December 05, 2025

พันเอก สรรพชัยย์  หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และ .ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมลงนามการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือร่วมสร้างอนาคตไทยด้วยเทคโนโลยี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยผ่านโครงการสหกิจศึกษา นิสิตจะมาปฏิบัติงานจริงในโครงการแผนงานต่างๆ ในองค์กรที่มีทั้งในปัจจุบันและที่กำลังจะเกิดขึ้นเพื่อเติมเต็มองค์ความรู้ของนิสิตก่อนจบการศึกษา

รวมถึงการส่งเสริมทักษะด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Cybersecurity, Data Science, Data Engineering, Software Development เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือตลาดแรงงานในอนาคต และร่วมกันสนับสนุนโครงการกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล กิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ให้เข้าถึงคนทุกกลุ่มทั่วประเทศ ผ่านเครือข่ายและศูนย์บริการ ของNT ที่มีอยู่ทั่วประเทศ  เมื่อวันพุธที่ 8 ตุลาคม 2568 ณ เรือนจุฬานฤมิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท กรุงเทพฯ 

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้ จุฬาฯ ร่วมกับ Coursera for Campus จัดงาน President’s Distinguished Speakers ครั้งที่ 5 โดยมี ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ เป็นผู้กล่าวเปิดงาน จากนั้นเป็นการบรรยายพิเศษเรื่อง “Purpose-Driven Learning: The Human Foundation for Flourishing in an AI-Powered Economy” (การเรียนรู้ที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายและทักษะเพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืนในเศรษฐกิจยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI) โดย Dr. Victor Strecher, Pioneering Professor, School of Public Health, University of Michigan นักวิทยาศาสตร์พฤติกรรมผู้มีชื่อเสียง นักเขียน และผู้สอนบนแพลตฟอร์ม Coursera ผู้สร้างหลักสูตรออนไลน์ชื่อดัง “Finding Purpose and Meaning in Life” ซึ่งได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสาร Inc.ให้เป็นคอร์สออนไลน์ที่ดีที่สุดอันดับ 4 ของโลกในปี 2020 ดำเนินรายการโดย อ. ดร.ถิรพุทธิ์ ปิติฉัตร ผู้ช่วยอธิการบดี ด้านพัฒนาองค์กร

การบรรยายพิเศษครั้งนี้ Dr. Victor Strecher ได้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการเรียนรู้ที่ขับเคลื่อน ด้วยเป้าหมายในฐานะรากฐานสำคัญของการสร้างความยืดหยุ่น ความเป็นอยู่ที่ดี และสมรรถนะสูง ในเศรษฐกิจยุค AI พร้อมเผยถึงวิธีการเชื่อมโยง “ความหมายในชีวิต” เข้ากับ “การพัฒนาทักษะ” เพื่อปลดล็อกแรงบันดาลใจและนวัตกรรมทั้งในระดับบุคคล องค์กร และสังคม ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่รวดเร็ว ทั้งนี้การบรรยายดังกล่าวมีคณาจารย์ บุคลากร และนิสิตเข้าฟังจำนวนมาก

Dr. Victor Strecher เน้นย้ำว่ามนุษย์ไม่ได้ต้องการเพียงพลังงานและทักษะเท่านั้น แต่ยังต้องมี จุดหมายที่ชัดเจนในชีวิต หรือเป้าหมายชีวิตที่เป็นเสมือนเข็มทิศกำหนดทิศทาง และยังชวนผู้เข้ารับฟังการบรรยายให้มีแรงบันดาลใจในการค้นหาเป้าหมายในชีวิต เช่น เมื่อเรากลัว สมองจะสร้างกำแพงขึ้นมาทันทีแต่ ‘เป้าหมาย’ คือพลังเดียวที่พังกำแพงนั้นได้ อย่าให้ความกลัวมาควบคุมชีวิตเรา สมองมีไว้คิดมิใช่ให้ความกลัวบังคับ เป้าหมายชีวิตที่แท้จริงคือ พลังที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่าภายใน จัดระเบียบชีวิตให้เดินไปสู่สิ่งที่มีความหมาย คนที่มีเป้าหมายชีวิตชัดเจนมีแนวโน้มคิดทำร้ายตัวเองน้อยกว่าคนที่ไม่มีถึง 4 เท่า และการมีเหตุผลที่จะตื่นขึ้นทุกเช้าคือยารักษาจิตใจที่ดีที่สุด

นอกจากนี้ Dr. Victor Strecher ยังกล่าวถึงความสำคัญของ AI ว่าสามารถทำลายงานของเราหรืออาจทำให้ศักยภาพของมนุษย์พุ่งสูงขึ้นหลายเท่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าเราใช้มันโดยมีเป้าหมายหรือไม่ เราพูดถึง AI เหมือนมันเป็นสิ่งเดียว แต่จริง ๆ แล้วมันคือสติปัญญาหลายแบบที่เราต้องเรียนรู้จะอยู่ร่วมกับมัน

ถ้าเราเข้าใจตัวเอง เราก็จะเข้าใจได้ว่า AI แบบไหนที่เหมาะกับเรา และ AI ไม่ได้แทนมนุษย์ได้ทุกอย่างแต่มันขยายตัวตนที่ชัดเจนของเราออกไปได้

ในมุมมองด้านสาธารณสุข การดูแลสุขภาพไม่ควรมุ่งเน้นเฉพาะการป้องกันหรือรักษาโรคเท่านั้น แต่ควรส่งเสริมให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมายและทิศทางที่ชัดเจน

นอกจากนี้ จากงานวิจัยชี้ให้เห็นว่าการสะท้อนคุณค่าและภาพตนเองในอนาคตจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างอัตลักษณ์ การกำกับอารมณ์ และความยืดหยุ่นทางจิตใจ

Dr. Victor Strecher ชี้ว่าเมื่อเชื่อมโยงอัตลักษณ์และเป้าหมายชีวิตเข้ากับเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้อย่างเหมาะสม AI จะทำหน้าที่เป็น “พลังทวีคูณ” ที่ช่วยสนับสนุนต้นแบบ อัตลักษณ์ให้ได้รับประโยชน์จากเครื่องมือที่เหมาะสมกับตน การผสมผสาน “ทักษะ” เข้ากับ “เป้าหมายชีวิต” จะก่อให้เกิดผู้เรียนและผู้นำที่มีความหวังมากขึ้น สามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจทั้งทิศทางและศักยภาพ

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ Urban Renaissance Agency (UR) รัฐวิสาหกิจด้านการพัฒนาเมืองของญี่ปุ่น ได้ร่วมกันจัดงานฟอรั่มภายใต้หัวข้อ ‘Urban Resilience’ (ความสามารถในการรับมือ ปรับตัว และฟื้นตัว จากความท้าทายต่าง ๆ ของเมือง) ขึ้นในกรุงเทพมหานครฯ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเมืองในประเทศไทย

งานฟอรั่มในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกของความร่วมมือระหว่างองค์กรทั้งสองหลังจากได้ลงนามใน MOU ร่วมกันไปในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ฟอรั่มในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและองค์ความรู้โดยเฉพาะในเรื่องของของการพัฒนาเมืองและวิธีแก้ไข โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องด้านการพัฒนาเมืองจากหลายภาคส่วนจากทั้งสองประเทศเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรจากทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชน มหาวิทยาลัย เป็นต้น

ภายในงาน ตัวแทนจากองค์กรต่าง ๆ เช่น กทม. กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยว (Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism ; MLIT) จากทางฝั่งญี่ปุ่น บริษัท ICONSIAM บริษัท Tokyu Corporation รวมถึงศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญจาก The University of Tokyo ได้ขึ้นให้ข้อมูลต่าง ๆ อันข้องเกี่ยวกับธีมของงาน ‘Urban Resilience’ เช่น แนวคิดและตัวอย่างการแก้ไขปัญหาการพัฒนาเมืองในประเทศไทย เป็นต้น

อีกทั้ง จุฬาฯ และ UR จะมีการทำวิจัยร่วมกัน โดยจะเริ่มต้นจากหัวข้อเรื่อง ‘ปัญหาที่อยู่อาศัยไม่เพียงพอและราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯและเมืองหลักในแต่ละภูมิภาค’ โดยอาศัยองค์ความรู้และประสบการณ์การพัฒนาเมืองจากญี่ปุ่นของ UR ร่วมกับศักยภาพด้านการวิจัยและการพัฒนาพื้นที่สาธารณะและการวางผังเมืองของจุฬาฯ เพื่อหวังจะเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาการพัฒนาเมืองในไทยต่อไป

ภารกิจการขยายงานในต่างประเทศของ UR

การเพิ่มและรองรับความต้องการโครงสร้างพื้นฐานในประเทศเศรษฐกิจใหม่เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อการเติบโตของประเทศญี่ปุ่น รวมถึงเพื่อการสนับสนุนการลงทุนของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นในต่างประเทศ จึงมีการประกาศใช้ ‘กฎหมายว่าด้วยการขยายโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศ’ (กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการเข้าร่วมของผู้ประกอบการญี่ปุ่นในโครงการขยายโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะในต่างประเทศ) ขึ้นในวันที่ 31 สิงหาคม 2018

Urban Renaissance Agency หรือ UR จึงดำเนินตามกฎหมาย เริ่มกิจกรรมในต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมือง ไม่ว่าจะเป็น การช่วยวางแผนงาน มาสเตอร์แพลน ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิค รวมไปถึงช่วยให้บริษัทเอกชนสัญชาติญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนได้อย่างราบรื่นผ่านวิธีการการจับคู่พาร์ทเนอร์ธุรกิจ

Urban Renaissance Agency (UR) สำนักงานกรุงเทพฯ ได้จัดตั้งขึ้นในเดือนกรกฎาคม ปี 2024 และ ณ ปัจจุบันมีสำนักงานตั้งอยู่ตามที่อยู่ด้านล่าง

สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับเครือข่ายหน่วยงานวิจัยในจุฬาฯ จัดสัมมนาวิชาการ “AI เพื่อสังคม 2025: ปัญญาประดิษฐ์เปลี่ยนอนาคตไทย” เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ณ Social Innovation Hub อาคารวิศิษฐ์ ประจวบเหมาะ เพื่อจุดประกายความคิดและวางแนวทางการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างมีจริยธรรม ครอบคลุม และยั่งยืนในสังคมไทย โดยมี ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ เป็นผู้กล่าวเปิดงาน และปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “บทบาทของมหาวิทยาลัยไทยในยุค AI เปลี่ยนโลก” โดยเน้นย้ำว่า “การศึกษาต้องไม่เพียงให้ความรู้เท่าทันเทคโนโลยี แต่ต้องสร้างสำนึกและโครงสร้างสังคมใหม่ที่ทุกคนมีส่วนร่วมในอนาคต AI อย่างเท่าเทียม”

 

ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ

ในยุคที่ Generative AI แทรกซึมเข้าสู่ทุกมิติของชีวิต ตั้งแต่ระบบแรงงานไปจนถึงการศึกษา งานสัมมนาครั้งนี้เน้นให้เห็นถึง “โอกาส” ที่เทคโนโลยีจะเพิ่มขีดความสามารถของสังคมไทย ในขณะเดียวกัน “ความเสี่ยง” ที่จะทวีความเหลื่อมล้ำและทำให้ผู้คนบางกลุ่มถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

การสัมมนาครั้งนี้กล่าวรายงานโดย รศ.ดร.อุ่นเรือน เล็กน้อย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ หนึ่งในไฮไลต์ของงานคือ การนำเสนอผลการศึกษา “AI in Thai Society” โดยนักวิจัยจากสถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ ซึ่งเผยให้เห็นว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยยังขาดความรู้เท่าทัน AI กลุ่มแรงงานระดับล่างมีโอกาสถูกแทนที่โดยเทคโนโลยี รวมทั้งการใช้ AI ในระบบการศึกษาอาจกระทบจริยธรรมและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน

รศ.ดร.อุ่นเรือน เล็กน้อย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ

ผู้เข้าร่วมงานสัมมนายังได้สัมผัสนิทรรศการ AI แบบอินเทอร์แอคทีฟ เพื่อเรียนรู้ว่า “เราเป็น AI ประเภทใด” ผ่านแบบทดสอบสนุก ๆ ที่กระตุ้นให้แต่ละคนหันกลับมาทบทวนบทบาทของตนในโลกที่เทคโนโลยีกำลังนิยามตัวตนของเรา

นอกจากนี้ยังมีการเสวนา “Thailand Reimagined: When AI Designs the Future” โดยผู้เชี่ยวชาญจากภาคแรงงาน ภาคสิ่งแวดล้อม และภาคเอกชน ร่วมเสนอทางออกในการออกแบบนโยบายที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน การคุ้มครองสิทธิพลเมืองในยุคดิจิทัล และการป้องกันอคติที่ AI อาจผลิตซ้ำ

ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการใช้ AI อย่างสร้างสรรค์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังได้มอบ 7 รางวัลสำหรับผลงาน Generative AI โดดเด่น ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้นวัตกรรมเพื่อประโยชน์ส่วนรวม พร้อมเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชน นักวิจัย และผู้ประกอบการไทย

งานสัมมนานี้ไม่เพียงเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับ AI เท่านั้น แต่ยังปลุกกระแสสังคมให้ตั้งคำถามว่า “เราจะอยู่ร่วมกับ AI อย่างไร ให้เป็นธรรม ครอบคลุม และมีจริยธรรม” รวมถึง “เราจะสร้างคนให้มีปัญญาเพื่อสร้าง ควบคุม และใช้เทคโนโลยีอย่าง AI อย่างเท่าทัน” ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันจุฬาฯ สู่การเป็นมหาวิทยาลัยนำทางความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยในยุค AI

NT เปิดตัว NT Metaverse ศูนย์บริการในโลกเสมือน พร้อมโชว์ผลงานสนับสนุนทุนวิจัยและโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ 5G รองรับงานวิจัยพัฒนาร่วมกับสถาบันการศึกษาชั้นนำ

Page 1 of 6
X

Right Click

No right click