เรียนพี่น้องประชาชนชาวไทย
ผมในฐานะตัวแทนของแอสตร้าเซนเนก้าในประเทศไทย ขอใช้โอกาสนี้แจ้งให้ทุกท่านทราบถึงความคืบหน้า และการดำเนินงานต่างๆ ที่เราได้มุ่งมั่นทำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
เราสามารถเพิ่มการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศไทยได้กว่า 20%
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผมได้เขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับแรกเพื่อแจ้งให้ทุกท่านทราบถึงเจตนารมณ์ของเราในการทำภารกิจสำคัญ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเราพยายามเร่งส่งมอบวัคซีนให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตให้ดียิ่งขึ้นจากเดิมที่ดีและคงที่อยู่แล้ว เพื่อให้สามารถผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้มากขึ้น
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แอสตร้าเซนเนก้าได้ทำงานร่วมกับ สยามไบโอไซเอนซ์ พันธมิตรด้านการผลิตวัคซีนของเราในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด จนทำให้เราสามารถผลิตวัคซีนได้เพิ่มขึ้นกว่า 20% จากเดิมที่ผลิตได้ 580,000 โดส ต่อรอบการผลิต เพิ่มขึ้นเป็น 700,000 โดส โดยเฉลี่ย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศไทยว่าสามารถผลิตได้มากเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพื่อช่วยสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศไทยและในภูมิภาคนี้
ในเดือนตุลาคม เราได้ส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 อีก 10.5 ล้านโดส ให้กับประเทศไทย รวมยอดส่งมอบวัคซีน ณ ขณะนี้ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 35.1 ล้านโดส ตามแผนการจัดหาวัคซีนจำนวนทั้งหมด 61 ล้านโดส ให้กับประเทศไทยภายในสิ้นปีนี้ และเราจะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมตามสัญญาสั่งซื้อฉบับใหม่อีก 60 ล้านโดสในปี 2565
เราจะทำทุกวิถีทาง ทั้งการเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศและนำเข้าจากแหล่งผลิตอื่น ๆ เพิ่มเติม
ด้วยความพยายามที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมได้เคยให้คำมั่นกับทุกท่านไว้นั่นคือการพยายามจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมจากแหล่งผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าที่มีอยู่ทั่วโลก มากกว่า 20 แห่ง เพื่อส่งมอบวัคซีนให้กับประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในเร็วๆ นี้ เราจะมีการส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าที่นำเข้ามาจากแหล่งการผลิตวัคซีนอื่นๆ เพิ่มเติมให้กับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ในช่วงที่เหลือของปี 2564 ควบคู่ไปกับการผลิตและส่งมอบวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งคาดว่าจะยังคงสามารถผลิตวัคซีนได้เกินกว่าที่วางแผนไว้
ด้วยพลังใจที่เข้มแข็งของคนไทยในการยืนหยัดสู้กับมหาวิกฤตนี้ เราจะอยู่เคียงข้างและจะทำทุกวิถีทางเพื่อเร่งส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้โดยเร็วที่สุด พวกเราทุกคนที่แอสตร้าเซนเนก้า รวมถึงพันธมิตรผู้ผลิตวัคซีนยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่ของเราในการผลิตและจัดหาวัคซีน เพื่อช่วยให้สุขภาพและความเป็นอยู่ของคนในชาติกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง เราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
เราจะแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินงานต่างๆ ให้ท่านทราบต่อไป
ขอแสดงความนับถือ
นายเจมส์ ทีก
ประธาน บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด
วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนให้นำมาใช้ในภาวะฉุกเฉิน (EUL) จากองค์การอนามัยโลก (WHO) แล้ว โดยการขึ้นทะเบียนดังกล่าวมีผลทันที และครอบคลุมถึงวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยก่อนหน้านี้ด้วยเช่นเดียวกัน
องค์การอนามัยโลกได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าให้นำมาใช้ในภาวะฉุกเฉิน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา เพื่อเร่งการเข้าถึงวัคซีนและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และใน ขณะนี้ได้เพิ่มเติมในส่วนของการรับรองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทยโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นการยืนยันว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า หรือ Vaxzevria เป็นวัคซีนที่มีคุณภาพสูง และผลิตตามเกณฑ์มาตรฐานเดียวกันทั่วโลกไม่ว่าจะผลิตจากที่ใดก็ตาม
นายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “แอสตร้าเซนเนก้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่องค์การอนามัยโลกได้ให้การรับรองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทยเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน แม้ว่าที่ผ่านมา รัฐบาลในหลายประเทศจะให้การรับรองผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทยว่าเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว และตามมาตรการควบคุมการเดินทาง ผู้ที่ได้รับวัคซีนดังกล่าวสามารถเดินทางระหว่างประเทศได้ แต่การรับรองวัคซีนโดยองค์การอนามัยโลกในครั้งนี้ก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้รัฐบาลในประเทศต่างๆ ยอมรับและรับรองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าเพื่อประโยชน์ในการเดินทางที่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น”
นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด กล่าวว่า “วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทยในทุก ๆ รอบการผลิตนั้นได้ผ่านการตรวจรับรองคุณภาพจากหน่วยงานที่กำกับดูแล รวมถึงห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่ วัคซีนชุดแรกที่ได้ทำการส่งมอบให้กับแอสตร้าเซนเนก้า ผลการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ครั้งนี้ ถือเป็นข่าวดีที่ตอกย้ำถึงคุณภาพของวัคซีนที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ในฐานะศูนย์การผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศใกล้เคียง ที่ได้รับการรับรองจากองค์กรระดับโลกอย่าง WHO เรามีความภาคภูมิใจที่บริษัทของคนไทยได้รับเลือกจากแอสตร้าเซนเนก้าให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 และสามารถผลิตวัคซีนคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากล สยามไบโอไซเอนซ์ยังคงทำงานร่วมกับแอสตร้าเซนเนก้าอย่างใกล้ชิด และผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้สุขภาพและความเป็นอยู่ของคนในชาติกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง”
แอสตร้าเซนเนก้าและพันธมิตรผู้ผลิตทุกรายให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สูงสุด วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าในแต่ละรุ่นการผลิตนั้นผ่านการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพต่างๆ รวมกันมากกว่า 60 รายการ เพื่อให้ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากล
นับตั้งแต่เริ่มมีการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าจนถึง เดือน กันยายน 2564 มีผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว กว่า 585 ล้านคนทั่วโลก ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าได้สร้างประโยชน์อันยิ่งใหญ่ในการช่วยปกป้องชีวิตผู้คนมากมายจากโรคโควิด-19 ทั้งจากการเสียชีวิต กว่า 105,000 คน และจากอาการเจ็บป่วยในระดับที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากโรคโควิด-19 กว่า 620,000 คน 1
ผลการทดลองทางคลินิกยืนยันว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า มีประสิทธิผลในการป้องกันอาการเจ็บป่วยจากโรคโควิด-19 ในทุกระดับความรุนแรง และมีประสิทธิผลในการป้องกันการเจ็บป่วยในระดับที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ 100% หลังได้รับวัคซีนครบทั้งสองโดส2 นอกจากนี้ จากข้อมูลการใช้วัคซีนในประชากรทั่วโลก ยังแสดงให้เห็นว่า วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิผลในการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงจากโรคโควิด-19 ในทุกกลุ่มอายุได้มากถึง 80%-90% และยังมีประสิทธิผลครอบคลุมไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ต่างๆ รวมถึงสายพันธุ์กลายพันธุ์หลักที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุไว้ 3
แอสตร้าเซนเนก้าและพันธมิตรผู้ผลิตได้ส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว กว่า 1.5 พันล้านโดสให้แก่ประเทศต่างๆ มากกว่า 170 ประเทศทั่วโลก และ ประมาณ 2 ใน 3 ของจำนวนวัคซีนจำนวนดังกล่าวได้ถูกส่งมอบให้กับกลุ่มประเทศที่มีรายได้ต่ำและกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางค่อนไปทางต่ำ
วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า
วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า (ChAdOx1-S [Recombinant]) เดิมเรียก AZD1222 ถูกคิดค้นและพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและบริษัท วัคซีเทค ซึ่งก่อตั้งโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด วัคซีนดังกล่าวพัฒนาโดยการนำส่วนของสารพันธุกรรมที่ใช้ในการถอดรหัสการสร้างหนามโปรตีนผิวเซลล์ของไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ใส่ในโครงของอะดีโนไวรัสซึ่งก่อให้เกิดโรคไข้หวัดทั่วไปในลิงชิมแปนซีที่ถูกทำให้อ่อนแรงลงและไม่สามารถแบ่งตัวได้ โดยหลังจากฉีดวัคซีนเซลส์ในร่างกายมนุษย์จะตอบสนองโดยการสร้างโปรตีนที่มีลักษณะเดียวกันกับหนามโปรตีนผิวเซลล์ของไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ในกรณีที่ได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายในภายหลัง
เกี่ยวกับ แอสตร้าเซนเนก้า
แอสตร้าเซนเนก้า (ชื่อย่อหลักทรัพย์ AZN ในตลาดหลักทรัพย์ LSE/ STO/ Nasdaq) เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก มุ่งเน้นทางด้านการคิดค้น พัฒนา และจำหน่ายยาเพื่อการรักษาโรค โดยเฉพาะในกลุ่มยาโรคมะเร็ง กลุ่มยาโรคหัวใจ ไต และระบบเผาผลาญ และกลุ่มยาโรคทางเดินหายใจ แอสตร้าเซนเนก้า มีฐานอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร
เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับดูแลด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพของสหราชอาณาจักร (MHRA) และหน่วยงานกำกับดูแลด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพของยุโรป (EMA)