December 14, 2025

 

YouTrip (ยูทริป) ผู้ให้บริการดิจิทัลวอลเล็ตรองรับหลายสกุล (Multi-currency wallet) ประกาศความสำเร็จจากการระดมเงินทุนรอบ Series B คว้าเงินลงทุนมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.84 พันล้านบาท นำโดย Lightspeed บริษัท Venture Capital ชั้นนำระดับโลก ที่ลงทุนใน Grab, Snap, OYO Rooms เป็นต้น จากความสำเร็จในการระดมทุนครั้งนี้ส่งผลให้ YouTrip มียอดระดมทุนมากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.68 พันล้านบาท นับตั้งแต่เปิดให้บริการเป็นต้นมา

เงินทุนใหม่นี้จะนำไปใช้เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในด้านเทคโนโลยีของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น สร้างผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมการชำระเงินที่ตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกสบายและไร้รอยต่อ รวมถึงการขยายทีมเพิ่มอีกกว่าหนึ่งร้อยคนเพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายการให้บริการไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

นางสาวซีซีเลีย ชู ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ YouTrip กล่าวว่า “YouTrip เปิดตัวและเริ่มให้บริการในปี 2561 ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนที่ต้องการมอบประสบการณ์ใช้จ่ายสกุลเงินต่างประเทศที่สะดวกสบายให้ทุกคนสามารถใช้จ่ายได้คุ้มค่ายิ่งขึ้น แม้จะมีการแพร่ระบาดโควิด-19 เรายังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดดและกลายเป็นผู้นำด้านการชำระเงินระหว่างประเทศสำหรับลูกค้าบุคคลภายใต้บริการ YouTrip และลูกค้าธุรกิจภายใต้บริการ YouBiz ในภูมิภาคนี้”

“การระดมทุนรอบล่าสุดถือเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดของ YouTrip ตอกย้ำถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของเราในด้านการชำระเงินระหว่างประเทศ เรามั่นใจว่าบริการของเราที่เข้าถึงได้ง่าย สะดวกสบาย จะตอบโจทย์ผู้ใช้งานหลายล้านคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจะทำให้การชำระเงินระหว่างประเทศเติบโตมากยิ่งขึ้น” นางสาวซีซีเลีย ชู กล่าวเสริม

เร่งการเติบโตในยุคทองของดิจิทัลวอลเล็ต

ด้วยการใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศของผู้บริโภคในประเทศไทยและสิงคโปร์ที่เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงสองปีที่ผ่านมาจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ และการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ส่งผลให้ฐานลูกค้าของ YouTrip เติบโตขึ้นสามเท่า ยอดการทำรายการทั่วโลกเติบโตขึ้นสี่เท่า และกลายเป็นตัวเลือกหลักในการใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศ

นางสาวจุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย กล่าวว่า “การปิดการระดมทุน Series B ของ YouTrip ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัท และเป็นก้าวที่น่าตื่นเต้นสำหรับลูกค้าชาวไทย เพราะนอกเหนือจากการรีเฟรชแบรนด์ปรับโฉมของ YouTrip ให้ทันสมัยแต่ยังคงตอบโจทย์ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีและความปลอดภัยในการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ด้วยเงินลงทุนนี้ เราจะนำมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าชาวไทย”

นอกจาก YouTrip แล้ว ทางด้านผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าธุรกิจ YouBiz ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริหารจัดการบัตรองค์กร (corporate card) และการใช้จ่ายสำหรับ SMEs ในสิงคโปร์ก็เติบโตขึ้นอย่างมากเช่นกัน โดยตั้งแต่เปิดตัวให้บริการในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ภายในปีแรก YouBiz ได้ให้บริการแก่องค์กรต่างๆ มากกว่า 3,000 แห่ง และตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนเป็นสองเท่าภายในปี 2567 อีกด้วย

ขนาดของเงินลงทุนจาก Lightspeed เป็นการแสดงออกถึงความมั่นใจในความสามารถของ YouTrip ในการนำเสนอนวัตกรรมและโซลูชันที่เหมาะสมกับตลาดในแต่ละประเทศ และทีมผู้บริหารที่สามารถสร้างแผนธุรกิจที่สามารถขยายตัวและเติบโตได้สูงสอดรับกับศักยภาพของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นางสาวพัชร ล้อจินดากุล นักลงทุนจาก Lightspeed กล่าวว่า “จากประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับปัญหาของระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ ตอกย้ำความเชื่อมั่นของเราในสิ่งที่ YouTrip สร้าง บริการดิจิทัลวอลเล็ตและระบบชำระเงินรองรับหลายสกุลที่ช่วยให้ผู้ใช้งานทุกคนได้รับประสบการณ์ในการใช้เป็นจ่ายสกุลเงินต่างๆที่ดียิ่งขึ้น ประหยัด สะดวก และปลอดภัย เรารู้สึกตื่นเต้นกับวิสัยทัศน์และแนวคิดทางธุรกิจที่มีความลึกซึ้ง และพร้อมที่จะร่วมมือกับ YouTrip ในช่วงต่อไปของการเติบโตและขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆ”

ผลักดันนวัตกรรมด้านการชำระเงินสำหรับลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

ทุกวันนี้ระบบดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วนในชีวิตประจำวันรวมถึงการใช้จ่าย ทำให้ผู้คนในภูมิภาคอาเซียนแสวงหาบริการทางการเงินที่ให้ความสะดวกสบายและมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น YouTrip จะเพิ่มการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้วยเทคโนโลยี Artificial Intelligence (ระบบ AI) และเทคโนโลยีใหม่อื่นๆ เพื่อนำเสนอบริการที่เจาะจงเฉพาะบุคคลมากขึ้น เช่น การกำหนดงบประมาณอัจฉริยะและข้อมูลเชิงลึกทางการเงินที่ปรับแต่งเองได้ และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง

YouTrip ยังวางแผนที่จะขยายบริการเพื่อช่วยให้ SMEs เติบโตข้ามประเทศในเศรษฐกิจดิจิทัลได้เร็วขึ้น ซึ่งรวมไปถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานธุรกิจ และการนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ เช่น วงเงินสินเชื่อ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของธุรกิจในขณะที่ขยายตัวและเติบโต

YouTrip เป็นผู้บุกเบิกรายแรกในอุตสาหกรรมฟินเทคและการชำระเงินดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน ที่นำเสนอบริการดิจิทัลวอลเล็ตรองรับหลายสกุลที่ให้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีมากกว่า 150 สกุลเงิน ไม่มีค่าธรรมเนียมทุกการใช้จ่าย ประหยัด ใช้จ่ายสะดวกสบายไร้รอยต่อยิ่งขึ้น โดยก่อตั้งขึ้นในประเทศสิงคโปร์ก่อนจะขยายการให้บริการมายังประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน 2562 โดยร่วมมือกับ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) YouTrip เป็นผู้นำตลาดด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ การรีเฟรชแอป YouTrip 2.0 และฟีเจอร์ใหม่บนแอป YouBiz 2.0 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ YouTrip ยังได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม โดยได้รางวัลบริษัท FinTech ยอดเยี่ยม อาทิ Most Innovative FinTech Company in Southeast Asia, Best Multi-Currency Mobile Wallet Provider in Asia และ Best SME Finance Management Platform จาก APAC Insider’s 2023 Singapore

Business Awards เร็วๆ นี้ YouTrip ยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพอันดับต้นๆ ในสิงคโปร์จาก LinkedIn เครือข่ายมืออาชีพบนอินเทอร์เน็ต ตอกย้ำสถานะของบริษัทในฐานะบริษัทฟินเทคชั้นนำในภูมิภาคอีกด้วย

กุ้ยหลิน แบงก์ (Guilin Bank) ธนาคารท้องถิ่นในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน รุกดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อผลักดันความร่วมมือทางการเงินข้ามพรมแดนระหว่างจีนกับอาเซียน โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการช่วยให้กว่างซีก้าวขึ้นเป็นที่ราบสูงแห่งใหม่ของจีนที่รองรับการค้าและความร่วมมือกับอาเซียน

เป็นที่ทราบว่า กุ้ยหลิน แบงก์ มุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรในระดับสูง ตลอดจนเสริมสร้าง "ความเป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์" ที่แข็งแกร่ง และใช้ความคิดริเริ่มในการบูรณาการเข้ากับรูปแบบการพัฒนาใหม่ของภูมิภาค

ในปีที่ผ่านมา ทางธนาคารได้ดำเนินการวิเคราะห์และวิจัยเชิงคาดการณ์เกี่ยวกับอนาคตของความร่วมมือทางอุตสาหกรรมระหว่างจีนกับอาเซียน และสร้างโครงสร้างองค์กรที่โดดเด่นซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาธุรกิจของอาเซียน

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ทางธนาคารได้ให้สินเชื่อมากกว่า 1.051 แสนล้านหยวนแก่โครงการสำคัญ ๆ ภายใต้ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative หรือ BRI) โดยมีปริมาณรายได้และรายจ่ายข้ามพรมแดนเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ ปริมาณการชำระบัญชีข้ามพรมแดนกับสมาชิกอาเซียนและสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของรายได้และรายจ่ายข้ามพรมแดนทั้งหมดของธนาคาร

คุณอู่ ตง (Wu Dong) ประธานของกุ้ยหลิน แบงก์ กล่าวว่า ทางธนาคารดำเนินมาตรการที่แข็งแกร่งมั่นคงเพื่อเร่งการลงทุนและอำนวยความสะดวกทางการเงิน ส่งเสริมการปฏิรูปอุตสาหกรรมเฉพาะทาง และเสริมสร้างความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างประเทศ ด้วยการให้ความสำคัญกับการยกระดับช่องทาง นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาความร่วมมือ ท่ามกลางความพยายามที่กว้างขึ้นเพื่อรองรับความร่วมมือทางอุตสาหกรรมจีน-อาเซียนได้ดียิ่งขึ้น

ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 10 ปีของข้อเสนอในการสร้างประชาคมจีน-อาเซียนที่มีอนาคตร่วมกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น และข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ตลอดจนครบรอบ 20 ปีของงานมหกรรมแสดงสินค้าจีน-อาเซียน (China-ASEAN Expo) และการประชุมสุดยอดธุรกิจและการลงทุนจีน-อาเซียน (China-ASEAN Business and Investment Summit)

การเปิดกว้างได้กลายเป็น "ขุมพลัง" ที่สำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกว่างซี และทางธนาคารจะยกระดับการสนับสนุนทางการเงินให้แก่กว่างซี เพื่อกำหนดรูปแบบการพัฒนาใหม่

คุณอู่ระบุว่า ในอนาคต กุ้ยหลิน แบงก์ จะให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติมสำหรับความร่วมมือจีน-อาเซียน โดยเน้นไปที่ด้านต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือทางอุตสาหกรรม การค้าข้ามพรมแดน การลงทุนและการเงินข้ามพรมแดน และการใช้เงินหยวนข้ามพรมแดน เป็นต้น

จบลงแล้ว... กับการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอาเซียน “JINTAN U14 ASEAN Dream Football Tournament 2023” รอบชิงชนะเลิศ โดยได้รับเกียรติจาก สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมน์ และองค์กร Japan Dream Football Association (JDFA) พร้อม มร.มาซาโอะ คิบะ (Mr. Masao Kiba) อดีตนักฟุตบอลกัปตันทีมชาติญี่ปุ่น และประธาน JDFA และ มร. ฮิเด็ตสึงุ อิชิดะ ผู้บริหาร Morishita Jintan Co., Ltd.,

ผู้สนับสนุนการจัดการแข่งขัน ร่วมแสดงความยินดีและมอบรางวัลแก่ทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอาเซียนในครั้งนี้ ได้แก่ ทีมกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ซึ่งเอาชนะ ทีมกัมบะ โอซาก้า ด้วยคะแนน 3 – 2 พร้อมแสดงความยินดีกับยอดเยาวชนที่มีทักษะและฝีเท้าที่โดดเด่น ได้แก่ ปรเมศ ละอองดี เบอร์ 23จากทีม กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และ ณัฐกร รักษา จากทีมอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด พร้อมด้วย นรากร ทองจรัส จากทีม การท่าเรือ เอฟซี ได้รับคัดเลือกไปเปิดประสบการณ์ฝึกซ้อมกับหนึ่งในสโมสรชั้นนำภายใต้ J. League ลีกฟุตบอลอาชีพระดับสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น

ด้าน มร.มาซาโอะ คิบะ ประธาน JDFA กล่าวว่า “ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน U14 ครั้งที่ 6 จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีนับตั้งแต่ปี 2019 และในขณะที่หลายคนคาดหวังว่าทัวร์นาเมนต์นี้จะกลับมาอีกครั้ง เราสามารถจัดงานนี้ได้ด้วยการสนับสนุนและความร่วมมือจากผู้คนมากมาย ในทัวร์นาเมนต์นี้ เราหวังว่าไม่เพียงแต่ผู้เล่นชาวไทย ญี่ปุ่น และอาเซียนเท่านั้นที่จะได้ฝึกฝน แต่ยังได้รับประสบการณ์ที่สามารถสัมผัสได้เฉพาะในทัวร์นาเมนต์นี้ผ่านประสบการณ์ระหว่างประเทศ และการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ผมหวังว่าเราจะยังคงพัฒนามิตรภาพที่ก้าวข้ามพรมแดนของประเทศและไม่ลืมจิตวิญญาณของการเล่นที่ยุติธรรม ผมหวังว่าจะสร้างผู้เล่นดาวรุ่งในอนาคตผ่านทัวร์นาเมนต์นี้ ผมขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะการแข่งขัน! ทีมรองชนะเลิศ ยังสู้ได้อย่างยอดเยี่ยม ผมขอขอบคุณผู้เล่นและเจ้าหน้าที่ของทีมอื่น ๆ ที่เข้าร่วมสำหรับการแข่งขันที่ยอดเยี่ยม”

การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอาเซียน “JINTAN U14 ASEAN Dream Football Tournament 2023” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 มีทีมฟุตบอลเยาวชนเข้าร่วมแข่งขัน รวมทั้งหมด จำนวน 12 ทีม แบ่งออกเป็นทีมจากประเทศไทย จำนวน 9 ทีม ทีมจากประเทศญี่ปุ่น จำนวน 2 ทีม และจำนวน 1 ทีมจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งผลการแข่งขัน มีดังนี้

- รางวัลทีมชนะเลิศ “JINTAN U14 ASEAN Dream Football Tournament 2023”

ได้แก่ ทีมกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย

- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีมกัมบะ โอซาก้า

- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีมอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด

- รางวัลอาเซียนดรีมเพลเยอร์ (ASEAN Dream Player) ได้แก่

1. ปรเมศ ละอองดี จากทีม กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย

2. ณัฐกร รักษา จากทีม อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด

3. นรากร ทองจรัส จากทีม การท่าเรือ เอฟซี

- รางวัลผู้ทำคะแนนยิงประตูยอดเยี่ยม Top Score Award และ รางวัลผู้เล่นดีเด่น Most Valuable Player ได้แก่ ปรเมศ ละอองดี จากทีม กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย

27 กรกฎาคม 2566 - 30 กรกฎาคมของทุกปีจะเป็นวันเฉลิมฉลองกิจกรรมดำน้ำโลก (World Snorkelling Day) airasia Superapp ในฐานะซูเปอร์แอปด้านการเดินทางและท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในอาเซียน ขอนำเสนอแหล่งดำน้ำแบบสนอกเกอร์ลิ่งระดับโลกในอาเซียน พร้อมแหล่งท่องเที่ยวที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนที่หลงใหลในกิจกรรมดำน้ำตื้น

การดำน้ำถือเป็นกิจกรรมที่เพลิดเพลินเหมาะสำหรับทุกคนไม่ว่าจะมาเป็นครอบครัว กลุ่มเพื่อน หรือไปแบบฉายเดี่ยว  จากน้ำทะเลอันสวยใสในประเทศฟิลิปปินส์ไปจนถึงความหลากหลายของชีวิตสัตว์ใต้ทะเลในอินโดนีเซีย ปะการังหลากสีสันในมาเลเซีย และแดนสวรรค์นอกชายฝั่งของประเทศไทย ปฏิเสธไม่ได้ว่าท้องทะเลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นแรงบันดาลใจที่ดึงดูดนักดำน้ำจากทั่วทุกมุมโลก

เวียดนามเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในอาเซียน ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

บนการคาดการณ์ที่ยังเติบโตเฉลี่ยต่อเนื่องสูงถึง 6.6% ต่อปีในช่วงปี 2565-2571 ผลจากความสำเร็จในการเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของอาเซียน จากการที่เศรษฐกิจขยายตัวเป็นการเพิ่มกำลังซื้อ ขณะที่ภาคผลิตมีความต้องการปัจจัยการผลิต ส่งผลให้เวียดนามมีการนำเข้าสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นตลาดส่งออกหลักอันดับ 4 ของไทยในปี 2565 ด้วยมูลค่า 4.59 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามด้วยโครงสร้างทางเศรษฐกิจของเวียดนามที่พลิกโฉมความท้าทายจากการแข่งขันทางการค้า รวมถึงนโยบายทางเศรษฐกิจของเวียดนามส่งผลให้ตลาดส่งออกของไทยไปเวียดนามคาดว่าจะเผชิญกับแรงกดดันอย่างรุนแรงตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้นไป

เวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจจากการเป็นฐานการผลิตสำคัญของบรรษัทข้ามชาติต่าง ๆ จากข้อได้เปรียบในเรื่องของต้นทุนการผลิต รวมถึงข้อได้เปรียบจากพื้นที่ภูมิศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับตลาดใหญ่ในหลากหลายภูมิภาค เช่น การคมนาคมทางทะเลในเส้นทางแปซิฟิก ที่เชื่อมโยงกับตลาดเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น รวมถึงตลาดใหญ่ของโลก เช่น สหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะโครงข่ายคมนาคมทางบกที่เอื้ออำนวยในการเชื่อมโยงของเศรษฐกิจเวียดนามเข้ากับประเทศในกลุ่มอาเซียน ส่งผลให้เวียดนามเป็นแหล่งรับเม็ดเงินการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศ (Foreign Direct Investment) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2565 ที่สูงถึง 22.4 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นรากฐานการพัฒนาทางเศรษฐกิจของเวียดนามให้มีการขยายตัวต่อเนื่องที่เฉลี่ยสูงถึง 6.6% ในช่วงปี 2566-2571 จากการประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

ทั้งนี้ เศรษฐกิจเวียดนามได้รับแรงขับเคลื่อนผ่านการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ ทำให้เวียดนามมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจด้วยค่าเฉลี่ยสูงถึง 7.3% บนรายได้ต่อหัว (GDP Per Capita) ที่เพิ่มขึ้นถึง 90.1% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อการนำเข้ากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามกำลังซื้อที่เพิ่มอย่างก้าวกระโดด ในขณะเดียวกันการเป็นฐานการผลิตสำคัญในภูมิภาคอาเซียน เป็นการเพิ่มความต้องการนำเข้าสินค้าในกลุ่มของปัจจัยการผลิต ส่งผลให้เวียดนามยกระดับการเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยที่มีมูลค่าอันดับ 9 ในปี 2555 กลายเป็นตลาดส่งออกอันดับ 4 ในปี 2565 ที่มูลค่า 4.59 แสนล้านบาท ซึ่งเติบโตถึง 129% เมื่อเที่ยบกับช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีนับจากปี 2566 ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินสถานการณ์ส่งออกไปเวียดนามมีแรงกดดันมากขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าส่งออกจะชะลอตัวลงเหลือ 3.97 - 4.02 แสนล้านบาท หรือลดลง 12.3% - 13.4% จากแรงกดดัน 4 ประการดังต่อไปนี้

1) ราคาสินค้าส่งออกหลักหลายรายการมีทิศทางลดลง เช่น เม็ดพลาสติก และ ผลิตภัณฑ์โลหะทองแดงที่มีมูลค่าการส่งออก 3.3 หมื่นล้านบาท และ 1.46 หมื่นล้านบาท ในปี 2565 มีราคาส่งออกต่อหน่วยที่ลดลง 6.5% และ 8.0% ตามลำดับ รวมถึง น้ำมันสำเร็จรูปที่มีมูลค่าส่งออกสูงถึง 4.7 หมื่นล้านบาท มีแรงกดดันจากราคาที่ปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 8.7% แต่เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งปีอาจปรับลดลงถึง 17.7% นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 การ

ส่งออกไทยยังได้รับแรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยนที่กดดันให้มูลค่าการส่งออกลดลงจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 ที่เงินบาทอ่อนค่าทะลุที่ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในเดือนตุลาคม

2) การผลิตในเวียดนามสามารถรองรับอุปสงค์ในประเทศได้ดีขึ้น จากการยกระดับเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ เช่น การสร้างโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามที่เริ่มผลิตได้เต็มกำลังการผลิตในปีที่ผ่านมา และการย้ายฐานการผลิตของผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ ส่งผลต่อการลดการพึ่งพิงการนำเข้าสินค้าและบริการจากต่างประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ

3) การนำเข้าในตลาดเวียดนามมีการแข่งขันสูงขึ้น เช่น กลุ่มสินค้าน้ำมันสำเร็จรูป ที่เวียดนามมีทิศทางนำเข้าจากเกาหลีใต้เพิ่มสูงขึ้นโดยมีมูลค่า 38% จากมูลค่านำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปทั้งหมดจากความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่เกาหลีใต้เข้าไปลงทุนในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ในขณะที่การนำเข้าจากไทยมีทิศทางลดลงจากที่เคยมีสัดส่วนที่ 16.3% ในปี 2564 ลดลงเหลือเพียง 12.6% ในปี 2565 รวมถึงในกลุ่มสินค้าส่งออกลำดับ 6 เช่น ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับทองแดงที่มีมูลค่าส่งออกในปี 2565 ที่ 1.46 หมื่นล้านบาท พบทิศทางการนำเข้าของเวียดนามจากประเทศอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปี 2561 ที่เวียดนามนำเข้าทองแดงจากอินโดนีเซียเพียง 8.8% เมื่อเทียบกับการนำเข้าจากไทย เพิ่มสูงขึ้นเป็น 34.8% ในปี 2565 ที่ผ่านมา รวมถึงใน 5 เดือนแรกของปี 2566 พบสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มสูงถึง 54% สะท้อนถึงบทบาทการถูกลดบทบาทของไทยในการเป็นคู่ค้าสำคัญของเวียดนามลงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น

4) ผลของนโยบายภายในประเทศเวียดนาม ในประเด็นความตื่นตัวของการลดการใช้ถุงพลาสติกในปี 2573 โดยเริ่มมีมาตรการบังคับใช้อย่างจริงจังในร้านละดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าในปี 2568 และจะเริ่มมีการปรับเงินเมื่อแจกถุงประเภทใช้แล้วทิ้งในปี 2569 ส่งผลให้เวียดนามเริ่มมีความตื่นตัวและเริ่มปรับกลยุทธ์เพื่อลดการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติก ส่งผลให้ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 นี้ มูลค่าการส่งออกเม็ดพลาสติกของไทยไปเวียดนามลดลงถึง 36.5% โดยเป็นการลดลงจากผลของปริมาณส่งออกสูงถึง 28%

โดยสรุป เวียดนามนับเป็นตลาดส่งออกที่มีบทบาทเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลามากกว่า 10 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามด้วยเบื้องหลังความสำเร็จของการยกระดับด้านการเป็นฐานการผลิตสำคัญในภูมิภาคอาเซียนของเวียดนามช่วยพัฒนาภาคการผลิตที่สามารถใช้เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เวียดนามสามารถลดการพึ่งพิงการนำเข้าสินค้าอุปโภคขั้นสุดท้ายได้ในหลากหลายรายการ รวมถึงบนโมเมนตัมการขยายตัวของเศรษฐกิจและภาคการค้าของเวียดนามเป็นที่ดึงดูงให้เป็นคู่ค้าสำคัญโดยเฉพาะกลุ่มเอเชียตะวันออกที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหญ่และได้เปรียบเรื่องการคมนาคมขนส่ง ส่งผลให้การส่งออกของไทยไปเวียดนามนับจากปี 2566 คาดว่าจะเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง และเป็นโจทย์ให้รัฐบาลชุดใหม่ในการเร่งเจรจาการค้าเพื่อชดเชยความเสียเปรียบให้กับประเทศคู่ค้าอื่น รวมถึงภาคธุรกิจจำเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อรักษาศักยภาพส่งออกสินค้าในกลุ่มปัจจัยการผลิตที่สามารถเติบโตได้ตามภาคการผลิตของเวียดนาม เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่เติบโตตามกำลังซื้อ เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เป็นต้น

Page 4 of 6
X

Right Click

No right click