December 05, 2025

พร้อมสร้างประวัติศาสตร์เป็นองค์กรแรกของไทยที่ได้รับรางวัลในสาขา Most Innovative Financial Technology Company in Asia-Pacific จากนิตยสาร Global Finance

KBTG Techtopia ปี 3 กลับมาเขย่าโลกเทคโนโลยีอีกครั้ง โดยมาในธีม At World’s Beginning เมื่อโลกใบเดิมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเวทีงานประชุมด้านเทคโนโลยีระดับนานาชาติ ที่รวมตัวผู้ทรงอิทธิพลและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำกว่า 80 คนจากทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทรงพลังที่สุดแห่งปี เตรียมพบกัน 2 กันยายนนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อบัตรร่วมงานได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/kbtg-techtopia-2025

นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เปิดเผยว่า จากงาน KBTG Techtopia สองปีที่ผ่านมาได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 2,500 คนในปี 2567 และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิกว่า 70 ท่านจากทั่วโลก แต่ด้วยวิกฤตในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นมรสุมภูมิรัฐศาสตร์ พิษเศรษฐกิจ สงครามภาษี ปัญหาด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ไปจนถึงภัยธรรมชาติที่นับวันยิ่งใกล้ตัว ล้วนเป็นเสียงเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกันก็มีเทคโนโลยีเกิดใหม่มากมาย โดยเฉพาะ AI ที่มีการแข่งขันอย่างสูสีและการพัฒนาแบบก้าวกระโดด หลายครั้งคนในวงการเองยังวิ่งตามเทรนด์ไม่ทัน ไม่รู้ว่าจุดโฟกัสอยู่ตรงไหน ก่อให้เกิดคำถามต่างๆ ตามมามากมาย รวมถึงผลกระทบในแง่บวกและลบต่อชีวิตและสังคมในวงกว้าง

ด้วยเหตุนี้ KBTG จึงเล็งเห็นความสำคัญในการจัดงาน KBTG Techtopia ปีที่สาม ในธีม At World’s Beginning เมื่อโลกใบเดิมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ชวนทุกคนหันกลับมามองจุดเริ่มต้น สำรวจปัญหาและทรัพยากรโลก กับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนด้วยเทคโนโลยี ภายในงานจะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 80 คนที่จะมาแชร์ความรู้และโชว์เทคโนโลยีเพื่อมนุษยชาติ (Technology for Humanity) พร้อมกับมุมมองและแนวทางแก้ปัญหาที่จับต้องได้ ปลุกการตื่นรู้สู่การเปิดใจ ปรับตัว และขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่นำโดยคนและทำเพื่อคนอย่างแท้จริง

พลาดไม่ได้! กับไฮไลท์สุดพิเศษในงาน:

  • กระทบไหล่ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกกว่า 80 ท่าน! พบกับ Danielle Wood หัวหน้าหน่วยวิจัย Space Enabled และ ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร นักวิจัย AI ดาวรุ่งจาก MIT Media Lab, Cindy Chow, Executive Director & CEO จาก Alibaba Entrepreneurs Fund, ยอด ชินสุภัคกุล CEO LINE MAN Wongnai, ปิยะชาติ อิศรภักดี CEO BRANDi and Companies, ดร.สันติธาร เสถียรไทย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย, รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอีกมากมาย!
  • 3 เวทีสุดอลังการ เจาะลึกทุกประเด็นร้อน! อัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีและสถานการณ์ปัจจุบันในหลากหลายมิติ ทั้งมนุษยชาติ การแพทย์ สิ่งแวดล้อม การศึกษา ความปลอดภัยทางไซเบอร์ เทคโนโลยีเกิดใหม่ และวิวัฒนาการล่าสุดของ AI ที่คุณไม่ควรพลาด
  • Showcase Exhibition สุดล้ำ! พบกับผลงานล่าสุดจาก KBTG Labs, KX และพันธมิตรเทคโนโลยีชั้นนำ ที่จะมาโชว์นวัตกรรมสุดล้ำเพื่ออนาคต
  • 8 Playground Workshop สุดเข้มข้น! ปลดล็อกศักยภาพของคุณไปกับเวิร์กช็อปที่ให้คุณได้ลงมือทำจริงกับ Tech Expert
  • และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะสร้างประสบการณ์สุดพิเศษและจุดประกายไอเดียใหม่ๆ ให้กับคุณ

นายเรืองโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า KBTG Techtopia ไม่ใช่เพียงการโชว์นวัตกรรมล้ำสมัย แต่เป็นเวทีที่นำเสนอแนวทางแก้ปัญหาที่นำโดยคนและเพื่อคนอย่างแท้จริง ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 2 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยจำหน่ายบัตรในราคา 1,800 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 2 กันยายน 2568 หรือจนกว่าบัตรจะหมด ผู้ที่สนใจร่วมงานสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อบัตรเข้าร่วมงานได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/kbtg-techtopia-2025

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร (ที่ 2 จากขวา) ประธานมูลนิธิกสิกรไทย และ รศ.ดร. อุไรพรรณ เจนวาณิชยานนท์ (ที่ 2 จากซ้าย) อธิการบดีมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและวิจัย เพื่อการพัฒนายาจากพืชและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความงาม และการพัฒนาชุดทดสอบเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตและตรวจสอบพืชยาและสารสกัดจากพืชยา ตามแนวทางพืชยาคืนป่า ภายใต้โครงการน่านแซนด์บอกซ์ เพื่อการบูรณาการศาสตร์แห่งการแพทย์ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนจีน เภสัชศาสตร์ และวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพ  นับเป็นความร่วมมือที่จะช่วยยกระดับคุณค่าและมูลค่า สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ควบคู่ไปกับการฟื้นคืนป่าต้นน้ำน่าน ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำอันดับหนึ่งของประเทศ โดยมี ภญ.ภควรรณ เทพสิทธิทรากรณ์ (ขวา) รองประธาน สถาบัน เค อะโกร-อินโนเวท และ ดร. โจนาธาน รันเต คาร์รียอน (ซ้าย) รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ร่วมเป็นสักขีพยาน เมื่อเร็วๆ นี้

ธนาคารกสิกรไทย ผนึกกำลังกับ ONNEX by SCG Smart Living ในเครือ SCG เดินหน้าลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Decarbonization) ด้วยการสนับสนุนสินเชื่อพิเศษ เพื่อพลังงานสะอาดด้วยการติดตั้งโซลาร์รูฟ เปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำได้อย่างเป็นรูปธรรม เร่งขับเคลื่อนจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope 3 เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มด้าน ESG และการลดคาร์บอนไม่ได้หยุดอยู่ที่บริษัทขนาดใหญ่อีกต่อไป แต่กำลังขยายไปสู่คู่ค้า ผู้ผลิต และธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์รวมขององค์กรถือเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2065 ของประเทศไทย ด้วยเหตุนี้บริษัทขนาดใหญ่จึงเริ่มผลักดันและให้การสนับสนุนคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อช่วยเหลือบริษัทขนาดกลางและเล็กจำนวนมากที่อาจเผชิญข้อจำกัดด้านเงินทุนและความรู้ในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ โดยมองว่าบทบาทของธนาคารวันนี้ไม่ได้จำกัดแค่การปล่อยสินเชื่อ แต่ต้องเป็นตัวเร่งระบบ หรือ System Enabler ที่ช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของทั้งห่วงโซ่อุปทานของลูกค้าอย่างรอบด้าน เมื่อลูกค้ามองหาตัวช่วยในภารกิจลดคาร์บอนใน Scope 3 ซึ่งเป็นต้นทุนแฝงที่สำคัญของธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทยพร้อมช่วยให้คำปรึกษาและความรู้ที่จำเป็น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ลดต้นทุน และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน

นายณัฐพล ลือพร้อมชัย รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า หนึ่งในหัวใจของการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ คือการเข้าถึงและทำได้จริง ธนาคารกสิกรไทยพร้อมสนับสนุนแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม และจับมือร่วมกับพันธมิตรอย่าง ONNEX by SCG Smart Living ที่มีความเชี่ยวชาญและน่าเชื่อถือในด้านพลังงานสะอาด สร้างบริการแบบ One Stop Services ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ทั้งโซลูชันด้านเทคนิค โดยธนาคารมีโซลูชันทางการเงินที่หมาะสมกับการเปลี่ยนผ่าน ได้แก่ สินเชื่อเพื่อการติดตั้ง Solar Rooftop สำหรับใช้ในธุรกิจ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และระยะเวลาผ่อนชำระที่ยืดหยุ่น พร้อมข้อตกลงพิเศษเฉพาะคู่ค้าของ ONNEX ภายใต้ความร่วมมือนี้เท่านั้น

นายเกริก ยิ้มพรพิพัฒน์ผล Smart Residential Director บริษัท เอสซีจี ลีฟวิง แอนด์ เฮาส์ซิง โซลูชัน จำกัด ผู้บริหารจากแบรนด์ ONNEX by SCG Smart Living เปิดเผยว่า องค์กรมีภารกิจเพื่อมุ่งลดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และร่วมสร้างสภาพแวดล้อมการใช้ชีวิตที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นนี้และรุ่นต่อไป โดย ONNEX เป็นผู้ให้บริการด้าน Energy Solution แบบครบวงจร มีความเชี่ยวชาญในการติดตั้งระบบโซลาร์รูฟสำหรับอาคาร โรงงาน และบ้านพักอาศัย พร้อมระบบจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงโซลูชันการจัดการคุณภาพอากาศภายในบ้านและอาคาร จึงร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยเพื่อลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Decarbonization) ผลักดันให้คู่ค้าในซัพพลายเชนเปลี่ยนผ่านได้จริง ด้วยการสนับสนุนการติดโซลาร์รูฟซึ่งเป็นพลังงานสะอาด และยังช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาล ตอบโจทย์ตลาดโลกที่มุ่งสู่ Low Carbon Society 

ความร่วมมือนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการร่วมพัฒนาโซลูชันและสินเชื่อที่ตอบโจทย์ให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน สำหรับคู่ค้า ONNEX ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ ONNEX by SCG Smart Living โทร 063-2724451

ธนาคารกสิกรไทย มุ่งหน้าสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในทุกมิติ โดยเป็นธนาคารแห่งแรกที่ริเริ่มโครงสร้างงานกิจกรรมทางการตลาด โดยใช้บูธตัวต่อรักษ์โลก ที่ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมของคนไทย ด้วยการนำ พลาสบริก (PlasBrick) บล็อกประสานผลิตจากวัสดุพลาสติกรีไซเคิล ที่ใช้ซ้ำหมุนเวียนได้ สามารถปรับเปลี่ยน เคลื่อนย้ายได้อย่างไร้ขีดจำกัด มาประยุตก์ใช้ และจะมีการนำวัสดุนี้มาหมุนเวียนใช้ในงานกิจกรรมทางการตลาดของธนาคารตลอดต่อเนื่องทั้งปี เพื่อลดการทิ้งวัสดุเหลือใช้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจุดมุ่งหมายของธนาคารในเรื่อง Zero Waste ตอกย้ำความมุ่งมั่นของธนาคารในการพัฒนาบริการที่ใส่ใจ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม ส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืน

นางสาวจิตราวิณี วรรณกร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาบริการเพื่อส่งมอบประสบการณ์และบริการที่ลูกค้าไว้วางใจ มีความยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้อย่างคล่องตัว และคำนึงถึงการจัดการที่ยั่งยืน จึงมีการออกแบบกิจกรรมทางการตลาดที่ใส่ใจควบคู่กับการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วน Go Green Together เปลี่ยนผ่านสู่ไลฟ์สไตล์และธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน นำไปสู่การริเริ่มโครงสร้างงานกิจกรรมทางการตลาด โดยใช้บูธตัวต่อรักษ์โลกเป็นธนาคารแรก ด้วยการนำ พลาสบริก (PlasBrick) ซึ่งผลิตจากพลาสติกรีไซเคิลที่มีลักษณะเป็นบล็อกประสานประกบเข้าล็อกเหมือนตัวต่อ มาประยุกต์ใช้เป็นวัสดุหลักของโครงสร้างบูธที่ธนาคารใช้ในการจัดนิทรรศการเพื่อกิจกรรมการตลาดตลอดปี 2568 ซึ่งนอกจากจะเป็นบูธที่มีวัสดุหลักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และใช้ซ้ำหมุนเวียนได้ในระยะยาวแล้ว ยังสามารถตอบโจทย์ธนาคารในการจัดกิจกรรมให้แก่ลูกค้า ที่มีความยืดหยุ่นหลากหลายได้ โครงสร้างบูธตัวต่อรักษ์โลกจึงมีจุดเด่น 3 ด้าน ดังนี้

ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากการใช้วัสดุหลักที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล 100% จึงช่วยลดขยะ มีผลิตจากการหลอมขยะพลาสติกและใช้การฉีดสีแทนการพ่นหรือทาสี ทำให้ไม่เกิดละอองฝุ่น หากมีชิ้นส่วนเสียหายหรือต้องการเปลี่ยนสีก็สามารถนำเฉพาะที่จำเป็นไปหลอมขึ้นรูปใหม่ โดยไม่ต้องผลิตใหม่ทั้งโครงสร้าง จึงไม่ก่อให้เกิดขยะและลดการผลิตใหม่ได้ นอกจากนี้ด้วยรูปทรงเป็นก้อนเหลี่ยม น้ำหนักเบา ขนส่งได้ง่ายและเยอะขึ้นในแต่ละรอบ จึงลดการใช้เชื้อเพลิง และจากการเป็นวัสดุที่ใช้ซ้ำได้ต่อเนื่อง ธนาคารสามารถใช้งานโครงสร้างบูธตัวต่อรักษ์โลกหมุนเวียนได้หลายโอกาสตลอดทั้งปี ช่วยลดการทิ้งวัสดุเหลือใช้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจุดมุ่งหมายของธนาคารในเรื่อง Zero Waste นำไปสู่การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ความประหยัดทั้งด้านเวลาและงบประมาณ ด้วยการเชื่อมแบบต่อบล็อกที่ทำได้ง่าย ทำให้โครงสร้างนี้ใช้จำนวนแรงงานและเวลาในการติดตั้งและรื้อถอนน้อยกว่าวัสดุดั้งเดิมได้มาก นอกจากนี้ ผลิตครั้งเดียว สามารถใช้งานออกบูธของธนาคารได้หลากหลายโอกาส ทั้งงานในร่มและงานกลางแจ้ง ช่วยประหยัดงบประมาณในระยะยาว

การตอบโจทย์ด้านดีไซน์ จากการที่พลาสบริกมีรูปทรงเป็นบล็อกใช้งานโดยการประกบเข้าล็อกเหมือนตัวต่อ จึงตอบโจทย์เรื่องการวางผังบูธที่หลากหลาย สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับพื้นที่ให้บริการลูกค้าที่ต้องการในแต่ละกิจกรรมที่แตกต่างกัน

นางสาวจิตราวิณี กล่าวตอนท้ายว่า ธนาคารกสิกรไทยมีการคัดเลือกและพัฒนาวัสดุโครงสร้างบูธอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้วัสดุและกระบวนการที่คุ้มค่า ตอบโจทย์การใช้งาน และเป็นธนาคารแรกที่ได้นำนวัตกรรมพลาสบริกซึ่งเป็นวัสดุที่จดอนุสิทธิบัตรโดยผู้ออกแบบมาประยุกต์ใช้งานจริง ในรูปแบบโครงสร้างบูธสำหรับออกงานนิทรรศการ ซึ่งนับเป็นแนวทางที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมของคนไทย ธนาคารเริ่มใช้งานโครงสร้างบูธตัวต่อรักษ์โลกครั้งแรกในงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ประจำปี 2568 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยบูธที่ธนาคารใช้ได้รับการรับรองความเป็นกลางทางคาร์บอนจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ซึ่งธนาคารจะใช้โครงสร้างนี้ในกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อร่วมขับเคลื่อนธนาคารและประเทศไทยมุ่งหน้าสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ไปด้วยกัน

Page 1 of 3
X

Right Click

No right click