“Metthier” จับมือ “SC Asset” เสริมแกร่งความปลอดภัยและความสะดวกสบายสูงสุดให้แก่ลูกบ้านทุกระดับเซ็กเมนต์ พร้อมให้บริการด้านความปลอดภัย (Security as a Service) หนึ่งในบริการหลักของระบบ Smart Facility Management ด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิดอัจฉริยะและเทคโนโลยี AI ตรวจจับการบุกรุก เชื่อมศูนย์รวมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ MIOC เข้ากับแอป RueJai ดูแลความปลอดภัยได้อย่างไร้รอยต่อ นำข้อมูลมาวิเคราะห์ช่วยคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้า พร้อมเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชม.
นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) ผู้ให้บริการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ (Smart Facility Management) แบบครบวงจร กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมกับบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดินหน้ายกระดับความปลอดภัยและมอบความสะดวกสบายสูงสุดให้กับลูกบ้าน SC Asset ด้วยการให้บริการด้านความปลอดภัย (Security as a Service) หนึ่งในบริการหลักของ Metthier ผสานความเชี่ยวชาญจากทีมงานมืออาชีพและเทคโนโลยีขั้นสูง ตามแนวคิด “RISE ABOVE ORDINARY ที่เมทเธียร์เราเหนือกว่าด้วยเทคโนโลยี” เข้ามาดูแลความปลอดภัยภายในโครงการบ้านในเครือ SC Asset อาทิ เดอะ เจนทริ, แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด, บางกอก บูเลอวาร์ด
“Metthier” ได้ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดอัจฉริยะสามารถตรวจจับการบุกรุกได้แบบเรียลไทม์ พร้อมเทคโนโลยี AI ขั้นสูง วิเคราะห์และคาดการณ์เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้าเพื่อวางแผนป้องกัน โดยเชื่อมการทำงานร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะเมทเธียร์ (Metthier Intelligent Operation Center: MIOC) ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งยังเชื่อมระบบเข้ากับแอปพลิเคชัน “รู้ใจ” (RueJai App) ได้อย่างไร้รอยต่อ สามารถดูความเคลื่อนไหวภายในโครงการได้สะดวกยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับลูกบ้าน SC Asset พร้อมมีผู้คอยดูแลและให้ความช่วยเหลือในทุกสถานการณ์” นายขยล กล่าว
นายดิเรก ตยาคี Head of Tech Solutions บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asset กล่าวว่า “นอกจากคุณภาพของสินค้าและบริการที่ดีแล้ว ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ก็คือ ความปลอดภัย เพราะบ้านต้องเป็นที่อยู่อาศัย ที่อยู่ได้อย่างสบายใจไร้กังวล ซึ่ง SC ได้รับความไว้วางใจ จากลูกค้ามาโดยตลอด ด้วยบริการระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.
การร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับประสบการณ์ความปลอดภัยของการอยู่อาศัยของลูกบ้าน ตอกย้ำการเป็น Living Solution Provider ตามแนวคิด Human-Centric ที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อค้นหาความต้องการและโซลูชันต่างๆ ด้านที่อยู่อาศัย โดย SC จะเริ่มคิกออฟ ระบบ Smart Facility Management ในปี 2567 ทุกระดับเซกเมนต์ ซึ่งจะติดตั้งเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานมาพร้อมกับบ้านทุกหลัง ลูกบ้านสามารถใช้บริการ ผ่านแอปพลิเคชัน RueJai ภายใต้แนวคิด ช่วยเรื่องบ้าน จัดการเรื่องชีวิต”
รู้ใจ ผู้นำด้านอินชัวร์เทคธุรกิจ B2C ในประเทศไทย ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณ 2566 (เมษายน 2565 – มีนาคม 2566) โดยทำเบี้ยประกันรายปีได้กว่า 1,300 ล้านบาท พร้อมได้รับการสนับสนุนจากรอบลงทุน Series B มูลค่า 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ รู้ใจยังได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท เอฟดับบลิวดีประกันภัย จำกัด มหาชน (FWDGI) เสร็จสมบูรณ์
ในปีงบประมาณ 2566 เบี้ยประกันภัยของรู้ใจเพิ่มขึ้นถึง 20% และมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 15% แม้ว่าจะมีการเรียกร้องสินไหมเพิ่มขึ้น รู้ใจยังคงรักษาความพึงพอใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ด้วยการบริการที่เน้นความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
ในเดือนมีนาคม รู้ใจประสบความสำเร็จในการระดมทุนรอบ Series B ด้วยมูลค่า 42 ล้านดอลลาร์หรือกว่า 1,509 ล้านบาท นำโดย เอชดีไอ อินเตอร์เนชั่นแนล (HDI International) บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศในเครือ ทาแลงซ์ กรุ๊ป จากเยอรมนี (German Talanx Group) นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนเงินทุนเพิ่มเติมจากผู้ลงทุนเดิมอย่าง บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (International Finance Corporation: IFC) ที่อยู่ภายใต้เครือธนาคารโลก
ตามมาด้วยความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการบริษัท เอฟดับบลิวดีประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งทำให้รู้ใจก้าวขึ้นเป็นบริษัทประกันภัยดิจิทัลเต็มรูปแบบ พร้อมเป็นผู้ถือใบอนุญาตในการรับประกันวินาศภัยทั่วไปและขยายช่องทางการจัดจําหน่ายเพิ่มเติมทั่วประเทศ ในปีหน้า รู้ใจมุ่งมั่นขยายเครือข่ายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ต่างจังหวัดให้มากขึ้น โดยคาดว่า 40% ของโอกาสทางธุรกิจในอนาคตจะมาจากตัวแทนและนายหน้าประกันภัย และอีก 60% จะยังเป็นการดำเนินการขายโดยตรงให้กับลูกค้า
ก้าวแรกในฐานะบริษัทประกันภัย รู้ใจเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เดิมอีกครั้งในชื่อ Roojai Insurance ก่อนที่จะนำผลิตภัณฑ์ของเอฟดับบลิวดีประกันภัยมาพัฒนาเป็นกรมธรรม์ดิจิทัล ด้วยความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เองในอนาคต รู้ใจตั้งเป้าขยายธุรกิจออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด และประกันอุบัติเหตุ - สุขภาพ ซึ่งจะรวมถึงผลิตภัณฑ์ เช่น ประกันภัยสำหรับ SME, ประกันภัยการเดินทาง, ประกันภัยยานพาหนะ และประกันสุขภาพส่วนบุคคล ในอีกสองปีข้างหน้า
นิโคลัส ฟาร์เกต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งรู้ใจกรุ๊ป กล่าวว่า "นับตั้งแต่การก่อตั้งในปี 2559 รู้ใจได้แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์การเติบโตมาโดยตลอด เป้าหมายของธุรกิจของเราคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการสร้างประสบการณ์มิติใหม่ให้กับลูกค้าในราคาที่เข้าถึงได้ ด้วยฐานลูกค้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอบริการและทางเลือกที่หลากหลายแก่ลูกค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเขา และนำนวัตกรรมมาเสริมสร้างความพึงพอใจอย่างต่อเนื่อง