November 25, 2024

นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน ประธานกรรมการ นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมคณะกรรมการ บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำในอุตสาหกรรมฟอกหนังในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ซึ่งเป็นการจัดการประชุมในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) โดยที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานปี 2566 รวมถึงพัฒนาการต่างๆ ของบริษัทฯ ที่ได้ขยายไปสู่ธุรกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) และธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโต ภายใต้การลงทุนของบริษัท ซีพีแอล เวนเจอร์ พลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPL ถือหุ้นในสัดส่วน 99.97%

บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นผ่านการอนุมัติทุกวาระตามมติที่คณะกรรมการเสนอ พร้อมทั้งอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท ซึ่งได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วสำหรับงวดวันที่ 1 มกราคม – 30 กันยายน 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท คงเหลือเงินปันผลจ่ายสำหรับงวดวันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท โดยจ่ายจากกำไรสุทธิและกำไรสะสม กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้

พร้อมทั้ง อนุมัติการแต่งตั้งกรรมการอิสระท่านใหม่ แทนกรรมการอิสระที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระจำนวน 2 ท่าน คือ นายสรกล อดุลยานนท์ และนางสาวเพชรชมพู เทพพิพิธ ซึ่งเป็นบุคคลผู้ที่มีความเหมาะสม มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเป็นอย่างดี สอดคล้องตามหลักกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนไทย

ด้าน ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ กล่าวว่า “ขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่นจากท่านผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจตลอดมา สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2567 อิชิตันวางเป้าหมายรายได้แตะ 9,000 ล้านบาท คาดบันทึกสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยเริ่มเดินหน้าบุกตลาดตั้งแต่ไตรมาส 1 มีแนวโน้มทำได้ดีมาก รับอากาศร้อนช่วงซัมเมอร์ รวมทั้งส่งเครื่องดื่มใหม่ในกลุ่ม Non-Tea เพื่อขยายตลาดให้ครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยในเดือนมีนาคมได้เปิดตัว “ตัน พาวเวอร์ (TAN POWER)” เครื่องดื่ม Energy Drink เสริมพอร์ต ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากพันธมิตรคู่ค้าทั่วประเทศ ช่วยกันผลักดันสินค้าที่มีจุดแข็งด้านราคา 10 บาทสบายกระเป๋า ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตลอดจนได้ส่งแคมเปญสนุกและสร้างสรรค์รับหน้าร้อนบนโลกโซเชียล ทั้งจากแบรนด์อิชิตัน กรีนที, เย็นเย็น น้ำจับเลี้ยงสมุนไพรฤทธิ์เย็น และตันซันซู น้ำอัดลมสไตล์เกาหลี เพื่อเดินหน้าสร้างไดนามิคกระตุ้นยอดขายสร้างกำไรให้เข้าตามเป้าที่ได้วางไว้

นอกจากนี้ อิชิตันยังมุ่งมั่นนำเสนอเครื่องดื่มคุณภาพและนวัตกรรม พร้อมเติบโตไปกับสังคมที่ดี โดยความสำเร็จล่าสุดจาก อิชิตัน น้ำด่าง (pH PLUS) แบรนด์สินค้ามีความโดดเด่นด้านนวัตกรรมในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มจนสามารถคว้ารางวัล BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR 2023 ไปครองได้สำเร็จ ปัจจุบันน้ำด่างบรรจุขวดพร้อมดื่ม (Ready to drink) เกิดขึ้นด้วยนวัตกรรมการผลิตที่ช่วยทำให้ชีวิตง่ายขึ้น มีมาตรฐานปลอดภัย สะดวกสบายพกพาง่าย และดีต่อสุขภาพ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงที่ประเทศไต้หวัน ญี่ปุ่น และอิชิตันนำเทรนด์นี้เข้าสู่ประเทศไทย เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้รักสุขภาพ จนสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี

พร้อมทั้งมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม โปร่งใส และยั่งยืน ส่งเสริมให้คู่ค้าและพันธมิตรทางการค้าในระดับ SMEs เติบโตไปด้วยกัน ล่าสุดได้จัดกิจกรรมสัมมนาเชิญชวนคู่ค้ากลุ่ม SME เข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์ตามโครงการแนวร่วมการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทยภายใต้โครงการ CAC Change Agent เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ควบคู่กับการให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการกำหนดแผนการมุ่งไปสู่องค์กรที่มีการผลิตแบบความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 โดยปัจจุบันสินค้าทุกขวดของอิชิตัน สามารถลดปริมาณการใช้พลาสติกลงได้ถึง 28.5% จากเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและดีต่อโลกของอิชิตัน กรีน แฟคทอรี ที่เปิดให้นักเรียนนักศึกษา เข้าชมฟรี ภายใต้พื้นที่ “ศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจถึงผลกระทบต่อการเลือกดื่มผลิตภัณฑ์อย่างรับผิดชอบที่จะมีต่อธรรมชาติ ภายใต้แนวคิด Produce Responsibly, Drink Sustainably อีกด้วย

นายอาสา สารสิน ประธานกรรมการ นายชนินทธ์ โทณวณิก ประธานกรรมการบริหาร นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม พร้อมด้วยคณะกรรมการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ครั้งที่ 30/2566 ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting)  โดยที่ประชุมรับทราบผลประกอบการประจำปี 2565 ซึ่งธุรกิจโรงแรมของบริษัทฯ ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการยกเลิกข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4/2565 ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้รวมในไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ 1,723 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 3 ปีนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อปี 2562 และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 46 ล้านบาทพลิกจากที่เคยขาดทุนในช่วงหลายไตรมาสก่อนหน้านี้ โดยมี  CORE EBITDA เป็นบวกติดต่อกันถึง 5 ไตรมาส

X

Right Click

No right click