“โครงการสหพัฒน์ให้น้อง” อีกหนึ่งโครงการดี ๆ ที่บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้เป้าหมายสำคัญในการสนับสนุนเยาวชนไทยให้เห็นคุณค่าของ การทำความดี ปลูกฝังเยาวชนไทยตั้งแต่วัยเด็ก ให้เติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่ดีและมีความซื่อสัตย์ ด้วยการส่งต่อเรื่องราวเพื่อเป็นแรงบันดาลใจผ่านทางรายการสร้างสรรค์เพื่อสังคม
สำหรับในปีนี้ “โครงการสหพัฒน์ให้น้อง” เดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 8 แล้ว โดยที่ผ่านมาได้บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ตัวจิ๋วไปแล้ว 182 โรงเรียน ซึ่งการดำเนินการในปีนี้มีเป้าหมายลงพื้นที่โรงเรียน 26 แห่ง ที่มีการอบรมปลูกฝังให้นักเรียนเป็นเด็กดี มีคุณธรรม ร่วมเฟ้นหาและพูดคุยกับ “ยอดมนุษย์ตัวจิ๋ว” (Little Hero) ตัวแทนเด็กดี ประพฤติดี มีคุณธรรม ซื่อสัตย์ กตัญญู มีจิตอาสา มีความโดดเด่นในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการทำความดีให้ครอบครัวและสังคม โดยเกณฑ์ในการคัดเลือกโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ จะมุ่งไปยังโรงเรียนขนาดกลางที่มีจำนวนนักเรียน 200-250 คน และเป็นโรงเรียนที่มีการปลูกฝังส่งเสริมคุณธรรมให้กับนักเรียน เพื่อบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ให้เติบโตเป็นต้นกล้าที่งดงาม เป็นอีกพลังในการขับเคลื่อนสังคมและประเทศชาติให้มีแต่ความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
ล่าสุด ทีมงานสหพัฒน์ ได้ลงพื้นที่โรงเรียนวัดธัญญะผล จ.ปทุมธานี เพื่อตามหาน้อง ๆ ที่เป็นเด็กดี มีคุณธรรม และมีความซื่อสัตย์ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนใน สังคมไทย พร้อมให้ความรู้แก่น้อง ๆ ผ่าน กิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โครงการธนาคารขยะออมทรัพย์ เรียนรู้เรื่องการแยกขยะเพื่อลดปริมาณขยะ จากวิทยากรประจำฐาน การ DIY สิ่งของจากขยะเหลือทิ้งที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อให้น้อง ๆ สามารถนำความรู้ไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองโรงเรียนและชุมชนต่อไป
“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” รองประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เด็กและเยาวชน ถือเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ซึ่ง"โครงการสหพัฒน์ให้น้อง" มุ่งมั่นในการสนับสนุนเยาวชนไทยให้เห็นคุณค่าของการทำความดี ปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก ให้เติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่ดีและมีความซื่อสัตย์ โดยเราเชื่อว่าโรงเรียนเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่สามารถบ่มเพาะเยาวชนคุณภาพได้ เป็นอีกพลังในการขับเคลื่อนสังคมและประเทศชาติให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป
“สิรินทรา สรรเสริญ” ผู้อำนวยการ โรงเรียนวัดธัญญะผล จ.ปทุมธานี กล่าวว่า “โครงการสหพัฒน์ให้น้องมีการดำเนินการที่สอดคล้องและเป็นแนวทางเดียวกันกับโรงเรียน ในการมุ่งปลูกฝังเยาวชนไทยให้มีคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งที่ผ่านมาโรงเรียนได้ปลูกฝังเยาวชนให้เป็นเด็กดี มีคุณธรรม ยึดเรื่องความซื่อสัตย์ และจิตอาสาเป็นหลัก เพราะมองว่าการเรียนรู้การเป็นจิตอาสา จะทำให้เด็กและเยาวชน เรียนรู้ความเสียสละ สร้างให้เกิดคุณธรรม จริยธรรมในจิตใจ เพื่อเติบโตไปอย่างมีคุณภาพในสังคม”
“ด.ช.ประภากรณ์ คัลชัย” หรือ “น้องกันโซ่” อายุ 12 ปี นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตัวแทนเด็กดี “ยอดมนุษย์ตัวจิ๋ว” ได้เปิดเผยความรู้สึกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ว่า “รู้สึกดีใจที่พี่ ๆ สหพัฒน์ ได้มาจัดกิจกรรมที่โรงเรียน สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากการได้เรียนรู้การแยกขยะต่าง ๆ แล้ว ยังได้ฝึกความกล้าแสดงออก จากการที่ตนได้เป็นตัวแทนพูดเชิญชวนเพื่อน ๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนอีกด้วย”
นับเป็นโครงการดี ๆ ที่มุ่งบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์จิ๋ว ให้เติบโตเป็นต้นกล้าที่งดงาม เป็นแรงสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมและประเทศชาติให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารออมสิน ได้จัดทำโครงการออมสินห่วงใย ส่งกำลังใจให้สังคม เพื่อเป็นการช่วยเหลือสังคม โดยการเปิดเพจเฟสบุ๊คออมสินห่วงใยขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางความช่วยเหลือผู้ป่วยหรือผู้เดือดร้อนจากโควิด-19 และเป็นช่องทางให้เข้าถึงความช่วยเหลือได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ล่าสุด ธนาคารได้จัดทำโครงการออมสินห่วงใยฯ ระยะที่ 2 โดยร่วมกับกรุงเทพมหานคร และบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) จัดทำกล่องออมสินห่วงใย หรืออาหารแห้งเพื่อดำรงชีพ จำนวน 30,000 กล่อง เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อยู่ ซึ่งจะส่งมอบ ณ พื้นที่สำนักงานเขตของกรุงเทพมหานคร 3 แห่ง ได้แก่ สำนักงานเขตหลักสี่ เขตจอมทอง และ ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร รวมถึงพื้นที่หน้าสาขาของธนาคารออมสินอีก 7 แห่ง ได้แก่ สาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สาขาดอนเมือง สาขาคลองจั่น สาขามีนบุรี สาขาราษฎร์บูรณะ สาขาตลิ่งชัน และธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ซึ่งจะทยอยส่งมอบให้กับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวตลอดเดือนตุลาคม 2564 โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและรักษาระยะห่างทางสังคมตามมาตรการของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
อนึ่ง โครงการออมสินห่วงใย ส่งกำลังใจให้สังคม ระยะที่ 1 เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยการให้ความช่วยเหลือใน 4 ภารกิจหลัก ได้แก่ 1) การบริจาคเงินสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์พักคอย กทม. โรงพยาบาลสนาม และการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์สนับสนุนศูนย์เอราวัณ 2) บริการจัดส่งยาและสิ่งของจำเป็น ด้วยทีมงานไรเดอร์ออมสินห่วงใยและรถตู้ สนับสนุนงานจัดส่งยาต้านไวรัสและส่งความช่วยเหลืออื่น ๆ 3) จัดหาอาหารปรุงสุกและอาหารแห้ง สนับสนุนงานของพันธมิตรและกลุ่มจิตอาสา เช่น เพจอีจัน เพจเราต้องรอด กลุ่มเส้นด้าย เป็นต้น และ 4) การบริจาคทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA ให้ทางราชการยืมใช้ทำประโยชน์ในการจัดทำเป็นสถานที่กักตัว ซึ่งที่ผ่านมา ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนไปแล้วร่วม 500,000 ราย
********************************
บุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่าทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2561 จะมีแนวโน้มดีขึ้น อีกทั้งนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลก็จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของประชาชน อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมทั้งสถานการณ์การซื้อสินค้าออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้สพัฒน์ตั้งเป้าหมายว่าปีนี้จะเติบโตจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมียอดขาย 34,240 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% และมีกำไรอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์การตลาดที่สหพัฒน์ให้ความสำคัญในปีนี้ คือ การจับมือกับคู่ค้า (Principal) ใหม่ ในด้านการจำหน่ายสินค้า อาทิ วินามิลค์ (VINAMILK) แบรนด์โยเกิร์ตอันดับ 1 จากเวียดนาม ที่มีจุดเด่นในเรื่องรสชาติ คุณภาพและมาตรฐานอียู ซึ่งได้มอบหมายให้สหพัฒน์เป็นผู้จัดจำหน่ายรายเดียวในประเทศไทยในทุกช่องทางตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 พร้อมทั้งวางแผนที่จะขยายกำลังการผลิตโยเกิร์ต นมเปรี้ยว และนมข้นหวานในประเทศไทยในอนาคต, ดอร์โก้ (DORCO) แบรนด์มีดโกนยักษ์ใหญ่จากเกาหลีที่มีการเติบโตในตลาดต่างประเทศและส่งออกไปมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก และมี สินค้าใหม่จากคู่ค้า (Principal) เดิม อาทิ ริชเชส ผลิตภัณฑ์ประเภทนมเปรี้ยว โยเกิร์ต เยลลี่ ซึ่งปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ใหม่ และคาดว่าจะออกวางตลาดในช่วงเดือนเมษายนปีนี้, ซื่อสัตย์ สึนามิ มิลค์ ซีฟู้ด บะหมี่แนวใหม่จากตระกูลซื่อสัตย์ ซิกเนเจอร์ที่มีจุดเด่นอยู่ที่น้ำซุปนม และน้ำมันเจียวที่ปลอดไขมันทรานส์, ผลิตภัณฑ์หมวด Oral Care จากไลอ้อน ได้แก่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก ภายใต้แบรนด์ KODOMO, SYSTEMA, SALZ, GOOD AGE, ZACT, WISE และซื่อสัตย์ ที่มุ่งเน้นสินค้าเพื่อเสริมสร้างสุขภาวะของผู้บริโภคครอบคลุมทุกช่วงวัย และครบถ้วนกับการดูแลสุขภาพช่องปาก เหงือก และฟัน ให้แข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี, ผ้าอนามัยเอลิส และทิชชู่เปียกเอลิแอล แบรนด์ใหม่ล่าสุดจากญี่ปุ่น ที่มุ่งเน้นคุณภาพและมาตรฐานการผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับสูง และ มาม่าโอเค บะหมี่แห้งสไตล์เกาหลี โดยมีจุดเด่นที่รสชาติเผ็ดร้อน เส้นบะหมี่หนานุ่มแบบบะหมี่เกาหลีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น
อีก 2 กลยุทธ์ คือ การเสริมความสัมพันธ์กับ Strategic Partners อย่างเข้มแข็งผ่านโครงการคู่ค้าพันธมิตร โดยมีการตั้งเป้าหมายการขายรายเดือนร่วมกับร้านค้าอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ และ การเน้นการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ โดยให้ความสำคัญกับช่องทาง B2B และ B2C ของบริษัทมากขึ้น และให้ความสำคัญกับการจำหน่ายสินค้าของบริษัทผ่านช่องทางออนไลน์ของคู่ค้า
บุญชัย กล่าวถึงผลการดำเนินงานของสหพัฒน์ในปี 2560 ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ มียอดขายอยู่ที่ 31,360 ล้านบาท เติบโตขึ้น 4% มีกำไร 1,444 ล้านบาท ซึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการที่สหพัฒน์ มีการบริหารระบบขนส่งสินค้าและคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้มาก ขณะเดียวกัน สินค้าหลายแบรนด์มีอัตราการเติบโตที่ดี อาทิ น้ำแร่มองต์เฟลอ น้ำตาลมิตรผล และผงซักฟอกเปา ซึ่งไลอ้อน (ประเทศไทย) ได้เปิดตัวโรงงานใหม่ Green Building ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลให้สหพัฒน์มีสินค้าจำหน่ายมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมี การเปิดตัวสินค้าใหม่ ออกสู่ตลาด ได้แก่ กะทิพร้าวหอม, Project Beyond ซึ่งเป็นร้าน Multi-brand ที่ได้แบรนด์ชั้นนำจากอเมริกาอย่าง Under Armour มาเป็นไฮไลต์ ร่วมด้วยแบรนด์ดังอื่นๆ ได้แก่ Converse, Mizuno และ Crocs ซึ่งล้วนได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้บริโภค, สินค้าในกลุ่ม Sea snack อาทิ แก้มกุ้งทอดกรอบปรุงรส รวมทั้งมาม่าโจ๊กต้มยำกุ้ง, มาม่าข้าวต้มหมูกระเทียมพริกไทย, มาม่ากะเพราแซ่บแห้ง, มาม่าคาโบนาร่า, โมรินางะ ลูกอมชิวชิวบอล (Chew Chew Ball) และ Under Armour Kids