February 23, 2025

กระทรวงอุตสาหกรรม  โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม ผนึกกำลังเครือข่ายหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 30 หน่วยงาน ประชุมหารือเพื่อผลักดันการสร้างคอมมูนิตี้นิคมอุตสาหกรรม SME เพื่อสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่เอื้อต่อการเติบโตของ SMEs และสามารถเชื่อมโยงเป็นซัพพลายเชนกับบริษัทใหญ่

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการที่จะขับเคลื่อนการปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ภายใต้นโยบาย "สู้ เซฟ สร้าง ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม SMEs ถือเป็นภารกิจสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการเติมเต็มและขยายโอกาสให้ SMEs เป็นส่วนหนึ่งในซัพพลายเชนของธุรกิจขนาดใหญ่หรือบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ทำให้เกิดการสร้างรายได้ สร้างโอกาสในการแข่งขัน และกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศ ซึ่งตั้งเป้าผลักดัน GDP ประเทศให้เติบโตเพิ่มอีก 1% โดยไม่ต้องใช้งบประมาณรัฐ และจะทำให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากบริษัทขนาดใหญ่ที่เข้ามาลงทุน ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการไทย นอกจากนี้ จะต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยในมิติต่าง ๆ รวมถึงการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสะอาดและการจัดการของเสียอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมตอบรับนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยได้วางแผนการดำเนินงานคอมมูนิตี้นิคมอุตสาหกรรม SMEs เพื่อวางระบบสนับสนุนครบวงจร ทั้งด้านบุคลากร เทคโนโลยี การเงิน และการตลาด รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานหรือปัจจัยเอื้อที่จำเป็นต่อการประกอบกิจการ โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จะได้เข้ามามีบทบาทในด้านการส่งเสริมการพัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรม อาทิ การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม การส่งเสริมการพัฒนาทักษะบุคลากรอุตสาหกรรม การสนับสนุนผู้ประกอบการในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ และการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนสร้างระบบอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สะท้อนจากเสียงของผู้ประกอบการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม มีภารกิจหลักในการส่งเสริม สนับสนุน ผู้ประกอบการทุกระดับ ให้มีขีดความสามารถที่สูงขึ้น และแข่งขันได้ในตลาดโลก รวมทั้งมีบทบาทสำคัญด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่จำเป็นของประเทศ จึงมีแนวคิดในการสร้าง “ดีพร้อมคอมมูนิตี้” (DIPROM Community) ซึ่งเป็นการนำวิสาหกิจไทยเข้ามาสู่ระบบบริหารจัดการของดีพร้อม โดยการส่งเสริมและสนับสนุนด้วย 6 กลไกที่สำคัญ คือ 1) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก 2) เทคโนโลยี ดิจิทัล นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ 3) การเข้าถึงแหล่งเงินทุน 4) การเชื่อมสิทธิประโยชน์ 5) การเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตร และ 6) การผลักดันธุรกิจสู่สากล เพื่อให้วิสาหกิจไทยสามารถ “สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างเครือข่าย” เพิ่มศักยภาพวิสาหกิจไทยให้สามารถยกระดับธุรกิจให้เติบโต และแข่งขันได้อย่างมั่นคงในอนาคต รวมไปถึงเกิดเป็นซัพพลายเชนภายในดีพร้อมคอมมูนิตี้และสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันในรูปแบบธุรกิจขนาดใหญ่ที่สามารถดูแลธุรกิจขนาดเล็กได้ (Big Brother) เป็นฮีโร่ที่ดีพร้อม เพื่อให้วิสาหกิจไทยเดินหน้าไปด้วยกัน ซึ่งสอดรับกับนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และในส่วนของการขับเคลื่อนนิคมฯ SMEs ดีพร้อม ได้ทำหน้าที่เป็นแม่สื่อในการหารือกับเครือข่ายหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 30 หน่วยงาน ถึงแนวทางการเชื่อมโยงผู้ประกอบการ SMEs เป็นซัพพลายเชนในนิคมฯ SMEs ร่วมกับบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งจะสอดรับการดึงดูดการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่และจะได้ดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการในมิติต่าง ๆ ตามข้อเสนอแนะที่ได้รับจากหน่วยงานพันธมิตร เพื่อช่วยเหลือให้วิสาหกิจไทยอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กับการปรับตัวพร้อมยกระดับเศรษฐกิจไทยไปสู่การเป็นเศรษฐกิจสีเขียว

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ขานรับนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” เดินหน้าจับมือ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พัฒนาผู้ประกอบการไทยด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ยกระดับการผลิตสู่อุตสาหกรรม 4.0 และ 5.0 พร้อมก้าวเข้าสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน เพิ่มศักยภาพการผลิตและขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ คาดจะสามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 1 ร้อยล้านบาท

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เน้นการปฏิรูปทั้งระบบของภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ รวมทั้งปรับปรุงการทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรมให้สอดรับต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้งการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้ในทุกขั้นตอน เพื่อให้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่ ซึ่งหากอุตสาหกรรมไทยเข้มแข็ง ก็จะเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้นในระยะยาว

“กระทรวงอุตสาหกรรม มุ่งมั่นที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจยุคใหม่ให้เติมเต็มห่วงโซ่อุตสาหกรรมในปัจจุบัน และมีระบบการผลิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความยั่งยืน เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้มีความเข้มแข็ง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นภารกิจที่ตั้งใจเดินหน้าโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประเทศไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน”

 

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมทั่วโลกย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมสู่อนาคต ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างประสิทธิภาพสูงสุดในการผลิต และบริการ รวมถึงสามารถพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในยุคดิจิทัล เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการ “ผลัดใบเศรษฐกิจ” ในศตวรรษที่ 21 ให้กับประเทศไทย รวมทั้งมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกภาคส่วน

การจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม ระหว่าง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในครั้งนี้ นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญในการยกระดับศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันและเกิดความเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ด้วยการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาคการผลิต ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลนำไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 และ 5.0 ทั้งการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ด้านการพัฒนาต่อยอดกระบวนการผลิต และด้านผลิตภัณฑ์ ในการยกระดับศักยภาพและการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสู่ระดับสากล คาดจะสามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 100 ล้านบาท        

 

“ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญต่อการพัฒนาความร่วมมือและการประสานงานที่มีประสิทธิภาพระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อร่วมกันพัฒนางาน แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและการเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น”

 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ความร่วมมือกับดีพร้อมในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยในด้านเทคโนโลยีการผลิต โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม และ ส.อ.ท. จะเข้าไปให้การส่งเสริม สนับสนุนผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและเครือข่ายภาคอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มศักยภาพและความสามารถทางการแข่งขัน การพัฒนาด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลนำไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 หรือ อุตสาหกรรม 5.0 อาทิ ด้านการพัฒนาบุคลากร การพัฒนากระบวนการผลิต และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังร่วมกันให้การสนับสนุน ส่งเสริม พัฒนาบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมและบุคคลทั่วไป ให้มีความตระหนักและสามารถเพิ่มทักษะด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลทางด้านวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรม สังคม ชุมชน และบุคคลทั่วไป รวมทั้งยังได้บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของวิสาหกิจที่เข้าร่วมโครงการ โดยความร่วมมือในครั้งนี้มีระยะเวลารวม 3 ปี โดย โครงการนี้ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิก ส.อ.ท. กว่า 16,000 ราย จะเป็นการยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการ SMEs จะได้รับการพัฒนาภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นแบบอย่างให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายอื่น ๆ ใช้เป็นต้นแบบในการยกระดับภาคการผลิตต่อไปในอนาคต

 

“การปรับตัวไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 และ 5.0 เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยให้เหนือกว่าประเทศคู่แข่ง เนื่องจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในด้าน ESG หรือการผลิตที่ยั่งยืน ไม่ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดทั่วโลกให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งนี้จะทำให้สินค้าไทยก้าวข้ามกำแพงการกีดกันด้านสิ่งแวดล้อมได้เหนือกว่าประเทศอื่น”

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ปิดฉากสุดประทับใจสำหรับบิ๊กอีเวนท์กลางกรุง “CRAFT DRINK by DIPROM ศาสตร์และศิลป์เครื่องดื่มไทย นำธุรกิจไกลสู่สากล” ที่เปิดให้ประชาชนและคนรักเครื่องดื่มจากทั่วประเทศไทยเข้างานฟรี ภายในงานเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ การจับคู่ธุรกิจ และความสนุกสนาน พร้อมเสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มพิเศษที่สร้างสรรค์ด้วยวัตถุดิบท้องถิ่น ผสานกับเทคนิคการผลิตระดับสากล ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์และเรียนรู้ศาสตร์เบื้องหลังการสร้างเครื่องดื่มชั้นเลิศอย่าง กาแฟ โกโก้ และสุราพื้นบ้าน ตั้งแต่วันที่ 5 – 10 กันยายน 2567 ณ ลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งตลอดระยะเวลาการจัดงาน 6 วัน ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้มากกว่าแสนคน สร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมมากกว่า 168 ล้านบาท

นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า การจัดงาน “CRAFT DRINK by DIPROM ศาสตร์และศิลป์เครื่องดื่มไทย นำธุรกิจไกลสู่สากล” ถือเป็นความท้าทายของ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ในการนำเสนอศักยภาพของเครื่องดื่มไทยสู่สายตาระดับสากล ซึ่งไม่เพียงที่จะต้องการส่งเสริมผู้ประกอบการในประเทศ แต่ยังต้องการสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์ไทยให้ก้าวไกลสู่ตลาดโลก งานนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเผยแพร่องค์ความรู้และนวัตกรรมด้านการผลิตเครื่องดื่มที่สามารถต่อยอดสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต ตลอดจนเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นใหม่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไทยที่มีศักยภาพสู่การแข่งขันในระดับสากล

นายภาสกร กล่าวต่อว่า ภายในงาน “CRAFT DRINK by DIPROM” ประกอบด้วยหลากหลายกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับกระบวนการผลิตเครื่องดื่มที่ผสมผสานระหว่างศาสตร์และศิลป์ การจัดเวิร์กช็อปจากผู้เชี่ยวชาญในวงการเครื่องดื่ม การเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ และการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ยังมีการชิมเมนูพิเศษจากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มท้องถิ่นที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ พร้อมโชว์จากศิลปินชื่อดังที่ผลัดเปลี่ยนกันมาสร้างความสนุก และพิเศษสุดกับการเนรมิตรโซนกิจกรรมที่น่าสนใจเต็มพื้นที่หน้าลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อมอบความรู้ควบคู่ไปกับความบันเทิง ซึ่งตลอดระยะเวลาการจัดงาน 6 วัน มีประชาชนเข้าร่วมงาน 105,000 คน สร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมมากกว่า 168 ล้านบาท ทั้งนี้ ความสำเร็จของงาน CRAFT DRINK by DIPROM สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความสำคัญของของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยที่สามารถก้าวสู่ตลาดสากลได้อย่างมั่นคง ตลอดจนเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ช่วยเสริมสร้างเครือข่ายและโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

งาน “CRAFT DRINK by DIPROM” ถือเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่เกิดจากความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงสมาคมฯ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการเครื่องดื่มไทย โดยในงานมีหนึ่งไฮไลต์สำคัญอย่างกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ หรือ Business Matching ในหัวข้อ "เวทีจับคู่เครื่องดื่มไทยนำธุรกิจไกลสู่สากล" ซึ่งช่วยเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยกับตลาดต่างประเทศ สร้างโอกาสในการขยายธุรกิจร่วมกัน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไทยทั้ง 3 กลุ่ม ได้พบปะกับผู้ซื้อและผู้จัดจำหน่ายจากประเทศชั้นนำ อาทิ CP Extra, Tops Supermarket, บริษัท พีเค โกโก้ แอนด์ ช็อกโกแลต จำกัด, บริษัท คอนเซพท เคส จำกัด รวมถึงตัวแทนจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐอินเดีย ตลอดจนการสนับสนุนด้านการเงินจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME D Bank เพื่อเสริมศักยภาพการลงทุนและความมั่นคงทางธุรกิจ

นายภาสกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ดีพร้อม ขอขอบคุณทุกความร่วมมือจากเครือข่ายพันธมิตร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนให้งาน CRAFT DRINK by DIPROM ศาสตร์และศิลป์เครื่องดื่มไทย นำธุรกิจไกลสู่สากล ผ่านไปได้อย่างสมบูรณ์และประสบความสำเร็จ ซึ่งการร่วมมือและการสนับสนุนจากทุกท่านถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราสามารถนำเสนอแนวทางใหม่ ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในการพัฒนาภาคการเกษตรและการสร้างมูลค่าเพิ่มสู่เกษตรอุตสาหกรรม รวมถึงผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อสร้างอัตลักษณ์ท้องถิ่นและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศของเราไปข้างหน้า โดย ดีพร้อม จะเดินหน้ามุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชน อีกทั้งยังหวังว่าจะได้พบกับทุกท่านในกิจกรรมอื่น ๆ ของดีพร้อมต่อไป

ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้ทางเว็บไซต์ www.diprom.go.th และเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/dipromindustry หรือโทร. 0 2430 6860

เทศกาลเครื่องดื่มที่ทุกคนรอคอย "CRAFT DRINK by DIPROM ศาสตร์และศิลป์เครื่องดื่มไทย นำธุรกิจไกลสู่สากล" ได้เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่แล้วที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ท่ามกลางความสนใจของผู้คนจำนวนมากที่หลั่งไหลมาร่วมงานตั้งแต่วันแรก

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคักและสีสัน ผู้เข้าชมงานต่างตื่นตาตื่นใจไปกับโซนแสดงสินค้า DRINKING AVENUE ที่รวบรวมร้านค้ากว่า 122 คูหาจากผู้ประกอบการกาแฟ โกโก้ และสุราชุมชนทั่วประเทศ ตลอดจนมีกิจกรรมมากมายที่สร้างความสนุกสนานให้กับผู้เข้าร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นการประกวด Cocoarista DIPROM Contest และ Speed Latte Art DIPROM Contest ที่ดึงดูดสายตาผู้ชมด้วยความสามารถอันน่าทึ่งของผู้เข้าแข่งขัน รวมถึงไฮไลต์ของงานอย่างโซนนิทรรศการที่ให้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟ โกโก้ และสุราชุมชน พร้อมด้วยเวทีกิจกรรม Co-Drinking Space และ DIPROM Drink Lab ที่มีการจัดเวิร์กช็อปและเสวนาในหัวข้อที่น่าสนใจตลอดทั้งวัน

พิเศษสุด! เวลา 18.00 - 19.00 น. พบกับมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชั้นนำที่จะมาเติมเต็มบรรยากาศให้สนุกสนานโดยในวันศุกร์ที่ 6 ก.ย. พบกับ SarahSalola, วันเสาร์ที่ 7 ก.ย. พบกับ อะตอม ชนกันต์ และวันจันทร์ที่ 9 ก.ย. พบกับ คริส พีรวัส ที่จะขนเพลงฮิตและการแสดงสดมาให้คุณได้ดื่มด่ำไปกับเสียงดนตรีในบรรยากาศสุดพิเศษพร้อมจิบเครื่องดื่มแบบเข้มๆ!

สำหรับใครที่ยังไม่ได้มาร่วมงาน อย่าพลาดโอกาส! ขอเชิญมาสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 10 กันยายน 2567 เวลา 10.00 - 22.00 น. ที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เข้าร่วมงานฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย มาร่วมเดินทางผ่านรสชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลายของเครื่องดื่มไทย พร้อมเพลิดเพลินกับกิจกรรมสนุก ๆ มากมายและดื่มด่ำไปกับการแสดงดนตรีสดจากศิลปินชื่อดังที่จะมาสร้างความประทับใจให้คุณอย่างเต็มที่

ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page: DIPROM Thailand หรือสอบถามข้อมูลได้ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) โทร. 0 2430 6860 หรือเว็บไซต์ www.diprom.go.th 

Page 1 of 6
X

Right Click

No right click