

เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย “THE COLLECTIVE One Bangkok” (เดอะ คอลเล็กทีฟ วัน แบงค็อก) โคเวิร์กกิ้งสเปซระดับลักชัวรีแห่งแรกในไทย ตั้งอยู่ภายในโครงการ One Bangkok โครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ครบครันใจกลางกรุงเทพฯ
THE COLLECTIVE เป็นแบรนด์ใหม่ล่าสุดจาก JustCo (จัสโค) ผู้นำด้านการให้บริการโคเวิร์กกิ้งสเปซระดับภูมิภาคเอเชีย พร้อมยกระดับนิยามของการทำงานยุคใหม่ ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ประสบการณ์การใช้งานที่ได้รับการรังสรรค์อย่างพิถีพิถัน และบริการระดับโลกที่ออกแบบมาเพื่อเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจที่มุ่งมั่นเติบโตอย่างมีวิสัยทัศน์
การเปิดตัวครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของ JustCo ในการขยายพอร์ตแบรนด์ระดับพรีเมียมสู่ตลาดประเทศไทย พร้อมเติมเต็มความต้องการของผู้ใช้ที่มองหาพื้นที่ทำงานที่ผสมผสานความหรูหรา ความยืดหยุ่น และการให้บริการในระดับสูงสุด
THE COLLECTIVE One Bangkok พัฒนาขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับ One Bangkok โดยเป็นสาขาที่ 3 ในพอร์ตโฟลิโอของ THE COLLECTIVE หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงในโตเกียวและไทเป และถือเป็นพื้นที่ให้บริการโคเวิร์กกิ้งสเปซแห่งที่ 6 ในเครือ JustCo ที่เปิดให้บริการในกรุงเทพฯ

มร.คง วัน ซิง ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JustCo เปิดเผยว่า การมองหาพื้นที่ทำงานใหม่ขององค์กรธุรกิจขนาดใหญ่และสตาร์ทอัพเริ่มเปลี่ยนแปลงไป โดยหันมาให้ความสำคัญกับ “คุณภาพของพื้นที่ทำงาน” มากกว่า “ราคา” ทำให้ในช่วงหลายปีมานี้ โคเวิร์กกิ้งสเปซ (Coworking Space) เป็นที่นิยมอย่างมาก และเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด องค์กรต่างๆ เริ่มมองหาสภาพแวดล้อมการทำงานระดับเกรด A ในที่ตั้งใจกลางย่านธุรกิจ เพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพมาร่วมกันขับเคลื่อนองค์กร และเพื่อรองรับการทำงานในรูปแบบไฮบริด ซึ่ง THE COLLECTIVE One Bangkok ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ และพร้อมเป็นสถานที่เชื่อมต่อโอกาสให้กับทุกองค์กรเพื่อนำพาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างมีศักยภาพ”

พื้นที่ที่ให้บริการของ THE COLLECTIVE One Bangkok มีขนาด 2,670 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนชั้น 28 ของทาวเวอร์ 4 โครงการ One Bangkok ที่ได้รับการรับรองโดยมาตรฐาน LEED for Neighborhood Development ระดับแพลตตินัมและมุ่งสู่การรับรองมาตรฐานอาคาร WELL เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองโดยมาตรฐาน WiredScore และ SmartScore for Neighborhoods ยืนยันถึงการให้บริการเชื่อมต่อดิจิทัลที่ดีที่สุด รวมถึงระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะเหนือระดับ รองรับการดำเนินธุรกิจทุกรูปแบบ อีกทั้งทำเลยังโดดเด่นตั้งอยู่ใจกลางเมืองบนถนนวิทยุ ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก และสถานที่สำคัญ เช่น โรงแรมหรู, สถานเอกอัครราชทูต, ห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหาร และสวนสาธารณะ ทำให้ THE COLLECTIVE One Bangkok มีจุดแข็งที่โดดเด่นในการให้บริการและอำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจและบุคคลทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการจัดการรับรองแขกบุคคลสำคัญ, การจัดการประชุม, หรือการเข้าพบบุคลากรคนสำคัญ
พื้นที่ของสาขาเปิดให้บริการรองรับองค์กรขนาดเล็กถึงกลาง บริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็ว บริษัทข้ามชาติ บริษัทเทคโนโลยี หรือสตาร์ทอัพ และฝ่ายบริหารขององค์กรธุรกิจ โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ประกอบด้วย ออฟฟิศส่วนตัวพร้อมใช้, ออฟฟิศสำหรับองค์กร, Hot Desk, เลานจ์รับรองแขก, ห้องประชุมอัจฉริยะ, ห้องโทรศัพท์เก็บเสียง, โซนเงียบสงบ, โซนพักผ่อน, พื้นที่จัดอีเวนต์, และแพนทรี ซึ่งตอบโจทย์สำหรับการทำงานในรูปแบบไฮบริด และเหมาะสำหรับองค์กรที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ เพื่อดึงดูดคนเก่งมาร่วมงาน และตอบโจทย์เรื่องความยืดหยุ่นในการทำงานอีกด้วย

นอกจากทำเลที่โดดเด่น THE COLLECTIVE One Bangkok ยังเป็นโคเวิร์กกิ้งสเปซที่ถูกตกแต่งอย่างมีระดับที่ผสมผสานความเป็นไทย ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากสถานีวิทยุโทรเลขศาลาแดงแห่งแรกของประเทศไทย ที่มาของชื่อ ‘ถนนวิทยุ’ หรือ Wireless Road ผสานกลิ่นอายวัฒนธรรมไทยเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัยและรายละเอียดที่ได้รับการตกแต่งอย่างประณีต ทุกองค์ประกอบได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อส่งเสริมทั้งประสิทธิภาพและความรื่นรมย์ในการทำงาน
สิ่งอำนวยความสะดวกที่ผู้ใช้บริการจะได้รับ:
ตั้งแต่การออกแบบภายในไปจนถึงการให้บริการ ทุกองค์ประกอบได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อยกระดับทั้งประสิทธิภาพการบริการ เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า THE COLLECTIVE พร้อมที่จะสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับพื้นที่ทำงานสมัยใหม่ในประเทศไทย

ในฐานะผู้นำด้านการให้บริการโคเวิร์กกิ้งสเปซระดับภูมิภาคของ JustCo สมาชิกของ THE COLLECTIVE สามารถเข้าใช้บริการพื้นที่ของ THE COLLECTIVE ได้ทั้งที่ไทเปและโตเกียว และยังสามารถใช้บริการพื้นที่ JustCo สาขาใดก็ได้ในกรุงเทพฯ และอีกกว่า 50+ สาขาทั่วโลก เพื่อตอบโจทย์การทำงานที่หลากหลายได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อกับธุรกิจในเครือข่ายของ JustCo ที่มีสาขาอยู่ทั่วเอเชียแปซิฟิค ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อโอกาสและความสำเร็จทางธุรกิจได้แบบไร้ขีดจำกัด

"THE COLLECTIVE One Bangkok ไม่ใช่เพียงแค่พื้นที่ทำงานธรรมดา แต่เป็นพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนไอเดีย การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ และการขับเคลื่อนความสำเร็จในระดับสากล ซึ่งการเปิดสาขาแห่งใหม่ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของเราที่ต้องการสร้างสรรค์นวัตกรรม ความเป็นเลิศ และยกระดับมาตรฐานของการให้บริการพื้นที่ทำงานระดับโลก” มร.คง วัน ซิง กล่าวเพิ่มเติม
“มิตซูโคชิ เดปาจิกะ” (MITSUKOSHI DEPACHIKA) ซูเปอร์มาร์เก็ต และ ฟู้ด เดสติเนชั่นระดับเวิลด์คลาสใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบแล้ววันนี้ กับหลากหลายผลิตภัณฑ์โกรเซอรี่และศูนย์รวมอาหารระดับพรีเมียมที่คัดสรรมาอย่างครบครัน ในโอกาสนี้ ได้เปิดตัวแคมเปญ “一緒に食べよう (อิชโชนิ ทาเบะโย) Let’s Feast!” เชิญชวนทุกท่านมาร่วมเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาของการชอปปิงพร้อมร่วมลิ้มลองอาหารและสัมผัสการบริการสไตล์ญี่ปุ่นต้นตำรับไปด้วยกัน ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม ถึง 18 มิถุนายน 2568
มร. โอโนะ มาซาโตะ ผู้จัดการทั่วไปของ มิตซูโคชิ เดปาจิกะ กล่าวว่า “นับตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการในประเทศไทย มิตซูโคชิ เดปาจิกะ มุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ชอปปิงในซูเปอร์มาร์เก็ต-ฟู้ดฮอลล์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ ๆ ให้กับคนกรุงเทพฯ และในวันนี้ เราพร้อมแล้วที่จะยกระดับไปอีกขั้นด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์และอาหารคุณภาพสูงจากภูมิภาคต่าง ๆ ของญี่ปุ่น ควบคู่ไปกับสินค้าท้องถิ่นชั้นเยี่ยมที่คัดสรรมาจากทั่วประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก มาให้เลือกสรรกันอย่างครบครันมากยิ่งขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม โดยจากนี้ไปเราจะมุ่งขยายไลน์สินค้า ร้านค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ มิตซูโคชิ เดปาจิกะ ยังคงเป็นหมุดหมายที่ทุกคนนึกถึงเมื่อต้องการค้นพบรสชาติและไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ในทุก ๆ วัน”
สัมผัสประสบการณ์ ในแบบฉบับ “เดปาจิกะ”
มิตซูโคชิ เดปาจิกะ เกิดจากความร่วมมือระหว่าง วัน แบงค็อก และอิเซตัน มิตซูโคชิ โฮลดิ้ง (Isetan Mitsukoshi Holdings) นับเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต-ฟู้ดฮอลล์แห่งแรกในประเทศไทยที่นำเสนอคอนเซ็ปต์ “เดปาจิกะ” อันหมายถึงศูนย์รวมโกรเซอรี่และอาหารระดับไฮเอนด์ที่ตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ มิตซูโคชิ เดปาจิกะ โดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งใจกลางกรุงเทพฯ ที่ผสมผสานรูปแบบของซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ดฮอลล์ระดับพรีเมียมเข้ากันได้อย่างลงตัว ที่นี่ ลูกค้าและฟู้ดเลิฟเวอร์จะได้เพลิดเพลิน และสรรหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันมาอย่างดีที่สุด พร้อมสัมผัสประสบการณ์ Grocerant ที่ไร้รอยต่อ รวมถึงการบริการในแบบฉบับของ “มิตซูโคชิ” ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การชอปปิงอาหารและโกรเซอรี่ในกรุงเทพฯ ให้เหนือชั้นไปอีกขั้น
มิตซูโคชิ เดปาจิกะ แบ่งออกเป็นสองโซน โดยแต่ละโซนนำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่างหากแต่มุ่งเติมเต็มเพื่อกันและกัน โดยทั้งสองโซนประกอบด้วย
· โซนอาหาร (MITSUKOSHI Gourmet Zone): เพลิดเพลินกับของกินและร้านอาหารระดับพรีเมียมที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก "Yokosho" ตรอกร้านอาหารในญี่ปุ่น ประกอบไปด้วยร้านค้ากว่า 20 ร้าน โดยกว่า 10 ร้าน เป็นร้านที่มีเฉพาะที่ มิตซูโคชิ เดปาจิกะ เท่านั้น ครอบคลุมตั้งแต่ขนมหวานญี่ปุ่นยอดนิยมไปจนถึงอาหารนานาชาติ ตอบสนองทุกความชื่นชอบ รวมถึงร้านอาหารที่เปิดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เช่น Warabimochi Kamakura, Shodai Bio Nature, Takeshi Shibata, Ponpocotei, Gin Sara, Yaorin และ Chaya Ganyudo นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารชื่อดังที่มาเปิดสาขาในศูนย์การค้าเป็นครั้งแรก อาทิ Gateau Lien และ Pala Pizza Romana & Bistrot
· โซนซูเปอร์มาร์เก็ต (MITSUKOSHI Supermarket Zone): แหล่งรวมสินค้าและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารและของใช้ในชีวิตประจำวันกว่า 10,000 รายการ ทั้งจากประเทศไทย นำเข้าจากญี่ปุ่น และจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ด้วยคอนเซปต์ Grocerant ที่ผสมผสานประสบการณ์การรับประทานอาหารและการเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว ไฮไลท์ที่น่าสนใจ ได้แก่ ผักและผลไม้สดตามฤดูกาล ส่งตรงจากเครือข่ายเกษตรกรที่มีคุณภาพของมิตซูโคชิในญี่ปุ่น, Japanese Wagyu Destination พบเนื้อวากิวระดับพรีเมียม และบริการจาก Meat Master ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้บริการ cooking เพื่อรับประทานในร้าน, Seafood Experience from Japan อาหารทะเลพิเศษตามฤดูกาลส่งตรงจากญี่ปุ่น พร้อมซูชิและซาชิมิหลากหลายชนิด, MITSUKOSHI Selections Corner คอลเลกชั่นสินค้า "Only at MITSUKOSHI" สินค้าจากญี่ปุ่นที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีเยี่ยม มีจำหน่ายแค่ที่นี่เท่านั้น, โกรเซอรี่ระดับพรีเมี่ยม ครบครันด้วยสารพันสินค้าในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ส่วนผสมเครื่องปรุงอาหารญี่ปุ่น ไปจนผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ รวมทั้ง มุมผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและความงามนำเข้าจากญี่ปุ่นและเกาหลี, Murahata Fruit Parlor ร้านผลไม้ชื่อดังของญี่ปุ่น, Deli Bar อาหารพร้อมรับประทานที่ปรุงสดใหม่ทุกวัน และ Specialty Stores ร้านสินค้าเฉพาะทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลากหลาย ตั้งแต่มิโซะสดจาก Kuranoya ไปจนถึง Jalux ร้านจำหน่ายขนมและของที่ระลึกมากมายจากญี่ปุ่นแท้ ๆ

แคมเปญ Let's Feast! โปรโมชันแห่งปีพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ
เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้า มิตซูโคชิ เดปาจิกะ เปิดตัวแคมเปญ "一緒に食べよう Let's Feast!" โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม ถึง 18 มิถุนายน 2568 กับโปรโมชันที่พลาดไม่ได้และอีเวนต์อาหารสุดพิเศษมากมาย
· ห้ามพลาด “LUCKY DAYS 3 วันเท่านั้น” ตั้งแต่ 23 – 25 พฤษภาคม 2568
o เฉพาะวันที่ 23 พฤษภาคม 2568: สมาชิก 100 ท่านแรกที่ใช้จ่าย 1,000 บาทขึ้นไป รับส่วนลดฟรี 500 บาท
o รับคะแนน 10 เท่า: รับคะแนนสมาชิก 10 เท่าสำหรับทุกยอดซื้อ
o ถุงนำโชค Fukubukuro: ลดสูงสุด 50% (จำนวนจำกัด)
o Tsume-hōdai: เลือกสินค้าใส่ถุงได้ไม่จำกัดและจ่ายในราคาเดียว
o Lucky Set และ โปรโมชันร้านค้าต่าง ๆ ใน MITSUKOSHI gourmet zone
· ไฮไลท์สุดพิเศษตลอดช่วงแคมเปญ
o Weekend Lucky Draw: ลุ้นรับรางวัลมากมายพร้อมร่วมรับประทานอาหารฟรี ทุกวันเสาร์ อาทิตย์
o Dining Delights: ลิ้มลองอาหารจานพิเศษพร้อมส่วนลด 50%
o Exclusive Cooler Bag: รับกระเป๋าเก็บความเย็นฟรี เมื่อใช้จ่าย 2,500 บาทในโซน ซูเปอร์มาร์เก็ต และ Gourmet ภายในวันเดียวกัน
o Top Spender Prize: ลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายสูงสุดในช่วงเดือนของแคมเปญ รับฟรีแพ็คเกจห้องพักสุดหรูจากโรงแรม The Ritz-Carlton, Bangkok
สัมผัสสุดยอดประสบการณ์ชอปและชิมเต็มรูปแบบได้แล้วที่ มิตซูโคชิ เดปาจิกะ ศูนย์รวมสินค้าและอาหารชั้นเลิศ พร้อมบริการและการต้อนรับที่อบอุ่นแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ ใจกลางกรุงเทพฯ ที่ ชั้น B1 โซน พาเหรด วัน แบงค็อก ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.onebangkokmitsukoshi.com/.
มูจิ ประเทศไทย (MUJI) เดินหน้ากลยุทธ์การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เปิดตัวคอนเซ็ปต์สโตร์สาขาล่าสุด “มูจิ วัน แบงค็อก” (MUJI ONE BANGKOK) บนทำเลศูนย์กลางธุรกิจ ไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยวระดับเมกะโปรเจคท์แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ นับเป็นสาขาที่มีพื้นทึ่มากที่สุดในประเทศไทยกว่า 3,040 ตารางเมตร มอบประสบการณ์ช้อปปิ้ง ที่ไม่แตกต่างจากสาขาของมูจิในประเทศญี่ปุ่น ชูความครบครันและหลากหลายของสินค้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันของ MUJI ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ของการใช้ชีวิต มากกว่า 5,000 รายการ คุณภาพมาตรฐานระดับญี่ปุ่น ในราคาที่จับต้องได้ ปักธงเป็นสาขาหลักของมูจิในประเทศไทยที่จะใช้เปิดตัว และจำหน่ายสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษ รวมถึงใช้จัดกิจกรรมทางการตลาดหลากหลายรูปแบบ ตั้งเป้าเป็น Must-Visit Destination ที่ลูกค้าชาวไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปักหมุดในเช็คลิสต์เมื่อมาเยือน “วัน แบงค็อก”

นายอกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “การเปิดตัว “มูจิ วัน แบงค็อก” เกิดขึ้นด้วยความมุ่งมั่นของบริษัทที่ต้องการยกระดับรูปแบบร้านค้าให้เป็นไลฟ์สไตล์สโตร์ที่เป็นมากกว่าประสบการณ์การจับจ่ายใช้สอยแต่ยังเป็นสถานที่ที่ลูกค้าสามารถเข้ามาใช้ชีวิตประจำวัน ได้อย่างครบครันในทุกมิติ ควบคู่กับการเดินหน้ากลยุทธ์ในการขยายสาขาไปยังทั่วทุกภูมิภาค รวมทั้งสิ้นเป็น 38 สาขาสำหรับประเทศไทยในปัจจุบัน โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เราได้รุกเปิดสาขาใหม่กว่า 14 แห่ง แบ่งออกเป็น 4 สาขาในปี 2565 และ 3 สาขาในปี 2566 และในปีนี้มีการเปิดตัวสาขาใหม่ไปแล้วถึง 7 สาขา โดยหากแบ่งสัดส่วนการเปิดตัวสาขาใหม่ทั้งหมดตามพื้นที่ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา สามารถแบ่งออกเป็นสาขาในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 7 สาขา และในต่างจังหวัดอีก 7 สาขา ทำให้ปัจจุบันเรามีร้านมูจิสโตร์ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย ตามเป้าหมายในการเป็นแบรนด์สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคน”
“ด้วยทำเล และความมุ่งมั่นของโครงการ “วัน แบงค็อก” ที่ต้องการเป็นศูนย์กลางธุรกิจ ไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยวระดับเมกะโปรเจคท์แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นเดสทิเนชั่นใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาสู่โครงการอย่างมหาศาล รวมถึงพื้นที่ของคอนเซ็ปต์สโตร์ที่กว้างขวางกว่า 3,040 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดของไทยในปัจจุบัน ทำให้ “มูจิ วัน แบงค็อก” มีพื้นที่ในการแสดงสินค้าที่หลากหลายครบทุกประเภทผลิตภัณฑ์ไม่แตกต่างจากสาขาหลักในประเทศญี่ปุ่น ภายในสโตร์แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า อาทิ
ทุกสิ่งที่คุณต้องการใช้งานในชีวิตประจำวัน ครบจบที่นี่




นอกจากนี้ยังมีโซนอุปกรณ์เครื่องเขียนและสำนักงานหนึ่งในประเภทสินค้ายอดนิยมของมูจิและโซนอุปกรณ์สำหรับการเดินทาง รวมถึงสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย”
สินค้าและบริการใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่นี่ที่เดียว
“ด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการให้ “มูจิ วัน แบงค็อก” เป็นสาขาหลักของมูจิในประเทศไทย จึงมีการเปิดตัวสเปซ “Open MUJI” เป็นครั้งแรกในประเทศไทยเพื่อใช้เป็นพื้นที่เปิดตัวและจำหน่ายสินค้าคอลเลคชั่นใหม่คอลเลคชั่นพิเศษ รวมถึงใช้จัดแสดงนิทรรศการ กิจกรรมเวิร์กช้อป และกิจกรรมทางการตลาดหลากหลายรูปแบบ โดยมีวัตถุประสงค์ให้พื้นที่นี้ สะท้อนแนวคิดของมูจิในการเชื่อมต่อกับลูกค้า สังคมและชุมชน
ทั้งยังนำเสนอรูปแบบของการช้อปปิ้งที่แปลกใหม่ โดยดึงเอาข้อดีหลายๆ ด้านของแนวคิดการออกแบบในสไตล์ญี่ปุ่นมาผสานเข้ากับ วัฒนธรรม และความชื่นชอบในแบบของคนไทย จนเกิดเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของสินค้า บริการ และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ถูกคิดและออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบอาทิ โซน Grab & Go พื้นที่สะดวกซื้อ ซึ่งเปิดบริการตั้งแต่ 7.00 น. นำเสนอสินค้าประเภทอาหาร เครื่องดื่ม กาแฟ เบเกอรี่ ทั้งแบบกึ่งสำเร็จรูป และแบบทำสดใหม่พร้อมรับประทาน โซน Green& Outdoor Goods สินค้าต้นไม้หลากหลายประเภท ของประดับตกแต่งสวน และเฟอร์นิเจอร์แบบกลางแจ้ง โซน PET Products เอาใจคนรักสัตว์ด้วยสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ และออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเช่น ชามอาหาร และเบาะสัตว์เลี้ยง รวมถึงโซน Services ต่างๆ ที่เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ “มูจิ วัน แบงค็อก” ที่เดียว เช่นบริการปักผ้า และสกรีนที่สามารถนำสินค้าของมูจิ มาปักหรือสกรีนตัวอักษร และลวดลายการ์ตูนที่มีให้เลือกกว่า 200 ลาย รวมถึงลายพิเศษที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับสาขา “มูจิ วัน แบงค็อก” จากฝีมือการสร้างสรรค์ของนักวาดภาพประกอบรุ่นใหม่ชาวไทยอย่าง ReenP, Atelier Pakawan และ Fahsuwaree นอกจากนี้ลูกค้าสามารถนำลายที่ตัวเองออกแบบหรือชื่นชอบ มาใช้บริการปัก หรือพิมพ์ลายสกรีนได้ที่สาขานี้เป็นสาขาแรกในกรุงเทพมหานครฯ หลังจากเปิดตัวบริการนี้เป็นครั้งแรกในไทยที่มูจิ เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต เมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมา”

ริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อสนับสนุนชุมชนและความยั่งยืน
“นอกจากนี้มูจิ ประเทศไทยยังคงให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืน ผ่านโซนต่างๆ ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม และการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน (Local Community Collaboration) ได้แก่ Community Market ตลาดนัดมูจิ เพื่อให้ร้านค้าท้องถิ่นสามารถเข้ามาจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นหลากหลาย โดยจะมีการจัดกิจกรรมตั้งแต่วันเปิดคอนเซ็ปต์สโตร์จนถึงวันที่ 1 ธ.ค. นี้ Refill Station ที่ MUJI วางจำหน่ายสินค้าจากแบรนด์ Normal Refill ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบรีฟิล ที่ผลิตขึ้นจากส่วนผสมหลักจากธรรมชาติอย่าง ผลมะคำดีควาย เก็บเกี่ยวด้วยคนในท้องถิ่น สร้างรายได้กลับสู่ชุมชน ReMUJI การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าด้วยการนำเสื้อผ้าใหม่ที่ไม่เคยผ่านการใช้งานในคอลเลคชั่นเก่าของมูจิ มาผ่านกระบวนการย้อมครามเพื่อ นำกลับมาขายใหม่ Local Products ที่มีจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะสาขา “มูจิ วัน แบงค็อก” นำเสนอผลิตภัณฑ์ซึ่งมูจิ ประเทศไทยที่ร่วมพัฒนาสินค้ากับผู้ประกอบการแบรนด์เซรามิกท้องถิ่นจากจังหวัดเชียงใหม่ได้แก่ InClay Studio และ Charm-learn Studio โดยเชื่อมั่นว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ทางแบรนด์สร้างสรรค์และคิดมาอย่างพิถีพิถันจะช่วยส่งเสริมให้ “มูจิ วัน แบงค็อก” เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่ลูกค้าชาวไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่พลาดที่จะมาเยี่ยมเยือนเมื่อเข้ามาใช้ไลฟ์สไตล์ หรือท่องเที่ยวในโครงการ “วัน แบงค็อก” นายอกิฮิโร่เสริม

นางสาวอริญา พันธุมโกมล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มูจิ รีเทล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “มูจิ ประเทศไทย มุ่งการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการเปิดตัวคอนเซ็ปต์สโตร์ “มูจิ วัน แบงค็อก” สู่กลุ่มเป้าหมาย ในวงกว้าง โดยใช้ช่องทางและวิธีการสื่อสารหลากหลายรูปแบบทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ รวมถึงมีการใช้สื่อนอกบ้าน (Out of home) ทั้งยังมีการใช้อินฟลูเอนเซอร์และเซเลบริตี้ชื่อดังอย่าง อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ และโบว์-เมลดา สุศรี มาร่วมงานเปิดตัวสาขาอย่างเป็นทางการเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ของสาขา “มูจิ วัน แบงค็อก” นอกจากนี้ในช่วงเปิดสาขาใหม่ บริษัท ยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี เพื่อกระตุ้นยอดขายเอาใจแฟนๆ ของมูจิที่มาหาซื้อของขวัญ สร้างความคึกคักให้กับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ด้วยข้อเสนอพิเศษสำหรับการซื้อสินค้ายอดนิยมหลายรายการ และการมอบของสมนาคุณพิเศษ Limited Jute Bag ลายพิเศษ MUJI One Bangkok เมื่อซื้อสินค้า มูจิครบ 2,000 บาท* นอกจากนี้ยังมีสิทธิ์ร่วมลุ้นรับตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-โตเกียว จาก All Nippon Airlines รวมถึงกระเป๋าเดินทาง MUJI และไอเทมอื่นๆ อีกมากมาย ระหว่างวันที่ 1-10 พ.ย. นี้ ไม่เพียงเท่านั้นสำหรับลูกค้าใหม่ที่แอดไลน์ (LINE) MUJI Thailand รับ E-Cash Coupon ส่วนลด 300 บาท* สำหรับซื้อสินค้าขั้นต่ำ 3,000 บาท* ตั้งแต่วันที่ 1-31 พ.ย.นี้ อีกด้วย ”

นอกจากนี้เรายังมีเครื่องกาชาปองสุดพิเศษต้อนรับการเปิดตัวสาขา “มูจิ วัน แบงค็อก” ให้ลูกค้าสามารถร่วมสนุกกับการสะสมสินค้ายอดนิยมของมูจิจำลองในขนาดจิ๋ว ที่ถือเป็นไอเทมลิมิเต็ดที่สามารถซื้อเป็นของขวัญและของฝากในช่วงเปิดตัวสาขาใหม่อย่างเป็นทางการ”
สัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ได้ที่คอนเซ็ปต์สโตร์สาขาล่าสุด “มูจิ วัน แบงค็อก” ชั้น B1 โซน Parade โครงการ “วัน แบงค็อก” หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม Facebook: MUJI Thailand และ Instagram: MUJI_Thailand / LINE Official Account : @MUJIThailand
วัน แบงค็อก (One Bangkok) โครงการอสังหาริมทรัพย์ต้นแบบกรีนสมาร์ทซิตี้ใจกลางกรุงเทพฯที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนครอบคลุมในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด The Heart of Bangkok เมืองที่ใช้ใจสร้าง โดยยึดเอา “หัวใจ” ของผู้คนเป็นศูนย์กลาง ร่วมสนับสนุนเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567 (Bangkok Design Week 2024) จับมือกับศิลปินและนักออกแบบชื่อดังมากมาย รังสรรค์ “วัน แบงค็อก พาวิลเลียน (One Bangkok Pavilion)” ตอกย้ำความมุ่งมั่นของโครงการฯ ในการนำศิลปะและวัฒนธรรมมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ผ่านการจัดแสดงพื้นที่สร้างสรรค์และโปรแกรมศิลปะหลากหลายแขนง (Inspiring Urban Canvas)

จรินทร์ทิพย์ ชูหมื่นไวย หัวหน้าภัณฑารักษ์และผู้บริหารฝ่ายศิลปะและวัฒนธรรม และรองผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการสื่อสารและประชาสัมพันธ์แบรนด์เชิงกลยุทธ์ โครงการ วัน แบงค็อก กล่าวว่า “วัน แบงค็อก ร่วมสนับสนุนเทศกาล Bangkok Design Week ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยความเชื่อว่าศิลปะและวัฒนธรรมจะพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ผู้คนและเมือง ช่วยสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้กับทุกคน เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การเข้ามามีบทบาทในเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ ของ วัน แบงค็อก ในปีนี้จึงเป็นการตอกย้ำความตั้งใจและวิสัยทัศน์ของโครงการฯ ในฐานะผู้สนับสนุนอุตสาหกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ของไทย ให้เป็นที่ประจักษ์ยิ่งขึ้นในวงการศิลปะ การออกแบบสร้างสรรค์ และบุคคลทั่วไป โดยเราได้รังสรรค์ วัน แบงค็อก พาวิลเลียน ให้สอดคล้องกับแนวคิดของเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567 ที่ว่า ‘Livable Scape คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดี’ โดยตีความแนวคิดเรื่องการร่วมมือระหว่างผู้คน (Collaboration) ซึ่งถือเป็นกลไกหลักในการพัฒนาพื้นที่ให้มีศักยภาพ อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสื่อเรื่องราวและเชื่อมโยงกับการสร้างเมือง พร้อมเนรมิตพาวิลเลียนแห่งนี้ให้เป็นพื้นที่จำลองของเมืองน่าอยู่ โดยร่วมมือกับหลากหลายครีเอเตอร์และศิลปินเพื่อส่งต่อพลังของการมีส่วนร่วมและศิลปะไปสู่ทุกคน (Inspiring Urban Canvas)”
วัน แบงค็อก จุดประกายชีวิตให้ใกล้ชิดศิลปะ(Open Up Art to Life) โดยจับมือกับ Supermachine Studio สตูดิโอดีไซน์ชื่อดังเจ้าของรางวัลระดับโลก ในการออกแบบ “วัน แบงค็อก พาวิลเลียน” ให้สามารถเข้าถึงง่ายและสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับ Kids Bloom และ Yimsamer สองมัลติมีเดียเอเจนซีที่เชี่ยวชาญด้านงานอิมเมอร์ซีฟ จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ผ่านเกมกระโดดแบบร่วมสมัยบนจออินเทอร์แอคทีฟที่ได้แรงบันดาลใจมากจากเกม ‘ตั้งเต’ เชื้อเชิญให้ทุกคนเข้ามาร่วมสนุกในพื้นที่ของพาวิลเลียน
ด้าน ปิตุพงษ์ เชาวกุล สถาปนิกและผู้ก่อตั้งบริษัท Supermachine Studio กล่าวถึงการออกแบบ ‘วัน แบงค็อก พาวิลเลียน’ ว่า “จากแนวคิด ‘Inspiring Urban Canvas’ เราได้ตีความการออกแบบตัวพาวิลเลียนให้มีรูปทรงคล้ายกับปราสาทที่สร้างขึ้นมาจากบล็อกไม้ หรือ wooden block ซึ่งเปรียบเทียบรูปทรงเรขาคณิตที่มีความแตกต่างและหลากหลายกับการสร้างเมืองที่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกคน โดยแต่ละคนช่วยกันคนละไม้ละมือ นำความฝัน และแรงบันดาลใจของตัวเองมาเรียงร้อยกันให้พาวิลเลียนนี้สมบูรณ์ พร้อมให้ทุกคนเข้ามาร่วมสนุกและมีปฏิสัมพันธ์ได้ตลอดเวลา ไม่ซับซ้อนเข้าถึงยากจนถูกมองว่าเป็นเพียงสถาปัตยกรรมที่ตั้งตระหง่าน หรือเป็นเพียงฉากหลังในรูปถ่าย และที่สำคัญคือจะต้องเป็นพื้นที่ที่ให้อิสระแก่ผู้ร่วมงานในการตีความการใช้งานในแบบของตนเอง จนเกิดเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับทุกคน”

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่เมืองให้เกิดศักยภาพ นำเสนอผ่านศิลปะ วัฒนธรรม และดนตรี ร่วมกับหลากหลายศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ กิจกรรม Live Paint โดย BIGDEL และ MRKREME สองศิลปินสตรีทอาร์ตชื่อดังจาก Bridge Art Agency ที่จะมาวาดลวดลายระบายสีสันในแบบของตัวเอง บนตัวบล็อกของพาวิลเลียน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและพลังชีวิตตลอดเทศกาล, การแสดงดนตรีสดพร้อมกับเพ้นต์ภาพ บอกเล่าเรื่องราวของเมืองหลวงและเมืองในฝันผ่านท่วงทำนองดนตรีที่สอดประสานไปกับภาพวาด ของฝาแฝดมะเขือเทศ โดย S I R I เจ้าของลายผลงาน Tomato Twins และ รศ.ดร. ภาธร ศรีกรานนท์ นักดนตรี นักประพันธ์เพลงระดับนานาชาติ อดีตสมาชิกวง อส.วันศุกร์, กิจกรรม Urban Swing Dancing ที่จะเปิดฟลอร์แห่งความสนุกให้ทุกคนลุกขึ้นมาเต้นกับ Jelly Roll Dance Club และ The Stumbling Swingout, เสียงเพลงจากเหล่าดีเจ จาก Bangkok Community Radio ที่จะมาขับกล่อมบรรยากาศยามค่ำคืนให้ไม่เงียบเหงา, การแสดงเพอร์คัสชันจาก Tiger Drum Thailand, กิจกรรมเวิร์คช็อปศิลปะ History On Screen ที่คนรักงานคราฟต์ต้องลองกับคลาสการพิมพ์ซิลค์สกรีนด้วยลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ของพื้นที่บริเวณถนนวิทยุและพระราม 4 โดย TNT SCREEN x Tosmile28 เพิ่มความพิเศษด้วยน้ำโซดารสชาติที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาใหม่โดย Aircraft Cola, Performing Art ศิลปะการแสดงสำหรับเด็กและInteractive Movement Performance โดย BICT Fest เทศกาลละครนานาชาติสำหรับเด็กและเยาวชนและ BIPAM เทศกาลศิลปะการแสดงร่วมสมัยนานาชาติ รวมถึงอีกหลากหลายกิจกรรมที่จะมาสร้างสีสันตลอดงาน
พบกับ “วัน แบงค็อก พาวิลเลียน (One Bangkok Pavilion)” ในเทศกาลออกแบบกรุงเทพฯ 2567 ณ ลานหน้าไปรษณีย์กลาง บางรัก ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 11:00 – 22:00 น. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ติดตามตารางงานและรายละเอียดกิจกรรมทาง Instagram @onebangkokartandculture หรือ ทางเว็บไซต์ www.onebangkok.com
วัน แบงค็อก (One Bangkok) ตอกย้ำวิสัยทัศน์ด้านการสนับสนุนด้านศิลปะและวัฒนธรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและเมือง จัดแสดง วัน แบงค็อก พาวิลเลียน (One Bangkok Pavilion) นิทรรศการศิลปะคอนเซปต์ “Inspiring Urban Canvas” ในเทศกาลออกแบบกรุงเทพฯ 2567 (Bangkok Design Week 2024) ภายใต้แนวคิด “Livable Scape คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดี” โดยร่วมมือกับ Supermachine Studio สตูดิโอดีไซน์ชื่อดังเจ้าของรางวัลระดับโลก ในการออกแบบพาวิลเลียนให้เป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถเข้ามาร่วมสนุกได้ตลอดเวลา โดยการดีไซน์ดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจจากของเล่นตัวต่อหรือบล็อกไม้ (Wooden block) เกมที่นำชิ้นบล็อกไม้รูปเรขาคณิตหลากหลายทรงมาเรียงต่อกันเป็นรูปปราสาท เสมือนกับการสร้างเมืองที่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกคน และต่อยอดไอเดีย wooden block สู่การเล่นตั้งเตบนจออินเทอแรคทีฟ จากสองมัลติมีเดียเอเจนซีผู้เชี่ยวชาญด้านงานอิมเมอร์ซีฟ อย่าง Kids Bloom และ Yimsamer
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่เมืองให้เกิดศักยภาพ นำเสนอผ่านศิลปะ วัฒนธรรม และดนตรี เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คน ผ่านโปรแกรมศิลปะมากมายที่เปิดให้ผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมสนุก อาทิ กิจกรรม Live Paint โดย BIGDEL และ MRKREME สองศิลปินสตรีทอาร์ตจาก Bride Art Agency กิจกรรมเวิร์คช็อปศิลปะที่คนรักงานคราฟต์ต้องลองกับการอัดลายแม่พิมพ์ด้วยเทคนิคซิลค์สกรีน โดย TNT SCREEN คลาสสอนสวิงแดนซ์ โดย Jelly Roll Dance Club และ The Stumbling Swingout พลาดไม่ได้กับ 8 ดีเจจาก Bangkok Community Radio ที่จะหมุนเวียนมาสร้างสีสันภายในงาน ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม – 4 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ ณ ลานหน้าไปรษณีย์กลาง บางรัก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.onebangkok.com หรือติดตาม Instagram ได้ที่ @onebangkokartandculture