December 05, 2025

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ Urban Renaissance Agency (UR) รัฐวิสาหกิจด้านการพัฒนาเมืองของญี่ปุ่น ได้ร่วมกันจัดงานฟอรั่มภายใต้หัวข้อ ‘Urban Resilience’ (ความสามารถในการรับมือ ปรับตัว และฟื้นตัว จากความท้าทายต่าง ๆ ของเมือง) ขึ้นในกรุงเทพมหานครฯ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเมืองในประเทศไทย

งานฟอรั่มในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกของความร่วมมือระหว่างองค์กรทั้งสองหลังจากได้ลงนามใน MOU ร่วมกันไปในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ฟอรั่มในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและองค์ความรู้โดยเฉพาะในเรื่องของของการพัฒนาเมืองและวิธีแก้ไข โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องด้านการพัฒนาเมืองจากหลายภาคส่วนจากทั้งสองประเทศเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรจากทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชน มหาวิทยาลัย เป็นต้น

ภายในงาน ตัวแทนจากองค์กรต่าง ๆ เช่น กทม. กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยว (Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism ; MLIT) จากทางฝั่งญี่ปุ่น บริษัท ICONSIAM บริษัท Tokyu Corporation รวมถึงศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญจาก The University of Tokyo ได้ขึ้นให้ข้อมูลต่าง ๆ อันข้องเกี่ยวกับธีมของงาน ‘Urban Resilience’ เช่น แนวคิดและตัวอย่างการแก้ไขปัญหาการพัฒนาเมืองในประเทศไทย เป็นต้น

อีกทั้ง จุฬาฯ และ UR จะมีการทำวิจัยร่วมกัน โดยจะเริ่มต้นจากหัวข้อเรื่อง ‘ปัญหาที่อยู่อาศัยไม่เพียงพอและราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯและเมืองหลักในแต่ละภูมิภาค’ โดยอาศัยองค์ความรู้และประสบการณ์การพัฒนาเมืองจากญี่ปุ่นของ UR ร่วมกับศักยภาพด้านการวิจัยและการพัฒนาพื้นที่สาธารณะและการวางผังเมืองของจุฬาฯ เพื่อหวังจะเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาการพัฒนาเมืองในไทยต่อไป

ภารกิจการขยายงานในต่างประเทศของ UR

การเพิ่มและรองรับความต้องการโครงสร้างพื้นฐานในประเทศเศรษฐกิจใหม่เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อการเติบโตของประเทศญี่ปุ่น รวมถึงเพื่อการสนับสนุนการลงทุนของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นในต่างประเทศ จึงมีการประกาศใช้ ‘กฎหมายว่าด้วยการขยายโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศ’ (กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการเข้าร่วมของผู้ประกอบการญี่ปุ่นในโครงการขยายโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะในต่างประเทศ) ขึ้นในวันที่ 31 สิงหาคม 2018

Urban Renaissance Agency หรือ UR จึงดำเนินตามกฎหมาย เริ่มกิจกรรมในต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมือง ไม่ว่าจะเป็น การช่วยวางแผนงาน มาสเตอร์แพลน ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิค รวมไปถึงช่วยให้บริษัทเอกชนสัญชาติญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนได้อย่างราบรื่นผ่านวิธีการการจับคู่พาร์ทเนอร์ธุรกิจ

Urban Renaissance Agency (UR) สำนักงานกรุงเทพฯ ได้จัดตั้งขึ้นในเดือนกรกฎาคม ปี 2024 และ ณ ปัจจุบันมีสำนักงานตั้งอยู่ตามที่อยู่ด้านล่าง

แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย และคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ประกาศความร่วมมืออันทรงคุณค่าโดยการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อส่งเสริมศักยภาพของนิสิตและบุคลากรในบริษัทฯ ผ่านโครงการความร่วมมือต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาความรู้และทักษะที่จำเป็นในการทำงาน พร้อมกับการจัดการเข้าถึงยานวัตกรรม ร่วมยกระดับความร่วมมือด้านสาธารณสุขในการส่งเสริมศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนระบบสาธารณสุขของประเทศไทย พิธีลงนามได้จัดขึ้น ณ อาคาร 80 ปี เภสัชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีผู้บริหารจากทั้งสององค์กรร่วมเป็นสักขีพยาน

ภายใต้ความร่วมมือ ประกอบด้วยโครงการ “Early Talent Future Career Development” ซึ่งส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของนิสิตคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านการฝึกงานที่สอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรมเพื่อมอบประสบการณ์จริงให้กับนิสิต อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรม เวิร์กช็อป และการบรรยายโดยพนักงานของแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนิสิตในการเข้าสู่โลกการทำงาน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 เป็นต้นไปทั้งนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังได้ร่วมกับแอสตร้าเซนเนก้าในการพัฒนาหลักสูตรการจัดการการเข้าถึงยานวัตกรรม ภายใต้โครงการ “Professional Market Access Capability Building” ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนนี้ สร้างความรู้ ทักษะ และศักยภาพให้พนักงานแอสตร้าเซนเนก้าในการให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการการเข้าถึงยานวัตกรรม เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยานวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเริ่มต้นในเดือนมิถุนายน 2568

 

นายโรมัน รามอส ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย และ Frontier Markets กล่าวว่า “แอสตร้าเซนเนก้า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ความร่วมมือนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่เน้นการพัฒนาศักยภาพบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในประเทศไทย แอสตร้าเซนเนก้าพร้อมนำเสนอความรู้เพื่อสนับสนุนการศึกษาด้านเภสัชศาสตร์ รวมถึงส่งเสริมระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับประชาชนชาวไทย”

รองศาสตราจารย์ เภสัชกร ดร.วรสิทธิ์ วงศ์สุทธิเลิศ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “ความร่วมมือกับแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทยในครั้งนี้ ตอกย้ำเจตนารมณ์ของคณะเภสัชศาสตร์ ในการส่งเสริมบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศด้านวิชาชีพเภสัชกรรม พร้อมเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกในยุคปัจจุบัน และการสร้างองค์ความรู้จากการวิจัยสู่นวัตกรรมที่ใช้ได้จริง ความร่วมมือครั้งนี้จะยกระดับศักยภาพของนิสิตและวงการเภสัชกรรมให้ตอบโจทย์ความท้าทายของอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้งสององค์กรในการพัฒนาบุคลากรและขยายขอบเขตความรู้ในวงการเภสัชกรรม อีกทั้งยังเน้นย้ำความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และระบบสาธารณสุขให้ก้าวไกลในอนาคตผ่านการให้องค์ความรู้ เพื่อการพัฒนาสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

UR และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ (MOU)

องค์การพัฒนาเมืองแห่งประเทศญี่ปุ่น (Urban Renaissance Agency, UR) ได้ทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมมือกันในการส่งเสริมการพัฒนาเมืองในประเทศไทย ณ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

มุ่งสู่การแก้ไขปัญหาเมืองและการส่งเสริมการพัฒนาเมืองรูปแบบใหม่

องค์การพัฒนาเมืองแห่งประเทศญี่ปุ่น (Urban Renaissance Agency หรือ UR) เป็นองค์กรสาธารณะของญี่ปุ่นที่สนับสนุนด้านการพัฒนาเมือง เช่น การพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งทางราง (TOD*) ในประเทศต่าง ๆ อาทิ ออสเตรเลีย ไทย และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการดำเนินงานของ UR เป็นไปตาม ‘กฎหมายว่าด้วยการขยายโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศ’ ซึ่งประกาศใช้ในปี 2561 โดยมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนให้ภาครัฐและภาคเอกชนของประเทศญี่ปุ่นมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองและโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น

โดยในครั้งนี้ UR ได้แลกเปลี่ยน MOU กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาชั้นแนวหน้าแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถาบันการศึกษาและวิจัยติดอันดับท็อปของเอเชีย ซึ่งการแลกเปลี่ยน MOU ในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความร่วมมือในโครงการวิจัยและพัฒนาเมืองร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด ลดการขยายตัวของเมืองอย่างไม่เป็นระบบ และผลักดันการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาเมืองรูปแบบใหม่ โดย UR จะใช้ ‘ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่ดำเนินโครงการพัฒนาเมืองมามากกว่า 500** โครงการในประเทศญี่ปุ่น’ ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมี ‘ความสามารถในการศึกษาวิจัย และมีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาเมืองและการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ในประเทศไทย’ นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังมีแผนในการร่วมมือกันจัดฟอรั่มในอนาคตอันใกล้ เพื่อเป็นก้าวแรกของความร่วมมืออีกด้วย

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้รับการยกย่องให้เป็น Thailand’s Top Corporate Brands 2024 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้จัดการออนไลน์ โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เป็นบริษัทที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดในหมวดธุรกิจการแพทย์ ประจำปี 2567 ด้วยมูลค่าแบรนด์ 123,342 ล้านบาท และมีมูลค่าแบรนด์สูงสุดเป็นอันดับ 3 จาก 15 องค์กรชั้นนำที่ได้รับรางวัลในหมวด Thailand’s Top Corporate Brands 2024

ภายในงาน ศ. (พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้มอบรางวัลเกียรติยศภายในงาน “ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brands 2024” โดยทีมผู้บริหารของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ นำโดย ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เข้ารับรางวัล และร่วมเสวนาพิเศษในหัวข้อ “What Actions Can Leaders Take to Achieve the Corporate Brand Sustainability?” พร้อมด้วย ศ. (กิตติคุณ) ดร.กุณฑลี รื่นรมย์ และ ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล หลักสูตรปริญญาโทด้านการจัดการแบรนด์และการตลาด ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ ร่วมแสดงความยินดี

 

สำหรับ ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brands 2024 คืองานประกาศผลมูลค่าแบรนด์องค์กรแห่งปี ซึ่งจัดโดยหลักสูตรปริญญาโทด้านการจัดการแบรนด์และการตลาด ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้จัดการออนไลน์ เพื่อมอบรางวัลให้แก่องค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์สูงสุดของประเทศไทยและในอาเซียน ประจำปี 2567 ซึ่งนับเป็นปีที่ 15 ของการเผยแพร่ผลงานวิจัยการประเมินมูลค่าแบรนด์องค์กร ซึ่งคณะผู้วิจัยได้ใช้เครื่องมือ CBS Valuation เพื่อวัดมูลค่าแบรนด์องค์กรในปี 2567 ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ของไทยและของประเทศใน ASEAN 6 ประเทศ โดยนำตัวเลขจากงบการเงินของบริษัทที่ผ่านเกณฑ์มาคำนวณมูลค่าโดยสูตร CBS Valuation ที่พัฒนาขึ้นจากการบูรณาการด้านการตลาด การเงิน และการบัญชี

 

ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ กล่าวว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มุ่งหวังที่จะเป็นจุดหมายแห่งการดูแลสุขภาพและสุขภาวะที่น่าเชื่อถือที่สุด โดยการส่งมอบประสบการณ์การรักษาที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล ก้าวถึงความเป็นเลิศในการปฏิบัติการ ด้วยการพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถของทีมงานสหสาขาวิชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงสร้างรากฐานองค์กรอันแข็งแกร่ง นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

พนมเปญ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านการศึกษาระดับภูมิภาคด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับกัมพูชา ในวันที่ 17 มกราคม 2568 คณะผู้บริหารจุฬาฯ นำโดย ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เข้าเยี่ยมคารวะ ฯพณฯ ดร.ฮัง ชวน นารอนรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เยาวชน และกีฬาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งเป็นศิษย์เก่าหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ

ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ เข้าเยี่ยมคารวะ ฯพณฯ ดร.ฮัง ชวน นารอน

การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นขยายความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทั้งในด้านการศึกษา และการวิจัย ไม่เพียงแต่กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในภาคการศึกษาระหว่างสองประเทศ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการศึกษาเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิต อีกทั้งยังร่วมหารือการยกระดับการศึกษาของกัมพูชาผ่านการบูรณาการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย โดยจะมีนำ AI มาช่วยเสริมสร้างรูปแบบการเรียนการสอน เพิ่มการเข้าถึงการศึกษาแก่เยาวชนทั่วภูมิภาคอย่างยั่งยืน ซึ่งการหารือเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของจุฬาฯ ในการส่งเสริมนวัตกรรมด้านการศึกษาและความร่วมมือที่เปิดกว้างในอาเซียน

นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชมการประยุกต์ใช้วิศวกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงในการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม การสร้างพลังสะอาดจากแสงอาทิตย์ และการสร้างหุ่นยนต์อำนวยความสะดวก ณ สถาบันเทคโนโลยีกัมพูชา (Institute of Technology of Cambodia – ITC) ภายใต้การบริหารของ ศ.ดร.โพ คิมโถ ศิษย์เก่าหลักสูตรปริญญาโท สาขาวิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ

 

ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ และ ดร.โพ คิมโถ ผู้บริหารสถาบันเทคโนโลยีกัมพูชา (ITC)

เจ้าหญิงนีน่า นโรดม ศิษย์เก่าคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่สะท้อนถึงบทบาทของจุฬาฯ ในการสร้างผู้นำและขับเคลื่อนวัฒนธรรมของกัมพูชา โดยในโอกาสนี้ เจ้าหญิงนีน่า มีกำหนดการพบปะกับคณะผู้บริหารจุฬาฯ เพื่อพูดคุยถึงความประทับใจในช่วงที่ทรงศึกษา ณ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ รวมถึงร่วมหารือถึงแนวทางความร่วมมือทางวิชาการและวัฒนธรรมระหว่างสองสถาบันในอนาคต

 

เจ้าหญิงนีน่า นโรดม ศิษย์เก่าคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ และ คณะผู้บริหารจุฬาฯ

ฯพณฯ ดร.ฮัง ชวน นารอน เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการปฏิรูปการศึกษาของกัมพูชา โดยนำความรู้และทักษะความเป็นผู้นำที่ได้รับจากการศึกษาในจุฬาฯ มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศ สะท้อนถึงความร่วมมือด้านการศึกษาที่ยาวนานระหว่างสองประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีศิษย์เก่าจุฬาฯ ชาวกัมพูชา จำนวน 10 คน เข้าร่วมพบปะกับรัฐมนตรีในครั้งนี้ ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมของจุฬาฯ ในหมู่นักศึกษาชาวกัมพูชา ซึ่งศิษย์เก่าหลายคนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญในแวดวงการศึกษา รัฐบาล และอุตสาหกรรมของราชอาณาจักรกัมพูชา

ดร.ฮง คิมเชือง ศิษย์เก่าสาขาการสอนภาษาอังกฤษ คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ และปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยี Kampong Speu Institute of Technology (KSIT) และผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการฯ มีบทบาทสำคัญในการประสานความร่วมมือครั้งนี้

ปัจจุบัน มีชาวกัมพูชาที่กำลังศึกษาและทำวิจัยที่จุฬาฯ จำนวน 11 คน ประกอบด้วยนิสิตระดับปริญญาตรี คณะทันตแพทยศาสตร์จำนวน 7 คน นิสิตระดับปริญญาตรี คณะวิทยศาสตร์ จำนวน 1 คน นักวิจัยจำนวน 2 คนในคณะพยาบาลศาสตร์ และสถาบันวิจัยสังคมศาสตร์ รวมถึงบุคลากรจำนวน 1 คน ในคณะแพทยศาสตร์

Page 1 of 6
X

Right Click

No right click