

สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” นำโดยนางไอรดา เหลืองวิไล รองผู้อำนวยการรักษาการแทนผู้อำนวยการ DGA ร่วมเปิดตัวบริการการสมัครสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีบนแอปฯ ทางรัฐ ในพิธีเปิด โครงการ “พลังสตรีเพื่อการพัฒนา เสริมสร้างโอกาส สร้างอนาคต” โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาววธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง

ภายในงาน DGA ได้แนะนำการสมัครสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีผ่านแอปฯ ทางรัฐ ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันเดียวที่รวมบริการจากภาครัฐไว้กว่า 198 บริการ เพื่อส่งเสริมให้ผู้หญิงยุคใหม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น โดยเปิดให้ใช้งานได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สืบเนื่องจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพของสตรีและผลักดันให้สตรีเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ที่ซึ่งพลังของผู้หญิงจากทั่วประเทศได้มารวมตัวกันเพื่อแสดงให้เห็นว่า “ผู้หญิงไม่ได้อยู่เพียงเบื้องหลังของความสำเร็จ” แต่คือ “พลังของการเปลี่ยนแปลง” ที่พร้อมจะยืนอยู่แถวหน้าในการพัฒนา ทั้งเศรษฐกิจ ชุมชน และสังคมของประเทศ
ด้านนางสาววธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ได้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม โดยสามารถสมัครสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ผ่านแอปฯ ทางรัฐได้แล้ววันนี้ และในอนาคตอันใกล้นี้ สมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจะสามารถยื่นกู้ ตรวจสอบสถานะ รวมถึงติดตามผลการดำเนินการ ภายใต้แอปฯ ทางรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นการลดภาระให้กับสมาชิกทุกคน ที่ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง ไม่ต้องยื่นเอกสารซ้ำซ้อน เป็นนิมิตใหม่ที่ทุกคนจะได้เรียนรู้ และก้าวไปพร้อม ๆ กัน

การพัฒนาข้างต้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การทำให้ระบบมีความทันสมัยเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางโครงสร้างกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีใหม่ทั้งระบบ เพื่อให้การเข้าถึงเป็นไปด้วยความโปร่งใส ปลอดภัย และตรวจสอบได้ ที่สำคัญคือสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกคน
“โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน กองทุนฯ ของเราก็ต้องหมุนไปพร้อม ๆ กัน และนี่ก็คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ที่เราทำให้เกิดขึ้นจริงในวันนี้แล้ว ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกองทุนฯ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ดิฉันต้องขอขอบคุณ DGA ในความสำเร็จครั้งนี้” นางสาววธีรรัตน์ กล่าว

นางไอรดา เหลืองวิไล รองผู้อำนวยการรักษาการแทนผู้อำนวยการ DGA กล่าวว่า “นี่เป็นอีกก้าวสำคัญของการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ที่มุ่งเน้นการเข้าถึงบริการของภาครัฐอย่างเท่าเทียม สะดวก และโปร่งใส โดยเฉพาะกับพี่น้องสตรีในทุกพื้นที่ของประเทศไทย การสมัครเข้าร่วมกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีผ่านแอปฯ ทางรัฐ ไม่เพียงช่วยลดความยุ่งยากในการดำเนินเรื่องการสมัครสมาชิก แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงทั่วประเทศสามารถเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการพัฒนาอาชีพ การเสริมสร้างศักยภาพ และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนได้อย่างแท้จริง จึงขอเชิญชวนผู้หญิงยุคใหม่ สมัครสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีผ่านแอปฯ ทางรัฐ ประตูบานใหม่ที่จะเพิ่มโอกาสให้กับผู้หญิงยุคใหม่ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นและมีความทันสมัยมากขึ้น นอกจากนี้แอปฯ ทางรัฐยังมีบริการจากภาครัฐอีกกว่า 198 บริการที่พร้อมให้บริการประชาชนชาวไทย และในขณะนี้แอปฯ ทางรัฐมีผู้ยืนยันตัวตนในการเข้าใช้งานซึ่งมีความปลอดภัยในระดับเดียวกับธนาคารมากกว่า 32 ล้านคน รวมถึงมีปริมาณการใช้งานเฉลี่ยต่อวันสูงถึง 1.4 ล้านครั้ง ทาง DGA จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการให้บริการสมัครสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีผ่านแอปฯ ทางรัฐ จะช่วยให้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีสามารถขับเคลื่อนโครงการและพัฒนาศักยภาพของสตรีไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

การมีบริการสมัครสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีบนแอปฯ ทางรัฐจึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะส่งเสริมให้สตรียุคใหม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในการพัฒนาศักยภาพได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ยังมีบริกาการแก้ไขข้อมูลของสมาชิกได้อีกด้วย เพียงดาวน์โหลดแอปฯ ทางรัฐ และสามารถยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานแอปฯ ทางรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้ที่ เคาน์เตอร์ไปรษณีย์ไทย Big C โลตัส และเคาน์เตอร์เซอร์วิส ร้าน 7-11
แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เป็นแอปพลิเคชันของภาครัฐที่พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชนที่มีการเชื่อมข้อมูล และบริการจากส่วนราชการต่างๆ มาไว้ในที่เดียวกัน เพื่อให้ประชาชนในทุกช่วงวัยสามารถใช้บริการออนไลน์ของภาครัฐได้ในแอปฯ เดียวอย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย โปร่งใส และตรวจสอบได้ รวมถึงเป็นช่องทางในการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet ดังนั้น การที่ประชาชนจะเข้าใช้งานแอปฯ ทางรัฐ จำเป็นต้องมีการพิสูจน์ว่าผู้ที่กำลังจะเข้าใช้งานแอปฯ ทางรัฐ เป็นประชาชนตัวจริงหรือไม่ โดยการให้ประชาชนผู้นั้นถ่ายภาพใบหน้า และภาพบัตรประจำตัวประชาชนของตนเอง เพื่อเอาไปเปรียบเทียบกับภาพใบหน้าและข้อมูลบัตรประชาชนของประชาชนผู้นั้นที่มีอยู่ในระบบของภาครัฐว่าตรงกันหรือไม่ หรือที่เรียกว่าการทำ KYC (Know Your Customer) เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าถึงข้อมูลของประชาชนผู้นั้น หรือสวมสิทธิ์ ซึ่งเป็นมาตรการการป้องกันและรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือแบบเดียวกับที่ธนาคารในประเทศไทยใช้ (IAL 2.3) ตามประกาศของคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ในปัจจุบัน แอปฯ ทางรัฐเป็นเพียงช่องทางในการเชื่อมโยงข้อมูลและบริการจากหน่วยงานต้นทางโดยไม่ได้เก็บข้อมูลประชาชนจากหน่วยงานต้นทางมาไว้ที่แอปฯ ทางรัฐแต่อย่างใด และข้อมูลส่วนบุคคลที่แสดงในแอปฯ ทางรัฐสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเจ้าของข้อมูล และผู้มีอำนาจตามกฎหมายในการเข้าถึงข้อมูลเท่านั้น
นอกจากนี้ แอปฯ ทางรัฐมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบและข้อมูลต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ และพัฒนาระบบที่มีการเข้ารหัสข้อมูลและใช้เทคโนโลยีการยืนยันตัวตนที่ทันสมัยโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA ร่วมกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาระบบที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก โดยเน้นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลและระบบเป็นหลัก มีการตรวจสอบและทดสอบระบบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทดสอบเจาะระบบและแก้ไขช่องโหว่ต่างๆ ทั้งก่อนให้บริการและระหว่างการให้บริการเพื่อป้องกันการแฮ็กและการเข้าถึงข้อมูลและบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรฐานสากล อีกทั้งยังมีการใช้เทคโนโลยีป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ในระดับสูง (State-of-the-Art Cybersecurity Protection) ตลอดจนการบริหารจัดการและจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้แนวทางที่สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) กำหนด และเป็นไปตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 รวมถึงตามมาตรฐานที่ DGA ได้รับการรับรอง เช่น ISO 27001 (Security Management) เป็นต้น นอกจากแอปฯ ทางรัฐยังให้บริการอยู่ในระบบที่มีความน่าเชื่อถือ มีเสถียรภาพพร้อมทั้งมีการตั้ง war room เฝ้าระวังระบบและภัยคุกคามทางไซเบอร์ด้วยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของ DGA ร่วมกับ สกมช. และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตลอด 24 ชั่วโมง โดยสามารถพิสูจน์ได้จากวันแรกที่เปิดรับลงทะเบียนโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet ซี่งมีผู้ไม่ประสงค์ดีพยายามโจมตีระบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างหนัก ตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่เปิดรับลงทะเบียน โดยเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนกดเข้าใช้งานแอปฯ ทางรัฐเป็นจำนวนมหาศาลเช่นเดียวกัน แต่แอปฯ ทางรัฐก็ยังสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถรองรับการลงทะเบียนฯ ได้ถึง 18.8 ล้านคนภายใน 24 ชั่วโมงโดยระบบไม่ล่มและไม่มีปัญหาเรื่องข้อมูลรั่วไหล
สำหรับประเด็นข้อสงสัยที่ว่า แอปทางรัฐเป็นระบบเปิดที่เชื่อมต่อไปถึงบัญชีธนาคารของทุกคนหรือไม่นั้น ในปัจจุบัน แอปทางรัฐ ยังไม่มีการเชื่อมกับบัญชีธนาคารและไม่มีการเก็บข้อมูลบัญชีธนาคารของประชาชนแต่อย่างใด ทั้งนี้แอปฯ ทางรัฐ อนุญาตให้หน่วยงานของรัฐเชื่อมโยงข้อมูลและบริการของตนเข้าสู่แอปพลิเคชันทางรัฐเท่านั้น ภายใต้วิธีการเชื่อมต่อที่มีการควบคุมกำกับดูแล และมีความมั่นคงปลอดภัยสูง โดยไม่ได้เปิดให้บุคคลทั่วไป หรือภาคเอกชน หรือธนาคารเชื่อมโยงข้อมูลบัญชีและระบบบริการกับแอปฯ ทางรัฐแต่อย่างใด ซึ่งแอปฯ ของธนาคาร และผู้ให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet ต้องเชื่อมโยงและรับส่งข้อมูลกับแพลตฟอร์มการชําระเงินกลาง (Payment Platform) ของภาครัฐเพื่อรองรับการชำระเงินซึ่งเป็นคนละระบบกับแอปฯ ทางรัฐ