

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย ร่วมกับ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงาน “ดีค้าบ เฟสติวัล” (Decarb Festival) ภายใต้แนวคิด “ดีค้าบ – The Decarb Mission” ลดคาร์บอนให้โลกคูลล์ รับปีที่ 20 ของโครงการค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเพาเวอร์กรีน (Power Green Camp) หวังปลุกพลังคนรุ่นใหม่ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช่วยลดโลกร้อนและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบสร้างสรรค์ (Decarbonization) ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานที่อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 2-3 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บ้านปูมุ่งผสานพลังงานที่หลากหลายสู่การพัฒนาโซลูชันพลังงานใหม่ที่ยั่งยืน เพื่อให้พร้อมรับเทรนด์พลังงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์ Energy Symphonics เราเชื่อว่าการรักษาสมดุลทางพลังงานจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับการจัดการด้านพลังงานบนโลกใบนี้และมีส่วนสนับสนุนสังคมคาร์บอนต่ำให้เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา เราได้ส่งเสริมการลดกระบวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างเป็นระบบ (Decarbonization) ในพอร์ตธุรกิจ อาทิ การใช้เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนควบคู่ไปกับระบบแบตเตอรี่ และการส่งเสริมการเดินทางและขนส่งด้วยยานพาหนะไฟฟ้า ทั้งนี้ เราตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนลง 20% ภายในปี 2030 และก้าวสู่ Net Zero ภายในปี 2050
“บ้านปู ตระหนักดีว่าการบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา ซึ่งรวมถึง ‘คนรุ่นใหม่’ บ้านปูและมหาวิทยาลัยมหิดลจึงร่วมสนับสนุนกิจกรรมค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเพาเวอร์กรีน (Power Green Camp) มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 20 และปีนี้มาพร้อมความพิเศษด้วยการเพิ่มกิจกรรม ‘ดีค้าบ เฟสติวัล’ (Decarb Festival) ที่มุ่งปลุกพลังสร้างสรรค์คนรุ่นใหม่ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมช่วยโลกลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมเปิดพื้นที่ให้ผู้ที่มีแพสชันด้านสิ่งแวดล้อมได้มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ร่วมกันตลอด 2 วัน (ระหว่างวันที่ 2-3 พฤษภาคม) ที่อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ”

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อิทธิโชติ จักรไพวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายกายภาพและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ปัจจุบันโลกเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนและรุนแรงต่อเนื่อง ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลภาวะ ตลอดจนการขยายตัวของเมือง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน มหาวิทยาลัยมหิดลของเรามีนโยบายขับเคลื่อนในด้านสิ่งแวดล้อมหลายด้าน โดยเฉพาะที่คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นคณะสิ่งแวดล้อมแห่งแรกของประเทศไทย เรามุ่งเน้นการจัดการเรียนการสอนแบบสหวิทยาการอย่างบูรณาการ เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักสูตรที่ไม่เพียงมุ่งเน้นด้านวิชาการ แต่ยังมุ่งปลูกฝัง ‘หลักคิดและจิตสำนึก’ ในการจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืน ผ่านการเรียนรู้แบบสหวิทยาการและการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ที่สามารถเชื่อมโยงประเด็นทางสิ่งแวดล้อม สังคม และการพัฒนา สู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่กล้าออกแบบอนาคตอย่างมีความรับผิดชอบ สอดรับกับวิสัยทัศน์ Top Priority In Environment – เรื่องสิ่งแวดล้อม ต้อง ENVI MAHIDOL”

นายศิวัช แก้วเจริญ ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจก กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม หรือกรมลดโลกร้อน กล่าวว่า “ประเทศไทยได้เดินหน้าตามแผนปฏิบัติการด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. 2564 -2573 (NDC Action Plan on Mitigation 2021 - 2030) ตามที่ ครม. มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% ภายในปี 2030, มุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ในปี 2050 และ Net Zero Emission ในปี 2065 ซึ่งภาครัฐได้กำหนดกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 5 สาขา ได้แก่ สาขาพลังงาน คมนาคมขนส่ง การจัดการของเสียชุมชนและน้ำเสียอุตสาหกรรม กระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ และเกษตร รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือและกลไกในการสนับสนุนอีกด้วย อย่างไรก็ตามแม้จะเผชิญข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี และเงินทุน กรมลดโลกร้อนยังคงมุ่งมั่นสร้างความร่วมมือและส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนให้บรรลุตามเป้าที่ประเทศกำหนด และเชื่อว่าการสร้าง การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน การศึกษา และประชาสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสำคัญกับเยาวชน ซึ่งถือเป็นพลังที่สำคัญของเครือข่ายความร่วมมือ ในการขับเคลื่อนเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมในอนาคต รวมทั้งส่งเสริมเยาวชน ในการปรับตัวให้พร้อมรับมือต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาทิ โครงการพัฒนาเครือข่ายเด็กและเยาวชนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (CCE Children & Youth) โครงการอีโคสคูล (Eco-school) เพื่อเป้าหมายร่วมกันในการขับเคลื่อนสู่อนาคตเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม”
ทั้งนี้ นอกจากการเสวนาในหัวข้อ “เชื่อมโยงภารกิจสู่สังคมคาร์บอนต่ำ: รัฐ-การศึกษา-เอกชน” ภายในงานยังมีเสวนาในหัวข้อ “20 ปี Power Green Camp สร้างพลังเยาวชนด้วยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม” นำโดย นายรัฐพล สุคันธี ผู้อำนวยการสายอาวุโส-สื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน), รศ. ดร.นพพล อรุณรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, น.สพ.ศรัณย์ นราประเสริฐกุล สัตวแพทย์และนักแสดงที่มีแพสชันด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงศิษย์เก่าเยาวชนค่ายเพาเวอร์กรีน รุ่น 17 เพื่อสะท้อนบทบาทและพลังของของโครงการ Power Green Camp ในการปลูกฝังความรู้และจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชน ผ่านการบูรณาการวิทยาศาสตร์ เข้ากับการเรียนรู้และการลงมือปฎิบัติจริง รวมทั้งการมีส่วนร่วมของโครงการฯ ในการส่งเสริมศักยภาพเยาวชนเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในเรื่องสิ่งแวดล้อมทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ฟรี! ระหว่างวันนี้ถึง 3 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. ที่อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และถ้าอยากเดินทางแบบลดคาร์บอน บ้านปูได้จัดรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า 100% มูฟมี (MuvMi) รับ-ส่งฟรีระหว่างสถานีรถไฟฟ้า MRT สามย่านและอุทยาน 100 ปีจุฬาฯ ติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กเพจ https://www.facebook.com/powergreencamp
ตอกย้ำสถานีข่าวคุณภาพที่ “ทันโลก ทันเศรษฐกิจ ทันทุกความจริง” TNN ช่อง 16 จัดงานดินเนอร์ทอล์คครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี ในหัวข้อ “Mission Thailand: ภารกิจพลิกฟื้นเศรษฐกิจ” เพื่อเปิดเวทีให้ทุกท่านได้รับทราบทิศทางการบริหารเศรษฐกิจจากผู้นำสูงสุดของรัฐบาล และรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญ รวมทั้งเสียงสะท้อนจากภาคเอกชน ร่วมตีโจทย์เศรษฐกิจไทย ฝ่าด่านความท้าทายเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะมาตรการภาษีระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาของโดนัลด์ ทรัมป์ ตลอดจนแนวทางส่งเสริมการส่งออก การท่องเที่ยว และการพัฒนาอุตสาหกรรม งานจัดขึ้น ณ ห้องแมกโนเลียบอลรูม โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย โดยมี นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าสายงานทรูวิชั่นส์และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย นิวส์ เน็ตเวิร์ค (ทีเอ็นเอ็น) จำกัด เป็นประธานเปิดงานและกล่าวต้อนรับ
ในโอกาสนี้ได้รับเกียรติจาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษ แสดงวิสัยทัศน์และกลยุทธ์สำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมเน้นย้ำถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังเปิดเวทีเจาะลึกลงรายละเอียดกับ 4 กระทรวงสำคัญด้านเศรษฐกิจ และตัวแทนองค์กรภาคเอกชนชั้นนำ ที่จัดขึ้นในรูป “เอกชนถาม ภาครัฐตอบ” นับเป็นครั้งแรกที่ให้ภาคเอกชนถาม ภาครัฐกันสด ๆ บนเวที โดยมีผู้นำและบุคคลสำคัญในวงการเศรษฐกิจเข้าร่วมงาน อาทิ คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ คุณสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร คุณชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ คุณศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหารกลุ่มเดอะมอลล์ คุณสุทธิภัค จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัทกลุ่มเซ็นทรัล รวมถึงตัวแทนจากภาคเอกชนอีกมากมาย
![]()
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง “กรณีที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทยจากระดับ “มีเสถียรภาพ”เป็น “เชิงลบ” การปรับลดดังกล่าวไม่ได้สะท้อนถึงความขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย แต่เป็นการประเมินของมูดีส์ เกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ทั้งนี้ เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในปี 2008 และประเทศไทยสามารถฟื้นฟูสถานะกลับมาเป็น “มีเสถียรภาพ” ได้อย่างรวดเร็ว”
ในช่วงเวที “เอกชนถาม ภาครัฐตอบ” ระหว่าง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้หารือในหัวข้อสำคัญ “แผนปั้นจีดีพีไทย ฝ่าด่านภาษีทรัมป์” ทางด้าน คุณเกรียงไกร เผยว่า “ภาคเอกชนมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามการค้าและมาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่ได้รับภาษีในอัตราสูง โดยมีอุตสาหกรรมไทยที่ได้รับผลกระทบถึง 24 กลุ่มจากทั้งหมด 47 กลุ่ม พร้อมตั้งคำถามถึงภาครัฐเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำและโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูงและส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน” ด้านรองนายกรัฐมนตรีพิชัย กล่าวว่า “รัฐบาลเร่งดำเนินมาตรการเพื่อปรับสมดุลทางการค้า หนึ่งในแนวทางที่สำคัญคือการส่งเสริมการนำเข้าสินค้าเกษตรและพลังงานจากสหรัฐฯ พร้อมจัดการปัญหาการผ่านสินค้าจากประเทศที่สาม ภายใต้กรอบ “5 Pillars” เพื่อสร้างความมั่นคงและสมดุลทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน”
สำหรับหัวข้อ “ดันส่งออกไทย พลิกเกมการค้าโลก” ระหว่าง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยฯ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดย ดร.พจน์ กล่าวถึง “ผลกระทบจากภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่มีต่อผู้ส่งออกไทย ซึ่งไทยส่งออกไปสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 18 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด พร้อมเรียกร้องให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนการส่งออกสินค้าไปยังจีน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร” นายพิชัย ยืนยันว่า “การเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินงาน โดยมั่นใจว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทย ซึ่งคาดการณ์ว่าปีนี้การส่งออกจะเติบโตร้อยละ 3 โดยตัวเลขส่งออกในช่วง 3 เดือนแรกเติบโตร้อยละ 15.2 นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังเข้มงวดในการป้องกันปัญหาสวมสิทธิ์การส่งออก และดำเนินการ
จับกุมนอมินีแล้วกว่า 856 บริษัท คิดเป็นเงินจดทะเบียนกว่า 15,000 ล้านบาท พร้อมย้ำว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงให้เศรษฐกิจไทยในระยะยาว”

ต่อด้วยหัวข้อ “ทางรอดอุตสาหกรรมไทย ในสมรภูมิรบการค้าโลก” นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับ ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์อาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต เน้นย้ำความสำคัญของการจัดการปัญหาอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ โดยกระทรวงมีมาตรการตรวจสอบและดำเนินคดีต่อโรงงานที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่ก่อมลพิษ เช่น เหล็กเตาอินดักชั่น พร้อมผลักดันร่างกฎหมายจัดการกากอุตสาหกรรม เพื่อควบคุมการทิ้งของเสียอันตรายอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน ปลอดภัย และแข่งขันได้ในระดับสากล
ปิดท้ายสัมมนาในหัวข้อ “ปั๊มหัวใจท่องเที่ยวไทย ดูดรายได้ต่างชาติ” จากนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับ นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) เผยถึงความกังวลเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง โดยเวียดนามแซงหน้าไทยในตัวเลขล่าสุด กระทรวงฯ เร่งมาตรการฟื้นฟูการท่องเที่ยวด้วย การสื่อสารความปลอดภัยผ่าน KOL ชาวจีน และเชิญรัฐมนตรีท่องเที่ยวจีนมาเยือนไทย พร้อมพิจารณามาตรการจูงใจ เช่น การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว อีกทั้งยังสนับสนุนแนวคิดสร้างสถานบันเทิงครบวงจรในจังหวัดรอง เพื่อกระจายรายได้สู่ภูมิภาค และขอความร่วมมือภาคเอกชนดูแลค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความประทับใจและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทย
งานดินเนอร์ทอล์คครั้งนี้ ได้รับกระแสตอบรับอย่างดี ทั้งจากผู้เข้าร่วมงานและผู้ชมถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ TNN2 ทรูวิชั่นส์ ช่อง 784 และช่องทางออนไลน์ Facebook, YouTube และ Tiktok เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้สามารถติดตามข่าวสาร กิจกรรมที่น่าสนใจได้ทาง TNN ช่อง 16 และทุกแพลตฟอร์มออนไลน์
“เมตาโพลิส” บริษัทผู้พัฒนาธุรกิจโลกเสมือนจริง เมตาเวิร์ส (Metaverse) ที่มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี และรายแรกของเมืองไทย ตอกย้ำความสำเร็จเปิดตัวโปรเจกต์“Metapolis” ยิ่งใหญ่ จับมือหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา ฯ ร่วมเนรมิตเมืองจำลองเสมือนจริง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ลั่นจะพัฒนาให้เป็นเมตาเวิร์ส สมบูรณ์ที่สุดของเมืองไทยในอนาคต
![]()
นายสุกิจ ตั้งเต็มจิตร ประธานกรรมการ บริษัท เมตาโพลิส จำกัด กล่าวว่า “เมตาโพลิส” เป็นบริษัทที่เริ่มเข้ามาพัฒนาธุรกิจโลกเสมือนจริง หรือเมตาเวิร์ส (Metaverse) มาตั้งแต่ปี 2552 โดยมีประสบการณ์พัฒนาโลกเสมือนจริงและเกมสามมิติยาวนานกว่า 15 ปี เริ่มทำ Virtual 3D ให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และพัฒนาโครงการ Ubermall หรือ ห้างสรรพสินค้าเสมือนจริง โลกเสมือนจริงเชิงพาณิชย์รายแรกของประเทศไทยเมื่อปี 2554 นับเป็นความภาคภูมิใจ และความสำเร็จในโปรเจกต์เมตาเวิร์ส (Metaverse) ที่ได้รับรางวัล 10 สุดยอดซอฟต์แวร์ไทย เป็นนวัตกรรมระดับประเทศ ในการนำเทคโนโลยี Virtual 3D เข้ามาใช้ จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
ทั้งนี้ จากกระแสเมตาเวิร์ส (Metaverse) ในปัจจุบัน เราจึงมีแนวคิดจะต่อยอดนำความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมา พัฒนาโปรเจกต์ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ต่อยอดพัฒนาสร้างเมืองจำลองขึ้น โปรเจกต์โลกเสมือนจริง “Metapolis” ได้จับมือร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา ฯลฯ มาร่วมโปรเจกต์ Metapolis ไม่ว่าจะเป็น การท่าเรือแห่งประเทศไทย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮล ดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท บาเซโลนา มอเตอร์ จํากัด บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด เป็นต้น มาร่วมออกแบบเมือง เพื่อให้ผู้เล่น (User) ได้มาใช้ชีวิตดิจิทัลบนโลกเสมือนจริง
“เราได้พัฒนาสร้างเมืองจำลองขึ้นอย่างครบวงจรบนโลกเสมือนจริง Metapolis เช่น การซื้อขายครอบครองที่ดิน การช้อปปิ้งในศูนย์การค้า ฯ ผู้เล่นสามารถใช้ร่างอวตาร (Avatar) โต้ตอบ หรือมีปฏิสัมพันธ์กับเกมที่เห็นอยู่ตรงหน้า มีแผนผังโครงสร้างของกรุงเทพมหานคร สู่เมืองจำลองมี Landmarkเป็นเอกลักษณ์ของกรุงเทพมหานครฯ เช่น เสาชิงช้า ถนนราชดำเนินคลุมไปถึงเยาวราช รวมถึงสถานที่สำคัญต่าง ๆ ภายในเมือง สามารถเข้าจับจองเป็นเจ้าของเพื่อสร้างสิ่งปลูกสร้างที่เป็นตัวคุณเอง และเก็บเกี่ยวทรัพยากรต่าง ๆ พัฒนาไปสู่ผลงาน NFT (สินทรัพย์ดิจิทัล) ที่เกิดจากการสร้างด้วยตัวเอง มีการสร้างที่ดิน สร้างอาคาร และองค์ประกอบอื่น ๆ สร้างสังคม ชุมชนขึ้นมาเป็นโลกคู่ขนานกับสังคมที่เราอยู่จริง ๆ ทั้งกิจวัตรประจำวัน การทำงาน การใช้ชีวิตไปจำลองให้ได้มากที่สุด เช่น สถานศึกษา โรงพยาบาล ศูนย์การค้า การทำธุรกรรมต่าง ๆ อย่างครบวงจร”
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ที่ปรึกษาโครงการเมตาโพลิส กล่าวเสริมว่า ได้นำความรู้และประสบการณ์ด้านการเงินการธนาคาร มาเป็นแนวคิดหลักในการออกแบบระบบเศรษฐศาสตร์ของโลกเสมือนจริงแห่งนี้ ทำให้ปัจจุบันเรามีพาร์ทเนอร์หรือองค์กร ร่วมโปรเจกต์ Metapolis มากกว่า 50 ราย และได้ตั้งเป้าผู้ใช้งานไว้เบื้องต้นประมาณ 1 ล้านราย เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เรามีจุดแข็งทั้งในเรื่องประสบการณ์ และทีมงานผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ สามารถให้คำปรึกษาธุรกิจไหนบ้างที่จะเหมาะสมกับเมตาเวิร์สหรือไม่อย่างไร รวมทั้งมีพันธมิตรทางการค้าที่แข็งแรง และพร้อมจับมือไปด้วยกันในระยะยาว อาทิเช่น “การท่าเรือแห่งประเทศไทย” โดยคุณเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่เล็งเห็นความสำคัญของดิจิทัลเทคโนโลยี ในมุมของการพัฒนาภาครัฐวิสาหกิจ โดยได้นำเทคโนโลยีเมตาเวิร์สมาใช้ในการทำงาน เช่น การเปิดศูนย์ให้บริการประชาชนเสมือนจริง หรือจำลองเส้นทางโลจิสติกส์ เพื่อให้คนทั่วไปรู้ได้ว่าโลจิสติกส์มีระบบอย่างไร และทำความรู้จักเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของการท่าเรือฯ มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีพันธมิตรจาก สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ตามนโยบายภาครัฐ ที่มีแนวคิดในการนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาใช้สร้างโลกเสมือนจริง ด้วยการสร้างสำนักงานกองสลากฯ ให้คนสามารถมาใช้บริการติดต่อ สอบถาม รับเรื่องร้องเรียน หรือหวยออกสามารถดูสดได้ Virtual reality เป็นเทคโนโลยีการจำลองภาพเสมือนของสถานที่ หรือสภาพแวดล้อมแบบเหมือนเราเข้าไปนั่งในห้องส่ง นั่งดูได้เสมือนจริง เพิ่มอรรถรสในการลุ้นรางวัล เหล่านี้เป็นองค์กรภาครัฐที่มาพัฒนาร่วมกับเรา รวมถึงภาคเอกชนจากหลาย ๆ องค์กร มาร่วมในโปรเจกต์ โดยคาดว่าเราจะพัฒนา Metapolis ให้เป็นเมตาเวิร์ส ที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทยต่อไปในอนาคต
ผู้สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของประสบการณ์โลกเสมือนจริง ที่สร้างบนแผนที่จริง เพิ่มโอกาสธุรกิจของคุณในรูปแบบใหม่ในโลกเสมือนจริง Metapolis สามารถติดตามรายละเอียด และลงทะเบียนได้ที่ https://www.metapolis.in.th/