December 05, 2025

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) จัดพิธีเปิดการกลับเข้าซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 สิงหาคม 2568 หลังจากประสบความสำเร็จจากการฟื้นฟูกิจการ ถือเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ครั้งสำคัญ ในฐานะสายการบินที่คนไทยภาคภูมิใจ พร้อมต่อยอดสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยความมุ่งมั่นในการยกระดับการดำเนินงาน คุณภาพการให้บริการ ควบคู่กับการบริหารงานภายใต้หลักธรรมาภิบาลสูงสุด และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย เพื่อก้าวสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนชั้นนำที่มีคุณภาพของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยราคาเปิดเทรดวันแรกอยู่ที่ 10.50 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 134.4 % จากราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่ 4.48 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเกือบ 3 แสนล้านบาท

ซัมซุง และ การบินไทย ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ เดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ของการเดินทางและไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล ภายใต้พันธกิจร่วมกันในการเชื่อมโยงเทคโนโลยีกับประสบการณ์ผู้บริโภคอย่าง ไร้รอยต่อ (Seamless Experience) โดยความร่วมมือระหว่างสองแบรนด์ผู้นำของประเทศไทยในครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนา Digital Ecosystem ที่ตอบโจทย์ลูกค้าของการบินไทย โดยเปิดตัวความสามารถใหม่ในการเข้าถึง Boarding Pass ผ่าน Samsung Wallet ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของการบินไทยที่นำระบบดังกล่าวมาใช้ เพื่อเพิ่มความสะดวก ความปลอดภัย และความทันสมัยให้กับผู้โดยสารในยุคดิจิทัล

นายสิทธิโชค นพชินบุตร ประธานองค์กรธุรกิจโมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ซัมซุงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คน และความร่วมมือกับการบินไทยในครั้งนี้ สะท้อนถึงแนวทางการขับเคลื่อน Smart Travel Experience ที่แท้จริง เราเชื่อว่าการเชื่อมโยง Samsung Wallet เข้ากับระบบของสายการบินชั้นนำของไทยอย่าง การบินไทย จะช่วยมอบประสบการณ์ที่ลื่นไหล ปลอดภัย และทันสมัยให้กับผู้โดยสาร พร้อมเป็นอีกก้าวของการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่มีความหมายต่อสังคมไทย”

นายทวิโรจน์ ทรงกำพล ประธานเจ้าหน้าที่สายกลยุทธ์องค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การบินไทยให้ความสำคัญกับการยกระดับประสบการณ์ของผู้โดยสารอย่างต่อเนื่อง และการร่วมมือกับซัมซุง ในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กรสู่ดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมยกระดับประสบการณ์ใหม่ด้วยความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับบัตรโดยสาร Boarding Pass ผ่าน Samsung Wallet ที่จะช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์อื่น ๆ จากระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM)

สำหรับ Samsung Wallet คือแอปกระเป๋าเงินดิจิทัลแบบครบวงจรที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นบัตรที่นั่ง ดิจิทัลคีย์ บัตรสมาชิก รหัสผ่าน ที่อยู่ ตั๋ว หรือบัตรของขวัญ โดยมีระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงผ่านไบโอเมตริกซ์ ทั้งยังรองรับฟีเจอร์ล้ำสมัยอย่างการปลดล็อกและสตาร์ทรถด้วยเทคโนโลยี UWB รวมถึงค้นหาข้อเสนอและโปรโมชันจากร้านค้าชั้นนำได้ภายในแอปเดียว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลในทุกวันอย่างไร้รอยต่อ โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samsung.com/th/support/apps-services/learn-more-about-samsung-wallet/

นอกจากนี้ ทั้งสององค์กรยังร่วมมือกันในด้านระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) เพื่อมอบข้อเสนอพิเศษ สิทธิประโยชน์ และโปรโมชันที่ตรงใจแก่ผู้ใช้งานจากทั้งสองฝ่าย ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนจุดยืนของทั้งสองแบรนด์ในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและบริการเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่สังคมดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม

ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หลังจากที่บริษัทฯ ได้ยื่นคำร้องขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568

ที่ผ่านมา ภายหลังประสบความสำเร็จในการดำเนินการตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการครบทั้ง 4 ข้อ ได้แก่ (1) การจดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทุน (2) การดำเนินการตามแผนฟื้นฟู โดยไม่เกิดเหตุผิดนัด (3) การมี EBITDA หลังหักค่าเช่าเครื่องบินตามงบเฉพาะกิจการย้อนหลัง 12 เดือนประมาณ 40,308 ล้านบาท (เดือน เมษายน ปี 2567 ถึง มีนาคม ปี 2568) ซึ่งสูงกว่าที่กำหนดไว้ที่ 20,000 ล้านบาทอย่างมีนัยสำคัญ และมีส่วนของผู้ถือหุ้นตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ เป็นบวกจากการปรับโครงสร้างทุน และ (4) ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 โดยหลังจากนี้ บริษัทฯ จะเดินหน้าขออนุญาตหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องเพื่อนำหุ้นของการบินไทยกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้

 

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการและอดีตประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการสำคัญตามแผนฟื้นฟูกิจการสำเร็จลุล่วงในด้านต่าง ๆ อาทิ การปรับโครงสร้างและขนาดองค์กรให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มความคล่องตัว การขยายเครือข่ายเส้นทางบินให้ครอบคลุมภูมิภาคต่างๆ การปรับปรุงฝูงบินและห้องโดยสาร การพัฒนาระบบดิจิทัลและยกระดับมาตรฐานการให้บริการในทุกจุด อาทิ ช่องทางการสำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสารผ่านเว็บไซต์และโมบายแอพพลิเคชั่น ห้องรับรองพิเศษ การบริการระหว่างเที่ยวบิน รวมถึงโปรแกรมสะสมไมล์รอยัล ออร์คิด พลัส ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อยกระดับการบินไทยสู่การเป็นสายการบินชั้นนำในภูมิภาคในการเชื่อมต่อเที่ยวบินโดยมีกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลาง ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในมิติต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างรายได้ ควบคุมต้นทุน รวมถึงการเพิ่มความรวดเร็วและคล่องตัวในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและการแข่งขันในอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เสริมความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน ผ่านกระบวนการการแปลงหนี้และดอกเบี้ยตั้งพักของเจ้าหนี้เป็นทุน และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นก่อนการฟื้นฟูกิจการและพนักงานของบริษัทฯ ซึ่งทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 กลับเป็นบวกที่ 55,221 ล้านบาท จากเดิมที่ติดลบเป็นจำนวน 127,235 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 และบริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องทุกไตรมาสตั้งแต่ปี 2566 รวมทั้งยังเป็นสายการบินที่มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานสูงสุด 3 อันดับแรกของโลกติดต่อกันในช่วง 2 ไตรมาสล่าสุด จากการจัดทำข้อมูลโดย Airline Weekly

ทั้งนี้ ในส่วนของการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ จากมูลหนี้ที่เจ้าหนี้จำนวนกว่าหนึ่งหมื่นรายยื่นขอรับชำระหนี้ ณ วันที่บริษัทฯ ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางในเดือนพฤษภาคม 2563 โดยมีมูลหนี้รวมกว่าสี่แสนล้านบาทนั้น ปัจจุบัน การบินไทยมีภาระหนี้ที่จะต้องชำระให้แก่เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งถึงที่สุดให้ได้รับชำระหนี้ ประมาณ 189,578 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้ทยอยชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่ได้รับคำสั่งถึงที่สุดให้ได้รับชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จนถึงไตรมาส 1 ของปี 2568 บริษัทฯ ได้ชำระหนี้ไปแล้วทั้งสิ้นจำนวนประมาณ 94,080ล้าน บาทโดยมีมูลหนี้คงเหลือที่ยังต้องชำระจนถึงปี 2579 ประมาณ 95,498 ล้านบาท

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ความสำเร็จของการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ เป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความร่วมแรงร่วมใจด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท อดทน และเสียสละของผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า อดีตพนักงาน และพนักงานปัจจุบันของบริษัทฯ ทุกคน ความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ ในปัจจุบัน ตลอดจนพัฒนาการต่างๆ ที่บริษัทฯ ดำเนินการผ่านกระบวนการฟื้นฟูกิจการที่ผ่านมา จะเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการต่อยอดความสำเร็จเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในมิติทางธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในอนาคตต่อไป

หลังจากนี้ บริษัทฯ จะมุ่งมั่นสร้างการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ด้าน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้โดยสาร ลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น ตลอดจนสังคมและชุมชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ รวมทั้งมุ่งยกระดับศักยภาพการบินในระดับสากล และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเดินทางทางอากาศในระดับภูมิภาค เพื่อเป็นสายการบินที่คนในประเทศภาคภูมิใจ และสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จัดงานใหญ่ประจำปี “รักคุณเท่าฟ้า 2568” ระหว่างวันที่ 24 – 27 เมษายน 2568 ณ ลานแฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อตอบแทนลูกค้าที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง พร้อมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 65 ปีของการก่อตั้งสายการบิน ผ่านข้อเสนอสุดพิเศษและกิจกรรมมากมายให้ได้ร่วมสนุกตลอดทั้งงาน โดยมี ดร. ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายกรกฏ ชาตะสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ ร่วมในพิธี

ดร. ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในวาระครบรอบ 65 ปีของการก่อตั้งการบินไทย เราขอขอบคุณพนักงาน ผู้ถือหุ้น เจ้าหนี้ พันธมิตรทางธุรกิจ คู่ค้า และที่สำคัญที่สุดคือผู้โดยสารทุกท่าน ที่มอบความไว้วางใจและการสนับสนุนแก่การบินไทยเสมอมา งาน ‘รักคุณเท่าฟ้า 2568’ จึงถือเป็นโอกาสที่เราตั้งใจมามอบของขวัญพิเศษมากมาย เพื่อตอบแทนอุปการคุณที่ลูกค้ามีต่อการบินไทย พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพการบริการและมาตรฐานการบิน เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจยิ่งขึ้น สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของเราในการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน”

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “งาน ‘รักคุณเท่าฟ้า 2568’ ครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Always THAI ยังไงก็การบินไทยเสมอมา” เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่อยู่เคียงข้างเรามาโดยตลอด โดยเราพร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับการจองบัตรโดยสารทุกเส้นทางบินของการบินไทย แพ็กเกจทัวร์ และสินค้าที่ระลึก พร้อมประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่เราบรรจงสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อเติมเต็มความสุขและความอบอุ่นใจให้กับการเดินทางของทุกท่าน และนำมาให้ทุกท่านได้สัมผัสก่อนใครในงานนี้”

กิจกรรมและสิทธิพิเศษภายในงาน “รักคุณเท่าฟ้า 2568” ประกอบด้วย

· บินลัดฟ้าในราคาสุดพิเศษ: บัตรโดยสารราคาพิเศษทุกเส้นทางของการบินไทย ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ พร้อมรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากบัตรเครดิตและพันธมิตรทางธุรกิจ

· สะสมไมล์ง่าย ๆ รับโบนัสสุดคุ้ม: สมัครสมาชิก Royal Orchid Plus ภายในงาน รับฟรีโบนัสไมล์สะสม 500 ไมล์ และรับเพิ่มอีก 650 ไมล์ฟรี เมื่อเดินทางในเที่ยวบินระหว่างประเทศ

· เที่ยวสุดคุ้มกับทัวร์เอื้องหลวง: แพ็กเกจท่องเที่ยวราคาพิเศษจากทัวร์เอื้องหลวง (Royal Orchid Holidays) พร้อมสัมผัสประสบการณ์สุดประทับใจ

· เปิดประสบการณ์สุดล้ำกับ VR 3D: สัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงบนห้องโดยสารของเครื่องบินรุ่นใหม่ด้วยเทคโนโลยี VR 3D สุดล้ำ

· ลิ้มลองรสชาติใหม่แห่งการเดินทาง: ชิมและเลือกซื้อเบเกอรี่แสนอร่อยจาก Puff & Pie

· ช็อปของที่ระลึกสุดพิเศษ: เลือกซื้อของที่ระลึกราคาพิเศษจาก THAI Shop ที่นำมาให้เลือกสรรอย่างจุใจ

· ร่วมสนุกกับกิจกรรม: เมื่อมียอดค่าใช้จ่ายสะสมครบ 65,000 บาท รับสิทธิ์ร่วมสนุกหมุนตู้กาชาปอง รับของรางวัลสุดพิเศษมากมาย อาทิ บัตรโดยสารเครื่องบินชั้นธุรกิจ เส้นทาง กรุงเทพฯ-ออสโล สำหรับ 2 ท่าน และรางวัลบัตรโดยสารอีกมากมาย แพ็กเกจทัวร์ และของสมนาคุณอื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท!

· สนุกกับกิจกรรมบันเทิง: เพลิดเพลินกับกิจกรรมบันเทิงบนเวที

· ชมภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ชุดใหม่ “Fly for The New High ToGether”: สัมผัสเรื่องราว การเดินทางที่ทุกคนมีส่วนร่วมและเติบโตไปด้วยกัน ด้วยประสบการณ์เหนือระดับที่การบินไทยตั้งใจมอบให้แก่ผู้โดยสาร สะท้อนผ่านรอยยิ้มแห่งความสุข เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการและมาตรฐานการบิน ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้การบินไทยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก

ร่วมงาน “รักคุณเท่าฟ้า 2568” ระหว่างวันที่ 24 – 27 เมษายน 2568 เวลา 10:00 – 19:00 น. ณ ลานแฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน มาร่วมเฉลิมฉลอง 65 ปี พร้อมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษและร่วมเดินทางไปกับการบินไทย

ในปี 2567 การบินไทยมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เท่ากับ 187,989 ล้านบาท เพิ่มจาก 161,067 ล้านบาทในปี 2566 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 16.7% ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) เท่ากับ 41,515 ล้านบาทในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 40,211 ล้านบาทในปี 2566 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 3.2% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) (EBIT Margin) สำหรับปี 2567 อยู่ที่ 22.1% ซึ่งดีกว่าประมาณการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ทั้งนี้ ตามงบการเงินรวมสำหรับปี 2567 การบินไทยมีผลขาดทุน 26,901 ล้านบาท เกิดจากผลขาดทุนทางบัญชีที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการจำนวน 45,271 ล้านบาท ที่บริษัทฯ ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา โดยผลขาดทุนทางบัญชีส่วนใหญ่ประมาณ 40,582 ล้านบาท เกิดจากการใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนของเจ้าหนี้ที่ราคาตามแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม และส่วนที่เหลือมาจากการแปลงหนี้เป็นทุนของเจ้าหนี้ที่ได้รับการชำระหนี้ที่เร็วกว่ากำหนดที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ อย่างไรก็ดี รายการดังกล่าวเป็นผลขาดทุนทางบัญชีซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และไม่ได้ส่งผลต่อการออกจากการฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ภายหลังการปรับโครงสร้างทุนยังคงเป็นบวก

ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจากการดำเนินงาน หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบิน (EBITDA – Aircraft Cash Lease) ตามงบการเงินเฉพาะกิจการสำหรับงวด 12 เดือนย้อนหลังเท่ากับ 41,473 ล้านบาท ซึ่งไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาท ตามเงื่อนไขผลสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการ และส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ตามงบเฉพาะกิจการกลับมาเป็นบวกที่ 45,495 ล้านบาท จากที่เคยติดลบ 43,352 ล้านบาทในปี 2566 หลักๆ เกิดมาจากกำไรจากการดำเนินงานในระหว่างปี และผลจากการปรับโครงสร้างทุนภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ ส่งผลให้การบินไทยสามารถบรรลุอีกหนึ่งเงื่อนไขผลสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการ และยังส่งผลให้เหตุแห่งการเพิกถอนหุ้นตามนิยามของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหมดไป และทำให้บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าออกจากแผนฟื้นฟูกิจการและกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ

สำหรับการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการในขั้นตอนถัดไป ที่ประชุมคณะผู้บริหารแผนดำเนินการเพื่อบรรลุเงื่อนไขผลสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการข้อสุดท้าย โดยได้มีมติเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นซึ่งจะจัดขึ้นตามข้อกำหนดของแผนฟื้นฟูกิจการในวันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2568 และกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมและออกเสียงในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (Record Date) เป็นวันศุกร์ที่ 14 มีนาคม 2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติกำหนดจำนวนกรรมการบริษัท จำนวน 11 ท่านหรือ 12 ท่าน ซึ่งประกอบด้วยกรรมการในปัจจุบันจำนวน 3 ท่าน ได้แก่ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร และพลอากาศเอก อำนาจ จีระมณีมัย และกรรมการเข้าใหม่จำนวน 8 ท่านหรือ 9 ท่าน (ตามแต่จำนวนกรรมการที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติอนุมัติ) โดยรายนามกรรมการเข้าใหม่ที่เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาเลือกตั้งประกอบด้วยกรรมการจำนวน 6 ท่าน ได้แก่ นายลวรณ แสงสนิท ดร. กุลยา ตันติเตมิท นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ พลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร นายชาติชาย โรจน์รัตนางกูร และนายชาย เอี่ยมศิริ และกรรมการอิสระจำนวน 3 ท่าน ได้แก่ นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล และนายสัมฤทธิ์ สำเนียง ทั้งนี้ ภายหลังจากบริษัทฯ ได้รับมติอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นแล้ว และได้รับอนุญาตจากศาลล้มละลายกลางแล้ว บริษัทฯ จะดำเนินการจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงจำนวนกรรมการ และการแต่งตั้งจดทะเบียนกรรมการใหม่ ก่อนที่จะดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะผู้บริหารแผนเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติอนุมัติการลดมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) ของหุ้นของบริษัทฯ จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1.30 บาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมทางบัญชีของบริษัทฯ ให้ใกล้เคียงศูนย์มากที่สุด โดยจะทำให้ทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัทฯ ลดลงจากจำนวนประมาณ 283,033 ล้านบาท เป็นจำนวนประมาณ 36,794 ล้านบาท และทำให้ผลขาดทุนสะสมลดลงเหลือ 180 ล้านบาท ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าหนี้หรือบริษัทฯ แต่อย่างใด และไม่ส่งผลกระทบต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมในงบการเงินของบริษัทฯ อีกทั้ง ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าบริษัทหรือมูลค่าต่อหุ้น เนื่องจากมูลค่าต่อหุ้นไม่ได้ถูกกำหนดจากมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) และเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทฯ สามารถพิจารณาจ่ายเงินปันผลในอนาคตให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ รวมถึงเจ้าหนี้จากการแปลงหนี้เป็นทุน และเป็นการเพิ่มความน่าสนใจของหุ้นให้แก่นักลงทุนภายหลังการกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือหากในอนาคต บริษัทฯ ต้องการที่จะระดมทุนเพิ่มเติมโดยการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อนำมาใช้ในการประกอบกิจการหรือชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ ก็สามารถดำเนินการได้โดยไม่ติดขัดเรื่องผลขาดทุนสะสมซึ่งเป็นเพียงตัวเลขทางบัญชีอีกต่อไป

 

รายละเอียดผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) และบริษัทย่อย มีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 187,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26,922 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 161,067 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16.7% โดยในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทฯ มีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 16.14 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.38 ล้านคนจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่อัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ปรับตัวลดลงจาก 79.7% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 78.8% ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องมาจากอุตสาหกรรมการบินที่เติบโตขึ้นอย่างมาก ความต้องการการเดินทางของผู้โดยสารที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ได้มีการขยายฝูงบิน เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน และเพิ่มจุดบินใหม่เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว

ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) เท่ากับ 146,474 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายรวม 120,856 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 21.2% โดยส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายที่ผันแปรตามปริมาณการผลิตและปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง 50,474 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34.5% ของค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 41,515 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งมีกำไร 40,211 ล้านบาท

บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีต้นทุนทางการเงินซึ่งเป็นการรับรู้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) จำนวน 18,781 ล้านบาท และมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นค่าใช้จ่ายรวม 49,260 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากการผลขาดทุนทางบัญชีที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการจำนวน 45,271 ล้านบาท ที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี รายการดังกล่าวเป็นผลขาดทุนทางบัญชีซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และไม่ได้ส่งผลต่อการออกจากการฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ภายหลังการปรับโครงสร้างทุนยังคงเป็นบวก

บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิตามงบการเงินรวมเท่ากับ 26,901 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 28,123 ล้านบาท และมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบินรวมค่าเช่าเครื่องบินจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง (Power by the Hours) 41,839 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อน 1,036 ล้านบาท

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 292,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 53,517 ล้านบาท หรือ 22.4% หนี้สินรวมจำนวน 246,919 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 35,214 ล้านบาท หรือ 12.5% และส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 45,589 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 88,731 ล้านบาท ซึ่งโดยหลักมาจากกำไรจากการดำเนินงานในระหว่างปี และผลจากการปรับโครงสร้างทุนภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ

ปัจจุบันบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีอากาศยานที่ใช้ทำการบินรวมทั้งสิ้น 79 ลำ แบ่งเป็นแบบลำตัวกว้างและลำตัวแคบ จำนวน 59 ลำ และ 20 ลำตามลำดับ โดยตารางบินฤดูหนาว ประจำปี 2568 ของบริษัทฯ วางแผนทำการบินไปยัง 64 จุดบินเช่นเดียวกับในปี 2567 แต่มีจำนวนเที่ยวบินทั้งหมด 883 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 40 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากปี 2567 ที่มี 843 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารในเส้นทางบินยอดนิยม รวมถึงรองรับการเดินทางที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเร่งขยายขนาดฝูงบินให้เพียงพอต่อแผนเส้นทางบิน จำนวนเที่ยวบิน และความต้องการเดินทางของผู้โดยสาร เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการหารายได้ตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ และนำไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click