December 05, 2025

กรมการค้าต่างประเทศเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย “Quick Big Win” ตามแนวทางของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จัดสัมมนา “Unlocking Trade Measure: The Passport for Global Trade” ถอดรหัสมาตรการทางการค้า สู่ความสำเร็จบนเวทีโลก นำร่องภาคใต้ที่ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มุ่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้เข้าใจกฎระเบียบ มาตรการการค้า ลดปัญหาและอุปสรรคในการส่งออก

นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า “นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนด 7 นโยบายสำคัญ ภายใต้แนวทาง “Quick Big Win” ที่มุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจโดยเร็ว และสร้างรากฐานทางการค้าที่มั่นคงและยั่งยืน โดยภารกิจหลักที่สำคัญ อาทิ การเร่งเจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกาเพื่อบรรลุข้อตกลงอัตราภาษีต่างตอบแทน ภายในเดือนธันวาคม 2568 พร้อมทั้งยกระดับมาตรการตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้า และการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าให้เป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบ เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้าไทย ตลอดจนผลักดันการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA และเร่งบุกตลาดใหม่ กรมฯ จึงได้จัดการสัมมนา “Unlocking Trade Measure : The Passport for Global Trade” ถอดรหัสมาตรการทางการค้า สู่ความสำเร็จบนเวทีโลก” เพื่อถ่ายทอดความรู้และประชาสัมพันธ์มาตรการทางการค้าใหม่ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมนิภา การ์เด้น จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 200 คน รวมถึงมีหน่วยงานพันธมิตรในพื้นที่เข้าร่วมออกบูธและร่วมการสัมมนา อาทิ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กลุ่มสมาคมโรงสกัดน้ำมันปาล์ม และกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม เป็นต้น”

นายดวงอาทิตย์ กล่าวว่า “งานสัมมนาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าและการตลาด ได้แก่ นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์อาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเพชรศรีวิชัย เอ็นเตอไพรส์ จำกัด (มหาชน) มาร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับทิศทางการค้าโลก โอกาส ตลอดจนความท้าทายใหม่ๆ ที่ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญ นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายยังมีกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ในหัวข้อ Smart DFT : Going Paperless โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญของกรมฯ มาถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการใช้งานระบบดิจิทัล อาทิ ระบบบริการการออกหนังสือสำคัญการส่งออกนำเข้าสินค้า (SMART I) ระบบการรับรองถิ่นกำเนิด (Rover Plus) และระบบการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (SMART C/O) ซึ่งเป็นระบบที่กรมฯ พัฒนาขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ ”

“กรมการค้าต่างประเทศยังคงมุ่งมั่นดำเนินพันธกิจหลักเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ เร่งเปิดตลาดใหม่ และผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ข้าว มันสำปะหลัง และสินค้าเกษตรนวัตกรรม ตลอดจนติดตามสถานการณ์และมาตรการทางการค้าของประเทศคู่ค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้รับทราบข้อมูลที่ทันสมัยและใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด กรมฯ จึงต้องเร่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในบทบาทภารกิจของกรมฯ ในด้านต่าง ๆ ให้แก่ผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้ได้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายและกว้างขวางยิ่งขึ้น” นายดวงอาทิตย์กล่าวทิ้งท้าย

ผู้ประกอบการสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและการสัมมนาต่าง ๆ ผ่านทางเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน 1385 

คต. ติวเข้มผู้ประกอบการสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย เปิดเวทีสัมมนา “Agri Plus Intelligence ถอดรหัสอัจฉริยะสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย จากงานวิจัยสู่ตลาดโลก” พร้อมจับมือ บพข. จัด One-on-One Exclusive Workshop : SCAN ธุรกิจ สำรวจนวัตกรรมองค์กร ยกระดับผลิตภัณฑ์สู่ตลาดสากล มุ่งเป้า SMEs และนักวิจัย ใช้นวัตกรรมต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร และขยายโอกาสทางการค้า

นายนพดล คันธมาศ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงการดำเนินโครงการต่อยอดงานวิจัยและสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างนักวิจัยและผู้ประกอบการสินค้าเกษตรไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการค้า โดยเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 กรมฯ ได้จัดสัมมนา “Agri Plus Intelligence ถอดรหัสอัจฉริยะสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย จากงานวิจัยสู่ตลาดโลก” โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากทั้งภาครัฐและเอกชน นักการตลาดชั้นนำ รวมถึงนักวิจัย ที่มาร่วมผสานพลังเติมเต็มองค์ความรู้ที่จะช่วยปลดล็อคศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยให้พร้อมเข้าสู่ตลาดสากล โดยมีไฮไลท์สำคัญ ได้แก่ การเสวนาหัวข้อ “Agri Plus Intelligence: ถอดรหัสเทรนด์โลกและโอกาสของสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย” โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทรนด์การตลาด การวิจัย และนวัตกรรม การเสวนา “From Lab to a Billion” ที่ได้ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และตัวแทนผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในการต่อยอดงานวิจัย มาร่วมแบ่งปันความรู้ ชี้แนะ Roadmap เส้นทางสู่ธุรกิจเกษตรมูลค่าสูง การบรรยายในหัวข้อ “Branding for Tomorrow” โดยแบรนด์กูรูชั้นนำของประเทศ และในหัวข้อ “Digital Harvest” พลิกเกมการตลาดด้วย Social Commerce และ AI” โดยนักการตลาดดิจิทัลมืออาชีพ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม Business Networking เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เชื่อมโยงพันธมิตรทางธุรกิจ และการจัดแสดง “Agri Plus Showcase” โชว์ผลิตภัณฑ์เกษตรนวัตกรรมจากการต่อยอดงานวิจัยอีกด้วย

นอกจากการสัมมนาที่มีผู้สนใจเข้าร่วมอย่างล้นหลามแล้ว กรมฯ ได้ผนึกกำลังกับหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ หรือ บพข. จัด One-on-One Exclusive Workshop: Scan ธุรกิจ สำรวจนวัตกรรมองค์กร ยกระดับผลิตภัณฑ์สู่ตลาดสากล ระหว่างวันที่ 17 - 19 กันยายน 2568 โดยนำทัพผู้เชี่ยวชาญมาช่วยประเมินความพร้อมในการประกอบธุรกิจแบบ Exclusive พร้อมให้คำปรึกษากับผู้ประกอบการแบบครบวงจร โดยผู้เข้าร่วมได้รับแนวทางการพัฒนาธุรกิจ รวมถึงการต่อยอดธุรกิจแบบ Insight เพื่อการขยายธุรกิจเกษตรนวัตกรรมสู่สากลได้อย่างเป็นรูปธรรม

รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า “กรมฯ ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความสำเร็จบนเวทีการค้าโลก ผลักดันมูลค่าการค้าของไทยให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ มีความมุ่งมั่นในการผลักดันผู้ประกอบการเกษตรนวัตกรรมไทย โดยเฉพาะ SMEs ให้สามารถแข่งขันในตลาดการค้าได้อย่างมีศักยภาพ ควบคู่ไปกับการยกระดับรายได้เกษตรกร ผ่านกลไกการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้วยนวัตกรรมเพื่อต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ตามนโยบาย ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดสัมมนาและ Exclusive Workshop ในครั้งนี้จะเป็นแรงส่งเสริมผู้ประกอบการและนักวิจัยในการต่อยอดสินค้าเกษตรไทยไปสู่ตลาดสากลอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งถือเป็นความตั้งใจของกรมการค้าต่างประเทศ ในการส่งเสริม ผลักดัน เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขัน และขยายโอกาสทางการค้าสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยได้อย่างยั่งยืน

กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ยกระดับสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยสู่ต่างประเทศ โดยร่วมกับ คิง เพาเวอร์ เปิด Pop-up counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” จัดแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย ณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ หวังจับกลุ่มชาวต่างชาติให้รู้จักสินค้าเกษตรนวัตกรรมให้แพร่หลายยิ่งขึ้น

นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการจัด Pop-up counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” ซึ่งจัดขึ้นภายในแนวคิด Cultivated in Thailand, Innovated for the World มุ่งส่งเสริมภาพลักษณ์และช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยสู่ต่างประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจาก คิง เพาเวอร์ ในการจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยที่มีศักยภาพ ทั้งสำหรับกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติรวมถึงชาวไทย ทั้งสินค้าอาหารและสินค้าไลฟ์สไตล์ ที่ได้คัดสรรจากสินค้าที่ได้รับรางวัล “Agri Plus Award” และสินค้าศักยภาพที่แสดงถึงความเป็นนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินค้าเกษตรไทย

​Pop-up counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” จำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมครั้งนี้มีกำหนดจัดตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 21 กันยายน 2568 ณ ชั้น 1 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์

โดยกรมการค้าต่างประเทศได้คัดสรรสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยที่ได้รางวัลและผ่านเข้ารอบตัดสิน Agri Plus Award รวมถึงสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออกกว่า 60 รายการ จากผู้ประกอบการกว่า 30 ราย มาร่วมจัดจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นข้าวไร้แป้งจากไฟเบอร์สาหร่าย เม็ดฟู่สมุนไพรกลิ่นผลไม้ GI ของไทย กราโนลาข้าวก่ำล้านนาอินทรีย์ ข้าวเหนียวมะม่วงอัดเม็ด นวัตกรรมครีมเจลจากลูกประคบไทย ยาสีฟันสมุนไพรไทยอัดเม็ด กระเป๋ารองเท้าจากวัสดุ Upcycling จากฟางข้าว และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย โดยแต่ละผลิตภัณฑ์ สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ในการผสมผสานธรรมชาติกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรไทยให้สามารถเข้าถึงและตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และมีสไตล์ ในขณะที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยได้อย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน

​นายฉันทวิชญ์ฯ กล่าวย้ำว่า “กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาต่อยอดสินค้าเกษตรไทยจากสินค้า ‘โภคภัณฑ์’ ไปสู่สินค้า ‘นวัตกรรม’ ตามแนวคิด ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ โดยพร้อมเดินหน้าส่งเสริมเกษตรกรไทยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และพัฒนาผู้ประกอบการสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย โดยเฉพาะ SMEs ให้แข็งแกร่งพร้อมโกอินเตอร์ก้าวสู่ตลาดโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งผมเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สินค้าไทยมี

ที่ยืนในตลาดโลกมากขึ้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่สอดรับกับเทรนด์โลก ช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตรไทย และส่งผลให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ราคาดี ทั้งนี้ ในปี 2567 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมขยายตลาดสินค้าเกษตรนวัตกรรมสู่ตลาดต่างประเทศ โดยมีมูลค่าการค้าที่ได้รับ

การส่งเสริมฯ รวม 367 ล้านบาท และมั่นใจว่ามูลค่าการค้าสินค้าเกษตรนวัตกรรมจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน สำหรับกิจกรรม Pop-up counter นี้จะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย ซึ่งเป็นสินค้าคุณภาพดีในการเป็นของขวัญของฝากจากเมืองไทย ซึ่งจะเป็นตัวเชื่อมสำคัญที่นำสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยสู่ตลาดสากล และสร้างมูลค่าการค้าได้มากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม”

​ในการนี้ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ขอเชิญชวนร่วมชม ชิม ช้อป แชะ แชร์ ใน Pop-up counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” มาเลือกชมเลือกซื้อสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย

เพื่อสุขภาพและเพื่อโลกที่ยั่งยืน พร้อมร่วมสนุก ร่วมลุ้นรับของที่ระลึกและรับคูปองส่วนลดสุดพิเศษ และช่วยกันบอกต่อกิจกรรมดีๆ ผลักดันสินค้าเกษตรนวัตกรรมของไทยให้เป็นที่รู้จักไปด้วยกัน ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 21 กันยายน 2568 ณ ชั้น 1 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม กรมการค้าต่างประเทศ โทร 0 2547 4744 หรือ Facebook Page: กรมการค้าต่างประเทศ DFT

นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นประธานในพิธีเปิด Pop-up Counter ในธีม “Nature for Future: Agriculture + Innovation” ณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ  ในวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 13.30 น. ทั้งนี้โดยมีการจำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยกว่า 60 รายการ จากผู้ประกอบการกว่า 30 ราย ไปจนถึงวันที่  21 กันยายน 2568 นี้

ในโอกาสนี้ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นาง อารดา เฟื่องทอง คณะผู้บริหารจากกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ร่วมให้การต้อนรับ โดยมี แอนโทเนีย โพซิ้ว รองชนะเลิศอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์ส 2023 และมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 ให้เกียรติมาร่วมงานในฐานะพรีเซนเตอร์โครงการ

กิจกรรม Pop-up Counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” ดำเนินการโดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย ที่มีศักยภาพทั้งสำหรับกลุ่มผู้ซื้อ ชาวไทย และ กลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติ ทั้งสินค้าเกษตรนวัตกรรมอาหารและสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยได้มีการคัดสรรจากสินค้าที่ได้รับรางวัล “Agri Plus Award” และสินค้าอื่นที่แสดงถึงความเป็นนวัตกรรม เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินค้าเกษตรไทย แต่ละผลิตภัณฑ์สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ในการผสมผสานธรรมชาติกับเทคโนโลยี ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ความยั่งยืน และมีสไตล์ ในขณะที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ให้กับ เกษตรกร และผู้ประกอบการไทยได้อย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน

Pop-up Counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวนานาชาติ เข้าชม ชิม ช้อป ใช้ และร่วมภาคภูมิใจกับสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย พร้อมร่วมสนุก เพื่อลุ้นรับของที่ระลึกและคูปอง ส่วนลดสุดพิเศษได้ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม ไปจนถึงวันที่ 21 กันยายน 2568

กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมมือกับ กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ยกระดับงานบริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้า ด้วยการพัฒนาระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) มุ่งสู่เป้าหมายการให้บริการแบบ No Visit อย่างเต็มรูปแบบ ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ (Citizen Centric) เพิ่มความง่าย สะดวก และรวดเร็วในการรับบริการ

 

กรมการค้าต่างประเทศได้ให้บริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้าให้กับผู้ประกอบการเฉลี่ยปีละกว่า 1.2 ล้านฉบับ กรมการค้าต่างประเทศจึงมุ่งพัฒนาบริการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้ประกอบการที่ขอรับบริการ โดยความร่วมมือระหว่างกรมการค้าต่างประเทศกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาในครั้งนี้จะช่วยยกระดับการให้บริการออกหนังสือสำคัญฯ ขึ้นไปอีกขั้น สู่ระบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ ผู้รับบริการสามารถดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายๆ ภายใต้ระบบ DFT SMART – I และ DFT SMART C/O ซึ่งสามารถยื่นคำขอและพิมพ์เอกสารผ่านช่องทางออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ศูนย์บริการ ทั้งนี้ผู้รับบริการสามารถเลือกชำระค่าบริการผ่านช่องทางออนไลน์ของธนาคารกรุงศรี หรือธนาคารพาณิชย์อื่นได้ เพิ่มความง่าย สะดวก และรวดเร็วให้กับผู้รับบริการมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังสามารถชำระค่าบริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ด้วยการสแกน QR Code ได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีค่าธรรมเนียม ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากล สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลดิจิทัล (Digital government) ในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของหน่วยงานราชการให้ทันสมัย และเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนที่ต้องการบริการออนไลน์

 

ก้าวต่อไปในการให้บริการของกรมการค้าต่างประเทศ มุ่งมั่นผลักดันให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันและความได้เปรียบทางการค้าเพิ่มขึ้น อาทิ รองรับการออกหนังสือสำคัญการส่งออก – นำเข้าสินค้าตามกรอบความตกลงทางการค้าใหม่ ๆ ได้แก่ FTA ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Trade Association: EFTA)FTA ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) รวมถึงกรอบเจรจาอื่น ๆ ในอนาคตอันใกล้ โดยมีแผนพัฒนาระบบบริการกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและต่อยอดบริการที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้นต่อไป

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click