October 16, 2024

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการมอบความเป็นเลิศด้านการบริการลูกค้า แต่งตั้งคุณชนินทร์ ฐิติจารุไพศาล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 โดยคุณชนินทร์จะเข้ามารับบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านการบริการหลังการขายและยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์ระดับพรีเมียม รับตำแหน่งต่อจากคุณสเตฟาน สโลโบดา ซึ่งจะยังคงสานต่อปรัชญาการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรกของบีเอ็มดับเบิลยูในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า ณ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นก้าวสำคัญในความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในการยกระดับขั้นสูงสุดของการบริการลูกค้าในตลาดรถยนต์หรู

ด้วยประสบการณ์กว่า 19 ปีกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย คุณชนินทร์ได้สั่งสมความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและครอบคลุมแนวการดำเนินธุรกิจด้านการขายและการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า โดยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งในฝ่ายขายของบีเอ็มดับเบิลยูและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก่อนจะย้ายมารับตำแหน่งล่าสุดในฐานะผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย จึงมีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความรู้ความเข้าใจทั้งในด้านการบริหารเครือข่ายผู้จำหน่ายและความต้องการของลูกค้าในตลาดรถยนต์พรีเมียมประเทศไทยเป็นอย่างดี

สำหรับตำแหน่งใหม่ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า คุณชนินทร์จะดูแลบริหารธุรกิจด้านบริการหลังการขายทั้งหมดของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้แก่ การให้บริการหลังการขาย การบริหารจัดการด้านเทคนิค การจัดการด้านอะไหล่ และการตลาดของบริการหลังการขาย เพื่อรักษาความมุ่งมั่นในความเป็นเลิศด้านการบริการของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย รวมถึงการสร้างความภักดีของลูกค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และการเสริมสร้างความร่วมมือกับผู้จำหน่ายเพื่อรักษามาตรฐานการบริการให้อยู่ในระดับสูงสุด

มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า "การบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เสมอมา ซึ่งสิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของลูกค้า ในนามบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ผมจึงขอขอบคุณมร. สเตฟาน สโลโบดา ที่ได้แสดงถึงความสามารถในการบริหารงานด้วยการบริการที่สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา พิสูจน์ได้จากการวัดดัชนีความพึงพอใจของลูกค้าในด้านการบริการหรือคะแนน Net Promoter Score ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการด้านมาตรฐานการรับประกันและการบำรุงรักษาในระดับสากล ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเท และความสามารถในฐานะผู้นำอย่างแท้จริง ผมเชื่อว่ามร. สโลโบดา จะนำความสำเร็จเช่นเดียวกันนี้สู่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่นในตำแหน่งใหม่ด้วยเช่นกัน”

“ขณะเดียวกัน เราก็มีความยินดีเป็นอย่างที่ได้ต้อนรับคุณชนินทร์ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้าคนใหม่ ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา คุณชนินทร์ได้แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลและความมุ่งมั่นในการส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้า รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการและทุ่มเทเพื่อเป้าหมายแห่งความสำเร็จ ผมมั่นใจว่าความเป็นผู้นำของคุณชนินทร์จะไม่เพียงแต่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมของเรา แต่ยังจะเสริมสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเรากับเครือข่ายผู้จำหน่ายและลูกค้าทั่วประเทศไทยด้วยเช่นกัน” มร. แกร์ฮาร์ด กล่าว

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป และยูนิเซฟ จับมือส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนทั่วประเทศไทยเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและการพัฒนาทักษะได้มากขึ้น ความร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระดับโลกที่เริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ภายใต้สโลแกน 'Bridge. Educating young people for tomorrow, today.' โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมทักษะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM education) ให้กับเด็กและเยาวชน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต

ภายใต้ความร่วมมือระยะยาวระดับโลกครั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป จะมีส่วนสนับสนุนเป้าหมายระดับโลกของยูนิเซฟเพื่อเข้าถึงเด็กและเยาวชนจำนวน 10 ล้านคนทั่วโลกผ่านการศึกษาในแต่ละปี โดยมุ่งเน้นไปที่การจัดอบรมด้านสะเต็มศึกษา และพัฒนาทักษะให้กับเด็กและเยาวชนในภูมิภาคแอฟริกา เอเชีย และอเมริกากลางและใต้

ในประเทศไทย ความร่วมมือนี้เริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาการศึกษาด้านสะเต็มในโรงเรียนมัธยมศึกษากว่า 100 แห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท เป้าหมายคือการเข้าถึงนักเรียน 25,000 คนและครู 500 คนในช่วงสามปีแรกของความร่วมมือ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการอบรมครูในวิชาด้านสะเต็มศึกษา และจัดกิจกรรมนอกเวลาเรียน ค่ายฝึกทักษะด้านสะเต็มศึกษา งานนิทรรศการวิทยาศาสตร์ และการแนะแนวให้คำปรึกษาแก่เยาวชน โครงการนี้ยังครอบคลุมกลุ่มเยาวชนกลุ่มเปราะบาง และเยาวชนที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษา การจ้างงาน หรือการฝึกอบรม (NEET) เพื่อให้พวกเขามีโอกาสพัฒนาทักษะที่จำเป็น

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และนางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ได้เดินทางไปเยี่ยมโรงเรียนอ่างศิลาพิทยาคม จังหวัดชลบุรี โดยได้เข้าร่วมกิจกรรมด้านสะเต็มศึกษากับนักเรียนที่กำลังสำรวจหัวข้อต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาพอากาศแบบต่าง ๆ และผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ซึ่งกิจกรรมเชิงปฏิบัติและการเรียนรู้นอกห้องเรียนเหล่านี้ ช่วยให้นักเรียนเห็นว่าสะเต็มศึกษาสามารถนำไปปรับใช้เพื่อรับมือกับความท้าทายในชีวิตประจำวันได้อย่างไร

นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “ทุกวันนี้ งานที่เกี่ยวข้องกับสะเต็มถือเป็นกุญแจสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ดังนั้นสะเต็มศึกษาที่มีคุณภาพจึงเป็นสิ่งที่ความสำคัญยิ่งกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม เราพบว่านักเรียนจำนวนมากในประเทศไทยยังคงขาดทักษะที่จำเป็นสำหรับการศึกษาต่อและการทำงาน ดังนั้น ความร่วมมือกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยเติมเต็มช่องว่างนี้ โดยจะช่วยให้เด็กและเยาวชน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่มักขาดโอกาส ได้รับความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการประสบความสำเร็จในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”

ด้านนายเรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตระหนักถึงบทบาทของเราในสังคม โดยเราได้พัฒนาโครงการด้านการศึกษาที่ตอบโจทย์เพื่อมอบโอกาสทางอาชีพในอุตสาหกรรมยานยนต์ให้กับเยาวชน และส่งเสริมทักษะที่จำเป็นให้แก่พวกเขาสำหรับงานในอนาคต เราทราบดีว่าการศึกษาเป็นกลไกที่ขับเคลื่อนสังคมและเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตเศรษฐกิจไทย ตอนนี้เรามียูนิเซฟเป็นพันธมิตรระยะยาวที่จะสนับสนุนความร่วมมือระดับโลกด้านสะเต็มศึกษาสำหรับเยาวชนทั่วประเทศไทย เราจะร่วมกันเติมเต็มช่องว่างระหว่างการศึกษาและชีวิตการทำงานสำหรับเยาวชน และเตรียมพวกเขาเพื่อการเติบโตทางอาชีพในอนาคต”

แม้ว่าเด็กส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะได้เข้าเรียนในโรงเรียน แต่เด็กจำนวนมากยังขาดทักษะสำคัญที่จำเป็นสำหรับการศึกษาต่อหรือเข้าสู่ตลาดแรงงาน จากรายงาน PISA 2018 พบว่า มีเพียง 1 ใน 5 ของเด็กผู้ชายและ 1 ใน 7 ของเด็กผู้หญิงในประเทศไทยที่มีความสามารถด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่วางแผนจะประกอบอาชีพในด้านวิศวกรรมศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ก่อนอายุ 30 ปี นอกจากนี้ ยังพบว่า เยาวชนไทยกว่า 1.4 ล้านคนไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษา การจ้างงาน หรือการฝึกอบรม (NEET) โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ซึ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางทักษะมากขึ้น

เด็กหญิงนิพิษฐา จิระธรรมวรวุฒิ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนอ่างศิลาพิทยาคม กล่าวว่า เธอชอบการทดลองและหาคำตอบที่คนหลายคนไม่ค่อยรู้ แต่เป็นคำตอบในหลักการวิทยาศาสตร์ “วันนี้ที่ได้ร่วมกิจกรรมก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับความชื้นของพื้นดิน เรียนรู้เกี่ยวกับก้อนเมฆว่าสังเกตยังไง มีลักษณะแบบไหนบ้าง…ทำอะไรมันก็ดูสนุกไปหมดเลยค่ะ แล้วก็มีหลักการทางวิทยาศาสตร์มารองรับ…วิชาวิทย์คณิตสำคัญเพราะพัฒนาการเรียนรู้ทางด้านสมอง เพราะเมื่อเราโตขึ้น เราก็สามารถนำความรู้เหล่านั้นมาใช้ในการทำงานอนาคตอีกเยอะเลย แล้วก็สามารถไปประกอบได้อีกหลายอาชีพอีกค่ะ”

X

Right Click

No right click