พฤกษา โฮลดิ้ง มุ่งมั่นสู่ความเป็นองค์กรที่ยั่งยืน นำหลักการ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) มาผสานในการดำเนินธุรกิจอย่างครอบคลุม ล่าสุดจัดงานใหญ่ประจำปี ESG DAY 2024 : Everyone Matters ชูวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับสิทธิของคนทุกคน และการต่อต้านการทุจริต เพื่อตอกย้ำให้พนักงานเข้าใจสิทธิและบทบาทความรับผิดชอบของตนเอง ของผู้อื่น และของสังคม สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความเสมอภาค และโปร่งใส มุ่งผลักดันความยั่งยืนทั้งด้านธุรกิจและสังคม
นำโดย นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริษัท นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากทุกสายธุรกิจในกลุ่มร่วมงาน ณ อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก
งาน ESG DAY 2024 เป็น Hybrid Event ที่จัดขึ้นทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสื่อสารถึงพนักงานทั้งหมดในกลุ่มพฤกษา ทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เฮลท์แคร์ อีคอมเมิร์ช ก่อสร้างและพรีคาสท์ จำนวนรวมกว่า 2,740 คน ภายในงานมีกิจกรรมที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานตามหลัก ESG ที่แปลงจากนโยบายลงมาสู่แนวปฏิบัติจริงภายในองค์กร การตอบคำถามชิงรางวัลในบูธต่อต้านคอร์รัปชัน การจัดบอร์ดจากวัสดุรีไซเคิลให้พนักงานร่วมเสนอไอเดียการมีส่วนร่วมให้พฤกษาบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 30 ในปี 2030 และบูธกิจกรรม “วนพลัสรีไซเคิล” ให้พนักงานนำขยะพลาสติกที่แห้งและสะอาด ประเภทขวดพลาสติก หรือ ฟิล์มและพลาสติกยืดได้ หรือ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ขวดแก้ว มาแลกเพื่อเล่นกิจกรรม ซึ่งถือเป็นอีเวนท์ที่ให้พนักงานมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจด้วยแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่แท้จริง พร้อมมีจัด Talk พิเศษ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานสำหรับพนักงานโดยเฉพาะ โดย ดีเจพี่อ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในหัวข้องานนี้ต้องสตรอง "Club ESG Day" ตอน work life integration สร้างชัยชนะในงานและตนเองไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมตามจรรยาบรรณธุรกิจ ที่พฤกษาให้ความสำคัญต่อการสร้าง mindset ให้การทำงานและการใช้ชีวิต สามารถชนะไปด้วยกันได้อย่างมีความสุข พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญให้กับองค์กรและสังคมส่วนรวม ส่งมอบคำว่า “อยู่ดี มีสุข” จากภายในสู่ภายนอก ได้จริง
พฤกษา โฮลดิ้ง รับโล่รางวัล ประจำปี 2567 ในพิธีวันสถาปนากรมป่าไม้ ครบรอบ 128 ปี จากกรมป่าไม้ ในฐานะองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือราชการด้านการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ ผ่านโครงการ “ร่วมปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ” ที่ฟื้นฟูพื้นที่ป่า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสรรค์สังคม “อยู่ดี มีสุข” ภายใต้แนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) นำโดยนายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับมอบรางวัลจาก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
โดยพฤกษาได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ และพนักงานจิตอาสากว่า 600 คน ในการปลูกต้นไม้กว่า 100,000 ต้น พร้อมบำรุง และอนุรักษ์ป่า บนพื้นที่ 370 ไร่ ต.ห้วยบง อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งจะดูแลและติดตามผลตลอดระยะเวลา 10 ปี เพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยโครงการนี้นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ส่งเสริมแนวคิด ESG ของพฤกษา โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กรที่เน้น ‘Impact for Good ใช้ใจ ทำดี เพื่อผลลัพธ์ที่ดี’ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% ภายในปี 2573 และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 พร้อมทั้งยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสังคมที่น่าอยู่และยั่งยืน
พฤกษา โฮลดิ้ง ตอบรับเทรนด์พลังงานสะอาด เตรียมดันแบรนด์ Green Leaf Energy รุกธุรกิจโซลาร์รูฟในคอนเซปต์ “ผลักดันพลังงานสะอาดและยั่งยืนสู่ทุกบ้านและธุรกิจ มุ่งมั่นเพื่อช่วยคนไทย ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้”มอบบริการครบวงจร ทั้งจำหน่าย ติดตั้ง และดูแลรักษาระบบ เตรียมขึ้นแท่นสู่การเป็นผู้นำนวัตกรรมที่ผลักดันเรื่อง บ้านพลังงานสะอาด โดยมุ่งหวังให้คนไทยมีบ้านประหยัดพลังงาน ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเลือกใช้โซลาร์รูฟ ระบบ Micro Inverter คุณภาพระดับสากล ที่เพิ่มความปลอดภัย และง่ายต่อการดูแล เพื่อความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า พร้อมสอดรับภารกิจมุ่งสู่ Net Zero และมอบการอยู่อาศัยตามกรอบแนวคิด อยู่ดี มีสุข ของกลุ่มพฤกษา
นายบุญไทย แก้วโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเนอร์จี โกรท จำกัด ธุรกิจในเครือพฤกษา โฮลดิ้ง กล่าวถึงแนวโน้มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา หรือโซลาร์รูฟ (Solar Roof) ว่า ธุรกิจนี้กำลังเติบโตขึ้นตามความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นผลจากการวางเป้าหมาย Net Zero ของหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย โดยตลาดการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ทั่วโลกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าปีนี้จะมีการขยายตัวถึง 29% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิล รวมทั้งแผนการเพิ่มการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน การสนับสนุนจากภาครัฐให้มีการผลิตไฟฟ้าใช้เอง และต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่ต่ำเมื่อเทียบกับแหล่งพลังงานอื่น สำหรับประเทศไทย ตลาดการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ก็มีทิศทางเช่นเดียวกับตลาดโลก โดยมีแรงหนุนจากตลาดที่ขายไฟให้ลูกค้าโดยตรง (Private PPA) การสนับสนุนให้มีการผลิตไฟฟ้าใช้เอง และการเติบโตของตลาดที่ขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐ
รวมทั้งยังเล็งเห็นถึงปัญหาของสภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบโดยรวมทั้งภาคอุตสาหกรรมไปจนถึงภาคครัวเรือน ซึ่งทำให้กระทบไปในวงกว้างทั้งในด้านของค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น จากปัจจัยหลายๆส่วน เช่น ภาระหนี้ อัตราดอกเบี้ย รวมถึงค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะเรื่องอัตราค่าไฟที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นลูกบ้านของพฤกษาหรือคนทั่วไป พฤกษา โฮลดิ้ง หนึ่งในกลุ่มผู้นำอสังหาฯ มีความเข้าใจลูกค้าและเห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้ บวกกับการให้ความสำคัญในการพัฒนา และนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ อยากช่วยลดปัญหาของคนไทยทุกคน จึงได้เปิดตัวโซลาร์รูฟแบรนด์ Green Leaf Energy ซึ่งจะเป็นธุรกิจใหม่ภายใต้การดูแลของซินเนอร์จี โกรท โดยในปัจจุบันได้นำร่องติดตั้งโซลาร์รูฟ Green Leaf ที่โครงการ เดอะ ปาล์ม เรสซิเดนเซส วัชรพล และวางแผนขยายไปสู่โครงการอื่น ๆ ของพฤกษา เรียลเอสเตท อีกทั้งมีการติดตั้งในธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ พฤกษา โฮลดิ้ง ได้แก่ โรงพยาบาลวิมุต โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ โรงงานพรีคาสท์ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันจะเน้นเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลก่อน พร้อมเตรียมเดินหน้าขยายบริการสู่กลุ่มลูกค้าทั่วไป และมีแผนจะขยายไปในจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศภายใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อช่วยให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงบ้านพลังงานสะอาดได้” นายบุญไทย กล่าว
ซินเนอร์จี โกรท ดำเนินธุรกิจโซลาร์รูฟแบบครบวงจรโดยทีมงานมืออาชีพ ทั้งการจำหน่าย ติดตั้ง และดูแลรักษาระบบ ภายใต้แนวคิด “ผลักดันพลังงานสะอาดและยั่งยืนสู่ทุกบ้านและธุรกิจ มุ่งมั่นเพื่อช่วยคนไทย ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้” เพื่ออยากช่วยลดภาระเรื่องค่าไฟของคนไทยทุกคน ให้คนไทยสามารถเข้าถึงนวัตกรรมที่ทันสมัย ช่วยแบ่งเบาภาระเรื่องค่าไฟในระยะยาว โดยโซลาร์รูฟช่วยประหยัดไฟ และสามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 25 ปี ทั้งยังสามารถเพิ่มรายได้จากการขายไฟส่วนเกินของครัวเรือนให้ภาครัฐกับโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ที่ได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2562
โดยโซลาร์รูฟ Green Leaf Energy มีจุดเด่นอยู่ที่การใช้นวัตกรรมระบบ Micro Inverter คุณภาพระดับสากล จากประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการผลิตและติดตั้ง โดยได้รับมาตรฐานและความน่าเชื่อถือของคุณภาพแผงโซลาร์เซลล์ในระดับเทียร์ 1 ซึ่งหมายถึงการอยู่ในกลุ่มอันดับแรกของผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือสูงที่สุดและความสามารถในการผลิตตรงตามคุณสมบัติที่กำหนด พร้อมทั้งรับประกันการติดตั้ง 2 ปี และรับประกันการผลิตไฟของแผงโซลาร์นานถึง 25 ปี ในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เริ่มที่ 41,900 บาท และช่วยลดค่าไฟสูงสุดได้ถึง 70% ซึ่งนับว่าคุ้มค่าต่อการลงทุน ปลอดภัยทั้งตัวอุปกรณ์ มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษา เข้าสำรวจพื้นที่ฟรีและรับบริการติดตั้งกับผู้เชี่ยวชาญ
“เราเป็นผู้นำนวัตกรรม เรื่องบ้านประหยัดพลังงาน เลือกนวัตกรรมโซลาร์รูฟที่ใหม่ล่าสุด มุ่งหวังให้คนไทยมีบ้านประหยัดพลังงาน ครอบคลุมทั่วประเทศ” ภายใต้แบรนด์ Green Leaf Energy นอกจากนี้ เรายังเสนอแผนการเงินที่ยืดหยุ่น ที่สามารถขายพร้อมบ้านในโครงการพฤกษา เพื่อให้ลูกค้าสามารถขอสินเชื่อโซลาร์รูฟรวมกับบ้านได้ ซึ่งแผนการเงินเหล่านี้จะทำให้ลูกค้าเข้าถึงโซลาร์รูฟได้ง่ายขึ้น ช่วยลดภาระจากค่าไฟฟ้า และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมร่วมกัน” นายบุญไทย กล่าว
เนื่องจากเดือนนี้เป็นช่วงเปิดตัวแบรนด์ใหม่ จึงขอมอบโปรโมชันพิเศษให้กับลูกค้าที่ซื้อบ้านกับพฤกษา และลูกค้าทั่วไปที่สนใจติดตั้งโซลาร์ ในราคาพิเศษกับรุ่น Solar Rooftop 1.74 kWp ในราคาเริ่มเพียง 93,000 บาท จากปกติ 99,990 พร้อมติดตั้งฟรีถึงบ้าน และมีหลากหลายรุ่นให้เลือกตามความเหมาะสมของการใช้ไฟของแต่ละประเภทบ้าน ช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้เดือนละ 600 – 10,000 บาท โปรโมชันราคาพิเศษสามารถรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line official : @greenleaf เรามีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาทุกวัน
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ กรรมการ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) บริจาคเงินส่วนตัวในนาม “ทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์” ประจำปี 2567 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 ให้กับสถาบันการศึกษา มูลนิธิ โรงพยาบาลและองค์กรสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ จำนวน 45 องค์กร รวมเป็นเงิน 48.5 ล้านบาท โดยแบ่งการสนับสนุนเป็นองค์กรด้านศาสนา 7 หน่วยงาน ด้านการศึกษา 22 หน่วยงาน และ ด้านสังคม 16 หน่วยงาน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมพิธีมอบทุนฯ ณ อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก ซึ่งเงินบริจาคส่วนนี้จะช่วยสนับสนุนการทำงานขององค์กรต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ นายทองมาได้มอบ “ทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์” ต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปีนี้นับเป็นปีที่ 15 โดยได้บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา การศึกษา และสังคม ผ่านมูลนิธิ สถาบันการศึกษา และองค์กรต่าง ๆ ไปแล้วรวมทั้งสิ้น 112 องค์กร ทั่วประเทศ รวมถึงในเนปาล เป็นยอดเงินบริจาครวมทั้งสิ้นมากกว่า 522 ล้านบาท ตามเจตนารมณ์ที่ต้องการทำนุบำรุงศาสนา สนับสนุนทุนการศึกษา และช่วยเหลือหน่วยงานต่าง ๆ ที่ทำงานเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง