนี้ยังเป็นการพลิกโฉมอุตสาหกรรมค้าปลีกครั้งสำคัญ ด้วยการผสานประสบการณ์ช้อปปิ้งออฟไลน์และออนไลน์อย่างไร้รอยต่อมากขึ้น และการนำเสนอบริการที่สนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพิ่มขึ้น
ลีโอนี่ ฮอสกิ้น ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจค้าปลีก อิเกีย ประเทศไทย และเวียดนาม
ลีโอนี่ ฮอสกิ้น ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจค้าปลีก อิเกีย ประเทศไทย และเวียดนาม กล่าวว่า “แนวคิดซิตี้สโตร์ของอิเกียเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2560 และถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการขยายการเติบโตของบริษัทในระดับโลก สำหรับ ‘อิเกีย สุขุมวิท’ ซิตี้สโตร์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และร้านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ มุ่งอำนวยสะดวกแก่ลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ใจกลางเมือง ด้วยการเดินทางที่
ง่ายขึ้น พร้อมประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เต็มรูปแบบตามแบบฉบับของอิเกีย ไม่ว่าจะเป็น โชว์รูม มาร์เก็ตฮอลล์ คลังสินค้าบริการตนเอง ร้านอาหารอิเกีย รวมถึงมุมอาหารและขนมสวีเดน เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะได้สานต่อความสำเร็จตลอด 12 ปีที่ผ่านมาในประเทศไทย ด้วยการทำให้แบรนด์ของเราใกล้ชิดกับคนเมืองมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาประสบการณ์ช้อปปิ้งทั้งออนไลน์ และนำเสนอบริการเพิ่มเติมเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองโดยเฉพาะ พร้อมส่งเสริมการพัฒนาชุมชนโดยรอบในขณะเดียวกัน”
ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ อิเกีย สุขุมวิท พร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทางที่ง่ายขึ้นด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ส่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งอย่างเต็มรูปแบบตามแบบฉบับของอิเกีย ด้วยสินค้าที่มีให้เลือกมากมายถึง 8,254 รายการ โดยมีถึงกว่า 4,000 รายการที่สามารถช้อปและนำกลับบ้านได้เลย บนพื้นที่กว่า 12,000 ตร.ม. โดยแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ โชว์รูมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อรองรับ วิถีชีวิตของชาวเมือง มาร์เก็ตฮอลล์ที่มีสินค้ากว่า 3,000 รายการให้เลือกช้อป ครบครันในทุกประเภทเช่นเดียวกับที่ อิเกีย บางนา และบางใหญ่ คลังสินค้าบริการตนเอง (self-serve) ที่มีสินค้าที่ซื้อและนำกลับได้เลยกว่า 300 รายการ พร้อมมุมสินค้าตามสภาพ (as-is corner) และร้านอาหารอิเกีย อีกหนึ่งมุมไฮไลท์ที่โอบล้อมด้วยวิวของสวนเบญจสิริในมุมกว้างและพร้อมให้บริการถึง 530 ที่นั่ง ให้ผู้ที่มาเยือนได้ผ่อนคลายกับบรรยากาศความร่มรื่นใจกลางเมือง ขณะดื่มด่ำไปกับเมนูอาหารสวีเดนมื้อโปรด โดยจะมี 3 เมนูใหม่ที่รังสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะ สำหรับช่วงเปิด อิเกีย สุขุมวิท อีกด้วย
ศิรินทร์ อาศน์ศิลารัตน์ ผู้จัดการสโตร์ อิเกีย สุขุมวิท กล่าวว่า “อิเกีย สุขุมวิท เตรียมพร้อมเปิดให้บริการสำหรับคนที่รักแบรนด์อิเกียและคนที่ยังไม่เคยมีโอกาสเดินทางไปที่สโตร์บางนาและบางใหญ่ ให้ได้สัมผัสประสบการ์การช้อปปิ้งและบริการของอิเกียอย่างเต็มรูปแบบ และจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เร่งรีบของ คนเมือง เราจึงมีบริการที่รวดเร็วด้วยการจัดส่งภายในวันเดียว ในรัศมี 8 กิโลเมตรโดยรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าสะท้อนความสนใจในด้านการรักษ์สิ่งแวดล้อมของคนในย่านนี้ด้วย และยังเป็นบริการใหม่ซึ่งมีที่ อิเกีย สุขุมวิท เป็นแห่งแรก นอกจากนี้ เรายังได้เปิดตัวคอลเล็คชั่นพิเศษ AURTIENDE/ ออเทียนเด ครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย เพื่อฉลองการเปิดตัวสโตร์อิเกียแห่งที่ 4 ในไทย ตอกย้ำคอนเซ็ปต์ ‘City-Centre Store’ ในครั้งนี้ด้วย”
บริการส่งสินค้าถึงบ้านภายในวันเดียว (same-day delivery) ด้วยรถพลังงานไฟฟ้า จะให้บริการอยู่ภายในรัศมี 8 กิโลเมตร สำหรับสินค้าที่มีอยู่ในสโตร์และลูกค้าเดินทางมาช้อปด้วยตัวเอง โดยมีค่าบริการเริ่มต้นที่ 129 บาท นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและรวดเร็วให้กับลูกค้า กับบริการเช็คเอาต์ด้วยตัวเองที่มีช่องให้บริการมากถึง 16 ช่อง ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคดิจิทัล
ทั้งนี้ อิเกีย สุขุมวิท พร้อมต้อนรับทุกคนที่กำลังมองหาไอเดียและแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในการตกแต่งห้อง คอนโด บ้าน หรือออฟฟิศ ด้วยประสบการณ์การช้อปปิ้งเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่สะดวกสบาย พร้อมด้วยดีไซน์ คุณภาพและในราคาที่เข้าถึงได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.IKEA.co.th
Lirunex ได้รับรางวัลโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุดของเอเชีย (Best Asia Forex Broker) ในการประชุมสุดยอดฟอเร็กซ์เทรดเดอร์ที่ดูไบ (Forex Traders Summit Dubai) ประจำปี 2566 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
เป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศของโบรกเกอร์ผู้ให้บริการเทรดหลักทรัพย์และสินค้าโภคภัณฑ์รายนี้ รวมทั้งสนับสนุนการเพิ่มศักยภาพให้กับนักเทรดในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) ที่ไม่หยุดนิ่ง ในฐานะนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ชั้นนำของภูมิภาค Lirunex ได้แสดงข้อมูลเจาะลึกของตลาดอันเฟื่องฟูของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตของภูมิภาค และการมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคนี้
ภูมิภาคเอเชียได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นตลาดที่มีความแข็งแกร่ง แม้จะมีความไม่แน่นอนตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยย้อนกลับไปเมื่อปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่ชี้ชะตาในหลาย ๆ ภาคส่วนนั้น แวดวงการเทรดในเอเชียเติบโตขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 29.6% ในช่วงสามไตรมาสแรก และภายในสิ้นปี 2566 มีการคาดการณ์การเติบโต 3.8% ทั่วเอเชียแปซิฟิก (APAC) ไม่รวมจีน แซงหน้าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่คาดการณ์ไว้ 2.7%
ตลาดการเทรดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เต็มไปด้วยโอกาส
การเติบโตทางเศรษฐกิจและภูมิทัศน์ตลาดที่มีชีวิตชีวาของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้บุคคลและองค์กรธุรกิจต่าง ๆ มีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความสนใจในตลาดการเงินพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการเทรดฟอเร็กซ์และสินค้าโภคภัณฑ์ นักเทรดที่ทะเยอทะยานและนักลงทุนที่ช่ำชองกำลังใช้ประโยชน์จากภาคส่วนที่กำลังเติบโตนี้ และมองหาโอกาสในการทำกำไร
อย่างไรก็ตาม บางประเทศและบางชุมชนในภูมิภาคนี้ยังมีระดับความรู้ทางการเงินที่ไม่เพียงพอ ผู้ให้บริการต่างตระหนักถึงความจำเป็นในการเสริมศักยภาพให้กับนักเทรด เพื่อให้แน่ใจว่าชุมชนทั่วทั้งภูมิภาคมีความพร้อมด้วยข้อมูลเชิงลึกของตลาดและทักษะที่สำคัญ ผ่านหลักสูตรฝึกอบรมและการสัมมนาผ่านเว็บ เช่น LX Academy ของ Lirunex ความพยายามเหล่านี้ยังมุ่งเอาชนะความเสี่ยงด้านสกุลเงินและสภาพคล่อง รวมทั้งอุปสรรคด้านภาษาและวัฒนธรรม ด้วยการสนับสนุนในท้องถิ่นเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดสำหรับนักเทรดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสินค้าโภคภัณฑ์ของภูมิภาคนี้ ตลอดจนสกุลเงินต่าง ๆ ที่ใช้ภายในภูมิภาค ทำให้มีสินทรัพย์ที่หลากหลายเป็นพิเศษสำหรับนักเทรด แนวทางที่อิงตามแพลตฟอร์มช่วยให้การกระจายความเสี่ยงและกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนง่ายขึ้น
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้สนับสนุนกลยุทธ์ของนักเทรด เมื่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นำเครื่องมือและโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยมาใช้ โดยเครื่องมือสร้างแผนภูมิขั้นสูง ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค และความสามารถในการซื้อขายแบบอัลกอริทึม ช่วยให้นักเทรดมีเครื่องมือที่ซับซ้อนในการตัดสินใจอย่างรอบรู้ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มต่าง ๆ ยังได้รับการเสริมด้วยโปรโตคอลความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มงวด เพื่อปกป้องข้อมูลผู้ใช้จากภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นและเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับระหว่างประเทศ
กรอบการกำกับดูแลสำหรับการซื้อขายฟอเร็กซ์และสินค้าโภคภัณฑ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นแยกเป็นส่วน ๆ และซับซ้อน แต่ก็กำลังพัฒนา หน่วยงานกำกับดูแลในภูมิภาคนี้กำลังดำเนินนโยบายเพื่อควบคุมการลงทุนและส่งเสริมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ซึ่งสร้างโอกาสเพิ่มเติมสำหรับนักเทรดและนักลงทุน โดยโบรกเกอร์และแพลตฟอร์มการซื้อขาย อย่างเช่น Lirunex ยังคงมุ่งมั่นที่จะรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ และมุ่งปฏิบัติตามกฎระเบียบของเขตอำนาจทางการเงินชั้นนำอันดับต้น ๆ ของโลก
คุณแจ๊ก ฟุง (Jack Foong) ซีอีโอของ Lirunex กล่าวว่า "Lirunex สนับสนุนความพยายามด้านกฎระเบียบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจัง ขณะนี้บางประเทศกำลังพัฒนากรอบการกำกับดูแลที่เป็นมิตรต่อนักลงทุนมากขึ้นสำหรับแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ ความชัดเจนและความเชื่อมั่นที่มีต่อกฎระเบียบดึงดูดนักเทรดเข้าสู่ตลาดเหล่านี้มากขึ้น ซึ่งส่งเสริมการเติบโตและเสถียรภาพที่ดี"
Lirunex เป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุดของเอเชียประจำปี 2566 โดยสนับสนุนให้นักเทรดคว้าโอกาสที่เฟื่องฟูในตลาดเทรดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมใช้เครื่องมือและการสนับสนุนที่จำเป็นเพื่อรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น ด้วยความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศและการอุทิศตนอย่างแน่วแน่เพื่อความสำเร็จของนักเทรด Lirunex ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักเทรดที่แสวงหาประสบการณ์การเทรดที่ยอดเยี่ยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
SAP (เอสเอพี) เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศเปิดตัว GROW with SAP โซลูชันและบริการใหม่ที่จะช่วยให้องค์กรขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) เพื่อประโยชน์สูงสุดจาก Cloud ERP ทำให้องค์กรสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว คาดการณ์ธุรกิจในอนาคตได้อย่างแม่นยำ และสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง
การเปิดตัวดังกล่าวจัดขึ้นภายในงานการประชุม SEA Partner Success Summit 2023 ซึ่งมีพาร์ทเนอร์กว่า 300 รายทั่วภูมิภาคเข้าร่วม
โซลูชัน GROW with SAP ได้รวบรวมแพลตฟอร์มเพื่อตอบสนองการขยายธุรกิจอย่าง SAP Business Technology Platform เข้าไว้ในบริการนี้เพื่อให้องค์กรสามารถปรับใช้และกำหนดแนวทางซอฟต์แวร์ในแบบคลาวด์เนทีฟผ่าน SAP Build ด้วยโซลูชัน SAP Build ผู้ใช้งานสามารถสร้างแอปพลิเคชันภายในองค์กร สร้างกระบวนการทำงานอัตโนมัติ และออกแบบเว็บไซต์ธุรกิจได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเขียนโค้ด ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาธุรกิจผ่านการสร้างสรรค์โซลูชันที่ตอบโจทย์
งานวิจัยของ SAP study พบว่า มากกว่า 2 ใน 3 ขององค์กรขนาดกลางและขนาดเล็ก มองเห็นว่าการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชั่น มีความสำคัญต่อองค์กรและความอยู่รอดในอนาคตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน องค์กรมีความจำเป็นที่จะต้อง
อาศัยผู้เชี่ยวชาญและพาร์ทเนอร์ที่สามารถให้คำแนะนำพวกเขาตลอดกระบวนการดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชั่น เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างคล่องตัวและคุ้มค่ากับการลงทุน
“องค์กรขนาดกลางและขนาดเล็กเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งคิดเป็นเกือบ 99% ของธุรกิจทั้งหมด ก่อให้เกิดการจ้างงาน 90% และคิดเป็นเกือบ 60% ของจีดีพีในหลายประเทศในอาเซียน การร่วมมือประสานกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรธุรกิจของ SAP และพาร์ทเนอร์ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการใช้ประโยชน์จากโซลูชัน GROW with SAP จะช่วยส่งเสริมศักยภาพขององค์กรขนาดกลางและขนาดเล็กในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล กระตุ้นให้องค์กรเกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่องและก่อให้เกิดข้อได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งยังส่งเสริมศักยภาพเพื่อโอกาสการเติบโตทางธุรกิจระหว่างประเทศใหม่ ๆอีกด้วย” เวเรน่า เซียว ประธานและกรรมการผู้จัดการ เอสเอพี เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว
“T-PRIDE ก่อตั้งขึ้นเเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนชุมชนในการสร้างความร่วมมือและความยืดหยุ่นเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือต่อการระบาดใหญ่ของโควิด 19 แม้ว่าปัจจุบันเราจะอยู่ในยุคหลังการระบาด แต่ T-PRIDE ยังคงเดินหน้าป้องกันและเตรียมความพร้อมขององค์กรอยู่เสมอ ซึ่งการย้ายการทำงานขององค์กรไปยังระบบคลาวด์และใช้งาน GROW with SAP ที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางการทำงานระบบดิจิทัล ช่วยให้องค์กรสามารถยกระดับกระบวนการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้นและเป็นไปตามหลักธรรมภิบาลมากยิ่งขึ้น การมีตัวช่วยที่ครบครันจะช่วยให้เราสามารถควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้แนวทางการทำงานและการบริหารสอดคล้องกัน ด้วยแนวคิดการขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูลที่รวมเป็นหนึ่งช่วยให้การประมวลผลและการตัดสินใจถูกต้องและม่นยำ ทำให้ T-PRIDE สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ตอบสนองความต้องการของชุมชน และบรรลุเป้าหมายการมีส่วนร่วมและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ” จูดี้ เฮย ประธานกรรมการบริหาร Temasek Public Resilience Infectious Disease Emergency (T-PRIDE) กล่าว
“ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของเอสเอพีที่มากกว่า 50 ปี ในการช่วยบริษัททุกขนาดในหลากหลายองค์กรให้กลายเป็นองค์กรอัจฉริยะที่ยั่งยืน เราเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าและแนวทางเพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากการนำ Cloud ERP มาใช้ รวมถึงทำอย่างไรลูกค้าจึงสามารถนำเอาโซลูชันคลาวจากเอสเอพีมาใช้เพื่อขยับขยายและสนับสนุนธุรกิจ พร้อมทั้งนำเสนอบริการที่ซับซ้อนให้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนสามารถเตรียมความพร้อมสู่เป้าหมายความยั่งยืนขององค์กรในอนาคต” เวเรน่า เซียว กล่าวเสริม
“ธุรกิจต่างๆทราบดีว่าการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชั่นและการย้ายไปยังระบบคลาวด์มีประโยชน์อย่างมาก แต่ความกังวลและไม่มั่นใจทำให้หลายองค์กรยังคงลังเล” คริสตอฟ เดอร์เดน หุ้นส่วนและผู้อำนวยการบริษัท Delaware ประเทศสิงคโปร์ และDelaware นานาชาติ กล่าว “GROW with SAP แสดงให้ลูกค้าเห็นว่าโซลูชันดังกล่าวสามารถตอบสนองความต้องการด้านงบประมาณและธุรกิจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี เมื่อลูกค้าเข้าใจรายละเอียดขององค์ประกอบและบริการอย่างชัดเจน การย้ายไปยังระบบคลาวด์จึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป แต่ทุกกระบวนการจะอยู่ภายใต้การควบคุมที่เป็นขั้นเป็นตอน นอกจากนี้ยังรับประกันได้ว่า SAP และกลุ่มบริษัทพาร์ทเนอร์ พร้อมดูแลลูกค้าเป็นอย่างดีเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับธุรกิจ”
“SAP ผนึก 3 องค์ประกอบสำคัญที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเข้าด้วยกันในโซลูชันครบวงจร เพื่อช่วยให้ลูกค้าย้ายไปยังระบบคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น" กริช วิโรจน์สายลี ประธานกรรมการ บริษัท ไอแอม คอนซัลติ้ง จำกัด กล่าว “ลูกค้าของเราสามารถพัฒนาธุรกิจผ่านการใช้งานบนระบบ SAP S/4HANA® Cloud ตลอดจนสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆผ่าน SAP Business Technology Platform ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลพวงมาจากการประสบการณ์ในการช่วยเหลือลูกค้ามายาวนานกว่า 50 ปีของเอสเอพี ยิ่งเรานำเทคโนโลยีและโซลูชันดังกล่าวมาใช้งานเร็วเท่าไหร่ ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันขององค์กรยิ่งมีมากเท่านั้น
นอกจากนี้ SAP ยังได้มีการประกาศผู้ชนะรางวัล SAP SEA Partner Awards 2023 ซึ่งให้ความสำคัญกับพาร์ทเนอร์ดีเด่นในด้านการขาย นวัตกรรม เทคโนโลยี บริการ และโซลูชันอีกด้วย
Airbnb เผยข้อมูลล่าสุดการเดินทางท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ฟื้นตัวแรง พร้อมสร้างโอกาสใหม่ๆ