November 06, 2024

บริษัท รินไน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำร้อน รวมถึงเครื่องใช้ในครัวเรือนและอุตสาหกรรมคุณภาพมาตรฐานระดับสากล เตรียมนำเสนอเครื่องดูดควัน นวัตกรรมและเทคโนโลยี พลาสม่า (Plasma) มาประยุกต์ใช้แบรนด์แรกของไทย ช่วยให้ขจัดกลิ่นควันจากการทำอาหาร แบคทีเรีย ไวรัส และฝุ่นระดับ PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อม G-Line series ซีรีส์ชุดครัวระดับไฮเอนด์ที่ผลิตและพัฒนาโดย รินไน ประเทศญี่ปุ่น ร่วมโชว์ในงานสถาปนิก’ 67 ครั้งที่ 36 ระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2567 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

รินไน (Rinnai) มุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้ชีวิตมีความสะดวกมากขึ้น ซึ่งเครื่องดูดควัน นวัตกรรมและเทคโนโลยี พลาสม่า มีการออกแบบที่ทันสมัย สามารถขจัดได้ทั้งกลิ่นควันจากการทำอาหาร กำจัดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส และฝุ่นระดับ PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังมีการนำเสนอ G-Line series ซีรีส์ชุดครัวระดับไฮเอนด์ที่ผลิตและพัฒนาโดย รินไน ประเทศญี่ปุ่น ที่เน้นไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งานและเสริมความแข็งแกร่งด้วยสีดำและการออกแบบอันประณีต จนเป็นซีรีส์ชุดครัวระดับไฮเอนด์ที่ขับเคลื่อนความรู้สึกและไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ให้เหนือชั้นและน่าหลงใหล ซึ่งความหมายของ G คือ ตัวอักษรตัวแรกของคำหลายๆ คำที่มีความหมายสื่อถึงความยิ่งใหญ่และความประณีต อาทิ gland , great , Gold , Grace, Glamorous โดยใช้สีดำที่เป็นองค์ประกอบหลักเพื่อสะท้อนและสื่อถึงความแข็งแกร่ง พร้อมแสดงให้เห็นถึงการออกแบบที่ประณีต สำหรับความนิยมของ G-Line ในประเทศญี่ปุ่นนั้น ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากบรรดาศิลปินและสไตล์ลิสที่มีชื่อเสียง

รินไน เป็นแบรนด์สินค้าจากประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องครัวประเภทเตาฝัง เครื่องดูดควัน เครื่องทำน้ำอุ่น-เครื่องทำน้ำร้อน ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงและเปี่ยมไปด้วยคุณภาพเป็นลำดับต้นของไทยในราคาที่จับต้องได้ โดยในการผลิตมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อมอบคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้ใช้งาน ซึ่ง รินไน เชื่อว่าทั้งหมดนี่ คือ การสร้างสิ่งความยั่งยืนให้แก่แบรนด์ นอกจากนั้น รินไน ยังเป็นแบรนด์ที่มีเครือข่ายทั่วโลก การพัฒนาแบรนด์และผลิตภัณฑ์นั้น มีการดำเนินการอย่างสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละภูมิภาค ภายใต้แนวคิด ‘Good for Person, Good for Region’

สำหรับผู้สนใจเครื่องดูดควัน นวัตกรรมและเทคโนโลยี พลาสม่า พร้อม G-Line series ซีรีส์ชุดครัวระดับไฮเอนด์จากประเทศญี่ปุ่น และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จาก รินไน สามารถเยี่ยมชมได้ที่งานสถาปนิก’ 67 ที่บูธหมายเลข L106 ระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2567 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

“โออิชิ” เจ้าตำรับอาหารญี่ปุ่น เดินหน้าสร้างโอกาสในวิกฤต ลุยปั้นแบรนด์ใหม่ เสริมแกร่งพอร์ตฯ กลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่น พร้อมเปิดตัว “โออิชิ บิซโทโระ” (OISHI BIZTORO) ทางเลือกความอร่อยง่าย ๆ สไตล์ญี่ปุ่นโมเดิร์น ตอบโจทย์ลูกค้าเรื่องราคาและความคุ้มค่า ไปจนถึงสถานที่ ที่เข้าถึงง่ายและสะดวกมากขึ้น เช่น สถานีบริการน้ำมัน และ คอมมูนิตี้ มอลล์

นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ โออิชิ เปิดเผยว่า ในช่วงระยะปีสองปีมานี้ สถานการณ์แพร่ระบาด ประกอบกับมาตรการความปลอดภัยต่าง ๆ ที่เข้มข้น ส่งผลให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม บรรดาผู้ประกอบการจึงต้องมองหาโอกาส เพื่อเร่งเติมเต็มช่องว่างตลาด และปรับโมเดลธุรกิจ กระจายให้ครอบคลุมและหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์การกิน – ดื่ม ในทุกรูปแบบ

“ซึ่งในส่วนของ “โออิชิ” เรายังคงเดินหน้าพัฒนาและสร้างสรรค์ประสบการณ์อาหารญี่ปุ่นรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยล่าสุด ลุยปั้นแบรนด์ใหม่ เสริมแกร่งพอร์ตฯ กลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่น และขยายธุรกิจให้กว้างขึ้น พร้อมเปิดตัวร้านอาหารญี่ปุ่น “โออิชิ บิซโทโระ” ภายใต้แนวคิด “ทางเลือกความอร่อยง่าย ๆ สไตล์ญี่ปุ่นโมเดิร์น” สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความสะดวก อร่อย รวดเร็ว ในมื้ออาหาร และที่สำคัญมีเมนูหลากหลายในราคาย่อมเยา สามารถรับประทานได้บ่อย ๆ” นางนงนุช กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับ “โออิชิ บิซโทโระ” นั้นได้รับการพัฒนาให้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นไฮบริด (Hybrid) ที่มีการให้บริการอาหารจานด่วนและร้านอาหารที่ให้บริการแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งหลากหลายด้วยอาหารญี่ปุ่นยอดนิยม และคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยสามารถแบ่งเมนูออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ (1) กลุ่มเมนูเส้น “ราเมนและโซบะ” (2) กลุ่มเมนูข้าว “ดงบุริ” และ (3) กลุ่มเมนูอาหารว่างและของทานเล่น รวมแล้วหลากหลายกว่า 50 รายการ

  • กลุ่มเมนูเส้น “ราเมนและโซบะ” เมนูแนะนำ อาทิ ทงคตสึ ชาชู ราเมน, มิโซะ แซลมอน ราเมน, ดาชิ เทมปุระ ราเมน, ทสึเคเมน และ ซารุ ราเมน เป็นต้น ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 89 บาท
  • กลุ่มเมนูข้าว “ดงบุริ” เมนูแนะนำ อาทิ ข้าวหน้าหมูทงคัตสึ, ข้าวหน้าไก่คาราเกะ และ ข้าวหน้ากุ้งเทมปุระ มาพร้อมซอสหลากหลาย เลือกแมทช์ได้ตามชอบ อาทิ ซอสเทอริยากิ, ซอสทงคัตสึ, ซอสทงคัตสึ - มาโย และ ซอสแกงกะหรี่* เป็นต้น ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 99 บาท
  • กลุ่มเมนูอาหารว่างและของทานเล่น เมนูแนะนำ อาทิ เกี๊ยวซ่าทอด, ไก่คาราเกะ, ทาโกะยากิ และ กุ้งเทมปุระ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 79 บาท
  • นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มเมนูท็อปปิ้ง ที่เข้ากับทุกเมนูอาหาร ทั้งราเมนและดงบุริ และยังมีหลายชนิด หลายรสชาติ ให้เลือกอีกด้วย
  • อิ่ม คุ้ม แบบครบชุด ได้ทั้งจานหลัก (ราเมนหรือดงบุริ) จานรอง (ของทานเล่น) และเครื่องดื่ม ในราคาเฉลี่ยต่อมื้ออยู่ที่ 150 – 180 บาท เท่านั้น

 

ขณะที่รูปแบบการให้บริการนั้นเป็นแบบ เซลฟ์ เซอร์วิส (Self Service) สั่งง่าย ไม่ยุ่งยาก ผ่านขั้นตอน ดังนี้ (1) สั่งอาหารที่เคาน์เตอร์พร้อมชำระเงิน (2) รับเครื่องเรียกรับอาหารไร้สาย จากพนักงานและมานั่งรออาหารที่โต๊ะ (3) เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณจากเครื่องเรียกรับอาหารไร้สาย รับอาหารที่เคาน์เตอร์ พร้อมรับประทาน

ปัจจุบัน “โออิชิ บิซโทโระ” เปิดให้บริการแล้วทั้งในห้างสรรพสินค้า/ศูนย์การค้า ไปจนถึงสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) ซึ่งเป็นแหล่งที่มีผู้คนสัญจรไปมาเป็นจำนวนมาก ดังนี้ (1) โออิชิ บิซโทโระ สาขา เซ็นทรัล อยุธยา – จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (2) โออิชิ บิซโทโระ สาขา เซ็นทรัล ศรีราชา – จังหวัดชลบุรี และ (3) โออิชิ บิซโทโระ สาขา คาลเท็กซ์ งามวงศ์วาน (บจก. รวี เซอร์วิส) – กรุงเทพฯ

พร้อมมีแผนขยายสาขาและพื้นที่ให้บริการเพิ่มเติมไปสู่โครงการ คอมมูนิตี้ มอลล์ (Community Mall) ต่อเนื่องเป็นสาขาที่ 4 ภายในเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ โออิชิ บิซโทโระ สาขา สายไหม อเวนิว – กรุงเทพฯ ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการวันแรก วันที่ 12 เมษายน 2565 นี้

“โดยโมเดลใหม่นี้ (โออิชิ บิซโทโระ) จะสามารถตอบโจทย์ความสะดวก ไปพร้อม ๆ กับความอร่อยที่ได้มาตรฐาน ให้กับลูกค้า ที่สำคัญ คือ เข้าถึงง่าย ทั้งราคาและสถานที่ และด้วยร้านในรูปแบบ สมอลล์ ฟอร์แมต (Small Formats) ที่เน้นการส่งมอบความสะดวก จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขยายสาขา และเติมเต็มช่องว่างตลาดได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น” นางนงนุช กล่าวปิดท้าย

X

Right Click

No right click