December 05, 2025

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) พร้อมการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เปิดตัว “โครงการฝึกอบรมหลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพ (Master Thai Chef Program) หลักสูตรอาหารเจ (Vegetarian Food)” มุ่งใช้ “อาหารไทย” เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเสริมศักยภาพบุคลากรด้านอาหารไทยในระดับสากล 

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของประเทศ ยกระดับศิลปะ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่ระดับสากล โดยขับเคลื่อนผ่านนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” 4 ให้ 1 ปฏิรูป ให้ทักษะใหม่ให้เครื่องมือทันสมัย ให้โอกาสโตไกล ให้ธุรกิจไทยที่ดีคู่ชุมชน และปฏิรูปดีพร้อมสู่องค์กรที่ทันสมัย โดยร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) พร้อมการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ดำเนินโครงการฝึกอบรมหลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพ (Master Thai Chef Program) หลักสูตรอาหารเจ (Vegetarian Food) ด้วยการ “สร้างสรรค์และต่อยอด” ให้เกิดเสน่ห์ คุณค่า และเพิ่มมูลค่า “โน้มน้าว” ให้เกิดการยอมรับ เปิดใจ และต้องการ “เผยแพร่” ให้เป็นที่รู้จัก

นางสาวจุฑารัตน์ อาชวรัตน์ถาวร ผู้อำนวยการกองโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในเทศกาลกินเจของทุกปีนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีส่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการซื้อวัตถุดิบอาหารเจ อาหารพร้อมทาน และการใช้บริการร้านอาหาร ส่งผลให้เกิดการกระจายรายได้ในระบบเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ประกอบการท้องถิ่น เกษตรกรผู้ปลูกวัตถุดิบ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีรายได้เพิ่มขึ้น และยังดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ต่างๆ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) จึงมีแนวคิดการดำเนินโครงการ Master Thai Chef Program หลักสูตรอาหารเจ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการสร้างเชฟมืออาชีพเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างทุนมนุษย์ผ่านการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ให้กับผู้ที่เข้าร่วมโครงการ สามารถนำเอาศิลปะ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น มาต่อยอดเมนูอาหารเจ นับเป็นอีกหนึ่งพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน และยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยในเวทีโลก โดยผู้เข้าร่วมอบรมจะได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ รวมกว่า 242 ชั่วโมง ถ่ายทอดความรู้โดยผู้เชี่ยวชาญอาหารไทยและอาหารเจ พร้อมระบบการวัดและประเมินผลตามมาตรฐานวิชาชีพ ผู้ที่สอบผ่านเกณฑ์จะได้รับประกาศนียบัตรจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) หรือ ใบรับรองผู้สัมผัสอาหารจากกรมอนามัย ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติสำคัญในการประกอบอาชีพในธุรกิจอาหาร โรงแรม และบริการด้านอาหารระดับนานาชาติ

ศ.ดร.กฤษณ์ชนม์ ภูมิกิตติพิชญ์ รองอธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะผู้ร่วมดำเนินการพัฒนาหลักสูตรนี้ เล็งเห็นความสำคัญในการนำเมนูอาหารไทย และวัตถุดิบในท้องถิ่นมาใช้เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) โดยการนำเสน่ห์และภูมิปัญญาอาหารต้นตำรับ มาผสมผสานกับแนวคิดอาหารสุขภาพและอาหารทางเลือก ควบคู่กับการสร้างเครือข่ายเชฟรุ่นใหม่ที่สามารถต่อยอดอาหารไทยในมิติสุขภาพให้สามารถเติบโตในตลาดระดับสากล โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาบุคลากรเชฟมืออาชีพในหลักสูตรอาหารเจ จำนวน 500 คน ครอบคลุมพื้นที่ ภูเก็ต นครสวรรค์ สุราษฎร์ธานี นนทบุรี และปทุมธานี รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง โดยจะเปิดอบรมทั้งหมด 5 รุ่น ระหว่างเดือน กันยายน 2568 – มกราคม 2569 โดยเริ่มการอบรมรุ่นแรกในเดือนตุลาคม 2568 ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสมัครและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  http://rmutt.ac.th หรือทาง https://ofos.thacca.go.th/course/SpecialCourse  

 

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) โดยคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ National Pingtung University ประเทศไต้หวัน และสมาคม IEEE เตรียมจัดการประชุมวิชาการนานาชาติด้านการจัดการเทคโนโลยีและวิศวกรรม IEEE Technology and Engineering Management Society Conference: Asia-Pacific 2025 (IEEE TEMSCON-ASPAC 2025) ภายใต้หัวข้อ “Achieving Competitiveness in the Age of AI and Big Data Analytics” ระหว่างวันที่ 13–16 กันยายน 2568 ณ กรุงเทพมหานคร

รองศาสตราจารย์ ดร.สมหมาย ผิวสอาด อธิการบดี มทร.ธัญบุรี เผยว่า การประชุมครั้งนี้นับเป็นเวทีวิชาการสำคัญที่เปิดโอกาสให้นักวิจัย นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศนำเสนอผลงาน แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรม อันจะช่วยผลักดันผลงานวิจัยของไทยสู่ระดับสากล พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืน ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมด้านวิศวกรรมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานความรู้ การประชุมวิชาการครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทยให้สอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและโมเดล BCG Economy

ทางด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิพัทธ์ จงสวัสดิ์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพิ่มเติมว่า การที่มหาวิทยาลัยได้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดประชุมนานาชาติ IEEE TEMSCON-ASPAC 2025 สะท้อนถึงศักยภาพด้านวิชาการและการวิจัยของไทยที่ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งยังเป็นเวทีสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับนานาชาติ อันจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ยังได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ โดยการประชุมครั้งนี้จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ยกระดับผลงานวิจัยสู่สากล และเชื่อมโยงองค์ความรู้สู่ภาคอุตสาหกรรมและสังคม

งานประชุม IEEE TEMSCON-ASPAC 2025 จึงไม่เพียงเป็นเวทีทางวิชาการ หากยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนากำลังคนคุณภาพ และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี   และนวัตกรรมในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIEAT) และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย (The Federation of Thai SME Association) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ จัดตั้งศูนย์ปัญญาประดิษฐ์สำหรับเอสเอ็มอี (AI Center for SME) อย่างเป็นทางการ เพื่อผลักดันการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขับเคลื่อนผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับภูมิภาคและสากล ณ ห้องเมธาวี ชั้น 5 อาคารวิทยบริการ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มทร.ธัญบุรี

การก่อตั้งศูนย์ฯ มีเป้าหมายชัดเจนในการ สร้างระบบนิเวศด้าน AI สำหรับ SME โดยเน้นการบูรณาการองค์ความรู้จากภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ และสมาคมวิชาชีพ เข้าสู่การใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรม ครอบคลุมทั้ง การวิจัยและพัฒนา (R&D) การถ่ายทอดเทคโนโลยี การอบรมบุคลากร และการสร้างต้นแบบนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยให้ SME สามารถลดต้นทุน เพิ่มผลิตภาพ และขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รศ.ดร.สมหมาย ผิวสอาด อธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าวว่า ความร่วมมือนี้สะท้อนพันธกิจอีกบทบาทหนึ่งในการเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อชุมชนและประเทศชาติ โดยใช้ AI เป็นเครื่องมือในการยกระดับ SME โดยศูนย์ฯดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ เชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดโลก ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้นักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยได้เรียนรู้และทำงานร่วมกับภาคธุรกิจจริง อันจะนำไปสู่การสร้างกำลังคนคุณภาพสูงที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานยุคใหม่

ด้าน ศ.ดร.กฤษณ์ชนม์ ภูมิกิตติพิชญ์ รองอธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าวว่า AI Center for SME เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้าน AI และเป็นแพลตฟอร์มเชื่อมโยงกับ SME เข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ สร้างรายได้เพิ่มให้กับ SME ด้วย แพลตฟอร์ม AI ต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับบริบทของ SME นั้น ๆ เนื่องจาก SME คือฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ถ้า SME ของประเทศไทย เข้มแข็งจะส่งผลโดยตรงให้ประเทศไทยสามารถสร้างนวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่ม และแข่งขันกับตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

ขณะที่ ดร.ชาญวิทย์ บุญช่วย นายกสมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIEAT) กล่าวถึงแนวทางดำเนินงานว่า ศูนย์ฯ จะมุ่งเน้นการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในสาขาหลักที่ SME ไทยมีศักยภาพสูง เช่น การเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming), การผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing), การค้าปลีกดิจิทัล และการบริการบนแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมพัฒนาโมเดลต้นแบบที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในธุรกิจ ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปิดศูนย์ แต่คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับเศรษฐกิจไทย

ส่วน ดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เน้นย้ำว่า ความร่วมมือนี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดของ SME ไทยในเรื่องการเข้าถึงเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ซึ่งจะเป็นเหมือนคลินิกธุรกิจสำหรับ SME ที่ต้องการใช้ AI เพื่อปรับตัวและเติบโต ลดต้นทุนการลงทุนด้านเทคโนโลยี และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก

การจัดตั้ง AI Center for SME นี้ เป็นความร่วมมือกันหลายภาคส่วน ทั้งภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ และเครือข่าย SME ในการสร้างอนาคตเศรษฐกิจไทยที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยศูนย์ฯ จะเริ่มเดินหน้ากิจกรรมและโครงการนำร่องตั้งแต่ปลายปีนี้ เพื่อปูทางไปสู่การเป็น ศูนย์กลางความร่วมมือด้าน AI สำหรับ SME แห่งแรกของประเทศ.

สถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้จังหวัดปราจีนบุรี โดยเฉพาะอำเภอกบินทร์บุรี เตรียมพร้อมรับมือทุกด้าน จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว 8 แห่ง รองรับผู้อพยพได้ถึง 16,000 คน ขณะที่ มทร.ธัญบุรี วิทยาเขตปราจีนบุรี เปิดพื้นที่เป็นศูนย์รับผู้อพยพรองรับได้ 2,000 คน พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคช่วยเหลือทั้งผู้ลี้ภัยและผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือ

จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายแดนของจังหวัดสระแก้วและอาจมีการอพยพของประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงเข้ามายังจังหวัดใกล้เคียง จังหวัดปราจีนบุรี โดยเฉพาะอำเภอกบินทร์บุรี ได้ประกาศเตรียมความพร้อมเพื่อรับมืออย่างเร่งด่วน โดยได้มีการจัดเตรียมสถานที่พักพิงชั่วคราวจำนวนทั้งสิ้น 8 แห่ง ภายในเขตจังหวัดปราจีนบุรี รองรับผู้อพยพได้สูงสุดถึง 16,000 คน เพื่อให้การดูแลช่วยเหลือประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

หนึ่งในหน่วยงานที่เข้าร่วมสนับสนุนอย่างเต็มที่คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) วิทยาเขตปราจีนบุรี ซึ่งได้เปิดพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยจัดตั้งเป็น ศูนย์รับผู้อพยพ (สำรอง 1) สามารถรองรับประชาชนที่ต้องอพยพจากพื้นที่ชายแดนได้สูงสุดถึง 2,000 คน

 

ขณะเดียวกัน มทร.ธัญบุรี ยังได้ขอเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคสิ่งของจำเป็น อาทิ ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และชุดเครื่องนอน (การบริจาคจะรับเฉพาะสิ่งของจำเป็นเท่านั้น ไม่รับบริจาคในรูปแบบเงินสดหรือเงินโอนทุกกรณี) เพื่อช่วยเหลือทั้งผู้ลี้ภัยจากสถานการณ์ชายแดนและผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือที่ยังคงเผชิญกับสภาวะวิกฤต ประชาชนที่ประสงค์จะร่วมบริจาคสิ่งของสามารถนำมามอบได้ที่ ศูนย์รักษาความปลอดภัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (บริเวณข้างสนามกีฬากลาง) โทรศัพท์ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม: 02-549-3195

นอกจากนี้ มทร.ธัญบุรี ยังให้ความสำคัญในการสำรองโลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ชายแดน โดยได้เชิญชวนนักศึกษา บุคลากร และประชาชนทั่วไป ร่วมบริจาคโลหิตเพื่อสนับสนุนการรักษาทั้งทหารและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ ทางจังหวัดปราจีนบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ในทุกมิติ ทั้งด้านที่พักพิง ความปลอดภัย และสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) จัดพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ และอธิการบดี อย่างสมพระเกียรติและยิ่งใหญ่ ณ หอประชุมราชมงคล มทร.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568

พิธีเริ่มต้นเมื่อเวลา 16.00 น. โดยพิธีกรกล่าวต้อนรับและนำเข้าสู่พิธีการอย่างเป็นทางการ เริ่มด้วยการเชิญประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการแต่งตั้งบุคคลสำคัญในตำแหน่งต่าง ๆ ขึ้นวางบนพาน ณ โต๊ะหมู่บูชา หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ณัชติพงศ์ อูทอง รองอธิการบดี เป็นผู้เชิญประกาศแต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัย ตามด้วยบุคลากรเชิญประกาศแต่งตั้งกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 14 ราย และ ดร.สุทิศา จันทรบุตร รองอธิการบดี เชิญประกาศแต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ

ในลำดับพิธีสำคัญ พิธีกรได้เชิญ พลเอก ธงชัย เกื้อสกุล นายกสภามหาวิทยาลัย ขึ้นรับพระบรมราชโองการแต่งตั้ง โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.กฤษณ์ชนม์ ภูมิกิตติพิชญ์ รองอธิการบดี ปฏิบัติหน้าที่อาลักษณ์ อ่านประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องแต่งตั้งนายกสภาฯ จากนั้น พลเอก ธงชัย เกื้อสกุล ได้ถวายบังคมเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ และรับพระบรมราชโองการฯ

ต่อมา ศาสตราจารย์ ดร.กฤษณ์ชนม์ ภูมิกิตติพิชญ์ ได้อ่านประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และพิธีกรได้เชิญกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 14 ราย เข้ารับพระบรมราชโองการฯ

ในส่วนของอธิการบดี ศาสตราจารย์ ดร.กฤษณ์ชนม์ ภูมิกิตติพิชญ์ รองอธิการบดี ได้อ่านประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และพิธีกรได้เชิญ รองศาสตราจารย์ ดร.สมหมาย ผิวสอาด อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เข้ารับพระบรมราชโองการฯ

ช่วงท้ายของพิธี พลเอก ธงชัย เกื้อสกุล ในนามนายกสภามหาวิทยาลัย ได้นำกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ และอธิการบดี ถวายสัตย์ปฏิญาณเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ แสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีอย่างสง่างาม จากนั้น นายกสภามหาวิทยาลัย ผู้แทนกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ และอธิการบดี ได้กล่าวขอบคุณผู้เข้าร่วมพิธีอย่างเป็นทางการ ก่อนเสร็จสิ้นพิธีในเวลา 17.00 น.

ภายหลังพิธี แขกผู้มีเกียรติ ผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงาน คณาจารย์ และผู้แทนนักศึกษา ร่วมแสดงความยินดีและถ่ายภาพหมู่ร่วมกันในบรรยากาศแห่งความปลื้มปีติและความภาคภูมิใจของชาว มทร.ธัญบุรี ในก้าวย่างสู่การบริหารมหาวิทยาลัยภายใต้ยุคสมัยใหม่ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการศึกษาและสร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างยั่งยืน.

Page 1 of 3
X

Right Click

No right click